‘สูบได้หรือเปล่า’
และซอยองโฮมักจะพยักหน้าน้อยๆ อ้าปากตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า ‘ถ้าคุณพ่ออยากสูบก็สูบเถอะครับ’ จากนั้นชายวัยกลางคนผู้ปีนป่ายจากแผ่นหลังของคนนับร้อยขึ้นสู่ช่วงเวลาแห่งสำเร็จ หายใจรดบนอำนาจและทองคำในทศวรรษที่ชื่อเสียงของตระกูลซอโด่งดังจนถึงขีดสุด เคาะก้นซองบุหรี่สีเงินยวงเพื่อให้มวลยาเส้นเผยอตัวออกมา คาบมันเอาไว้บนริมฝีปากพลางเอียงใบหน้ารับเปลวไฟจากมือบุตรชาย
ดวงตาคมกริบจับจ้องเด็กหนุ่มผู้กำลังนั่งหลังตรงอยู่ฝั่งตรงข้าม มองใบหน้าละม้ายคล้ายตนยังคงความเรียบเฉยราวรูปปั้นหินไร้ความรู้สึก คุณซอคลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงใจ กลิ่นอายเย็นชาเช่นนี้เป็นอุปนิสัยที่เขาอาศัยเวลานับสิบปีทุ่มเทหล่อหลอมขึ้นมา ‘หัดไว้หน่อยก็ดี เวลาออกงานสังคมจะได้ไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจ’ เพื่อให้บุตรชายเพียงคนเดียวสืบทอดเกียรติภูมิอันรุ่งโรจของวงศ์ตระกูลต่อไป
แต่เด็กหนุ่มไม่ได้รักใคร่เจ้าแท่งนิโคตินพวกนี้เท่าไรนัก เขารู้จักโทษทัณฑ์จากมันดี หนำซ้ำยังเคยมีประสบการณ์ค่อนข้างเลวร้าย ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งยื่นบุหรี่มาให้พร้อมกับคะยั้นคะยอให้หลานชายลิ้มลองความแปลกใหม่ ‘ครับ’ นำไปสู่สัมผัสครั้งแรกที่รุนแรงและแสบคอจนแทบสำลัก เรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาแขกเหรื่อทั้งหลาย แต่ในรสชาติสากลิ้นนั้นก็ไม่ได้ทำให้แผ่นอกของซอยองโฮวูบโหวงถึงเพียงนี้ -- วูบโหวงและกลวงเปล่าเพราะถูกฝ่ามือคู่หนึ่งบีบเค้นจนแตกสลาย
ช่วงเย็นส่วนใหญ่ของซอยองโฮถูกใช้ไปกับการเรียนพิเศษที่แม่จัดหามาให้ สามชั่วโมงเต็มในห้องเรียนขนาดเล็กเย็นฉ่ำและเทคนิคการสอนแพรวพราว เดิมทีวันนี้ก็สมควรเป็นไปเช่นนั้น ถ้าหากท้องของเขาไม่เกิดปั่นป่วนขึ้นมาเสียก่อน ปั่นป่วนรุนแรงเสียจนมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาประปรายตามไรผม แต่ประหูห้องน้ำชั้นประจำกลับแขวนป้ายทำความสะอาดอย่างไร้ซึ่งความปราณี
เขากำลังสายและพลาดเนื้อหาช่วงแรกของการเรียนพิเศษ “ให้ตายสิ” ซอยองโฮผู้ชอบผลาญวันเวลาไปกับวิชาการแสนน่าเบื่อกำลังนึกเสียใจ ไม่น่าใจอ่อนในตอนที่เห็นป้ายลดราคาแปะอยู่เด่นหราบนกล่องนมสีชมพูเลยสักนิด เหมือนม้วนเทปเล่นย้อนกลับ เด็กหนุ่มเดินหงุดหงิดงุ่นง่านจนกระทั่งผ่านห้องเก็บอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ประตูบานเลื่อนเว้นช่องว่างไว้เล็กน้อย เล็กน้อยทว่าเพียงพอให้เปิดเผยความลับของคนคู่หนึ่ง
วัยรุ่นมีส่วนประกอบของความคึกคะนองและฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ยองโฮเข้าใจอย่างนั้น แต่ไม่คาดฝันถึงเงาร่างของจองแจฮยอนบนความหมิ่นเหม่ตรงหน้า “พอแล้ว” ควันบุหรี่สีเทาจางลอยออกมาจากปลายนิ้วและเริ่มแผ่ขยาย ปกคลุมเด็กหนุ่มทั้งสองราวกับแยกโลกใบนี้เป็นสองส่วน “กูไม่ชอบข้างนอก มึงก็รู้” คั่นกลางด้วยหุบเหวลึกที่เขาไม่อาจก้าวข้ามไปได้
เป็นครั้งแรกที่ตระหนักได้ว่าจริงๆ แล้วเขาล้วนกำลังเฝ้ามองภาพลวงตาของจองแจฮยอน ถูกเติมแต่งขึ้นเองตามใจปราถนา “วันนี้พ่อแม่ไม่อยู่” ทั้งสองคนดูคุ้นเคยกันดีจนน่าปวดใจแต่ก็ยังไม่ใช่คู่รัก ทว่าสัจจะอันโหดร้ายชิงทุบตีศีรษะของซอยองโฮจนงงงันไปก่อนแล้ว เด็กหนุ่มเคลื่อนไหวเพราะต้องเคลื่อนไหว ต้องรีบหลีกหนีออกมาก่อนจะมีใครมาพบเข้า
น่าตลก เด็กหนุ่มหนีกลับมายังห้องน้ำ จุดเริ่มต้นของเส้นทางและความเศร้าโศก ปล่อยตนเองจมดิ่งลงไปในความมืดมิดอับแสง พยายามตั้งสมมติฐานภายใต้คำถามนับร้อยนับพันครั้ง ตะเกียกตะกายไขว้คว้าหาความเป็นไปได้แม้สักน้อยนิด แต่กลับไม่มีสมการไหนเลยที่สามารถนำพาไปสู่ตัวตนของนักบอลเบอร์แปดบนดินแดนแห่งนั้น ดินแดนอีกฟากฝั่งหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดจะย่างกราย
แต่ในรสชาติสากลิ้นนั้นก็ไม่ได้ทำให้แผ่นอกของซอยองโฮวูบโหวงถึงเพียงนี้ -- วูบโหวงและกลวงเปล่าเพราะถูกฝ่ามือคู่หนึ่งบีบเค้นจนแตกสลาย
“นายว่าแยมโรลรสนมหรือรสวานิลาดี”
มันเป็นช่วงพักเปลี่ยนคาบเรียนที่เด็กหนุ่มตั้งใจจะลงมาหาอะไรง่ายๆ ยัดใส่ท้อง แต่กลับต้องมาตอบคำถามเพื่อนร่วมห้องหน้าชั้นวางเบอเกอรี่ “วันนี้เป็นวันเกิดแจฮยอน” เธอชื่นชอบนักบอลหมายเลขแปดคนนั้นอยู่พอตัว ไม่ถึงขนาดหลงใหลคลั่งไคล้ แต่ถ้าหากไม่ติดขัดอะไรก็มักจะปรากฏตัวด้านข้างสนามหญ้าเป็นประจำ ‘อาหารตาน่ะ’ เคยอธิบายกันไว้แบบนั้น
“เปล่าประโยชน์” เขาตอบ “ใครจะไปกินของที่คนไม่รู้จักให้กัน”
“แต่ฉันอยากให้” เธอเบ้ปาก “อย่างน้อยก็เพื่อขอบคุณ เพราะมีเขาเลยนะ! ฉันถึงยังไม่ถูกสูตรฟิสิกส์พวกนั้นฆ่าตาย” แต่สุดท้ายเด็กสาวก็วางขนมทั้งสองห่อลงที่เดิมและจ่ายเงินค่ายาชูกำลังขวดเล็กแทน ยองโฮบอกเธอให้รีบกลับขึ้นชั้นเรียนเพราะคาบต่อไปมีสอบย่อย ส่วนเขาใช้เวลาเดินวนอยู่ในร้านต่ออีกสักพัก ก่อนจะตัดสินใจดึงนมสตอเบอรรี่กับกล่องหมากฝรั่งออกมาจากชั้นวางของ
เขามองกล่องหมากฝรั่งเล็กจิ๋วในมือก่อนจะติดโพสต์อิทสีแสบสันลงไป ลายมือเรียงตัวกันเป็นระเบียบสะท้อนอุปนิสัยส่วนตัว หัวใจเต้นระส่ำในขณะก้าวเดินข้ามผ่านระเบียงทางเดินไม่คุ้นตา ห้องห้าว่างเปล่าตามความคิด เด็กหนุ่มจำโต๊ะของอีกฝ่ายได้ดีแม้จะเคยเดินผ่านเพียงไม่กี่ครั้ง หรืออันที่จริงคงต้องบอกว่าตั้งใจจดจำต่างหาก -- โต๊ะหลังสุดริมหน้าต่าง ซึ่งแจฮยอนคงไม่ได้ทำเลทองแบบนี้จากการมาเช้าแน่ๆ
ระหว่างเรียนทั้งวันหูของเขาได้ยินแต่เรื่องเด็กสาวสารภาพรัก ‘อีกแล้วล่ะ คราวนี้เป็นดาราเด็กที่ไม่ค่อยมาเรียนคนนั้น’ นับได้เลาๆ ทั้งหมดสี่คน
ในจังหวะที่ซอยองโฮกำลังสอดกล่องหมากฝรั่งลงไปใต้โต๊ะ ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างพอดิบพอดี “อ้าว” ฝ่ามือชะงักเล็กน้อยก่อนจะคลายออก “ไม่ติดว่านายจะเป็นแฟนคลับเราด้วย” เขาหันหลับมามองจองแจฮยอนในชุดนักบอลสีขาวสลับดำ บนใบหน้านวลเนียนดุจปูนปั้นชโลมไปด้วยหยาดเหงื่อ ดูเหมือนจะลืมอะไรบางอย่างทิ้งเอาไว้ถึงได้เร่งรีบกลับมากระทันกัน
เขาสบถด่าในใจ อุส่ารอจนเย็นย่ำป่านนี้ก็เพื่อไม่ให้ใครมาพบเข้าแล้วลือออกไป “มีคนฝากมาน่ะ”
เด็กหนุ่มยืนหลังตรงมองจองแจฮยอนแสดงท่าทีเป็นมิตร ริมฝีปากแดงแย้มยิ้มเล็กน้อยและดวงตาหยีขึ้นจนกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว “ไม่น่าเชื่อ” นักบอลหมายเลขแปดหัวเราะ “เด็กห้องนายเหรอจะชอบเรา” ไหล่ของยองโฮลอบลู่ลงกว่ามาตรฐานเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคิกคักแผ่วเบา เหนื่อยล้าเกินกว่าจะวกกลับมาถกเถียงกับตนเองเรื่องจริงหรือปลอม เพียงแต่กลับตาลงช้าๆ และยอมรับมัน
“นายเป็นคนมีเสน่ห์”
‘nicotine gum’
เพราะไม่ว่าตัวตนของจองแจฮยอนบนอีกฟากฝั่งหนึ่งของโลกจะเป็นอย่างไร สำหรับซอยองโฮแล้วเขาก็ยังคงเป็นพระอาทิตย์ดวงน้อยที่คอยแผ่แสงสว่างให้คนรอบข้างอบอุ่นหัวใจ เพียงแต่แอบหวังอยู่ลึกๆ อย่างไม่สมควรว่ารอยยิ้มกว้างและลักยิ้มทั้งสองข้างนั้นจะเป็นจริง แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ในความหมายนับล้านของจองแจฮยอนก็ตาม
____________________________
nicotine gum หมาฝรั่งช่วยเลิกบุหรี่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in