วันนั้นเป็นบ่ายวันอังคารธรรมดาที่อากาศร้อนอบอ้าวเป็นพิเศษ ร้อนอบอ้าวเสียจนไม่มีใครอยากจะขยับเขยื้อนตัว แต่ซอยองโฮและเพื่อนนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีสองอีกสิบกว่าชีวิตกลับถูกความซ้ำซากจำเจของวิชาการผันผูกเอาไว้บนเก้าอี้เหล็ก รัดแน่นกระทั่งหายใจไม่ออก “ฟุบอีกแล้ว? ฉันบอกเลยนะว่าตลอดสิบกว่าปีที่สอนหนังสือมา รุ่นเธอน่าผิดหวังที่สุด” อาจารย์ประจำวิชาหย่อนช็อคกลับลงไปในราง ใช้สายตาคมกริบพิจารณาอนาคตลูกศิษย์แต่ละคนผ่านเลนส์กระจก
บ่าของเด็กหนุ่มสาวทรุดลงด้วยน้ำหนักของความหวังอันหนักอึ้ง สีหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แต่จู่ๆ “ขออนุญาตครับ” นักเรียนชายที่มักนั่งหลังตรงอยู่บนโต๊ะแถวหน้าสุดฝั่งขวา ติดประตูบานใหญ่ก็ผุดลุกขึ้นโดยไม่รีรอแม้แต่เสียงตอบรับ เป็นการกระทำออกจะไร้มารยาทและชวนโมโหอยู่บ้าง แต่เพราะต้นเหตุคือซอยองโฮทุกอย่างจึงยังดำเนินต่อไปตามปกติ ดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น
“เขาคงปวดท้องกระทันหัน” หล่อนแก้ตัวแทนลูกศิษย์คนโปรด
ซอยองโฮสบถสาบานว่าต่อไปนี้เขาจะไม่ทานนมลดราคาของร้านสะดวกซื้ออีกต่อไป
มือหนาลูบวนบนหน้าท้องที่ยังคงบิดเกร็งอยู่บ้างแม้จะทานยาเข้าไปแล้ว เด็กหนุ่มเป็นคนระเบียบจัด เขามักจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อยตั้งแต่ในเวลาพักกลางวัน ดังนั้น การต้องออกจากห้องเรียนกลางคันจึงทำให้เขาหัวเสียอยู่ไม่น้อย ‘ยองโฮน่ะเหมือนกับเนวี่บลู’ แม่เคยใช้ประโยคนี้อธิบายตัวตนอันสับสนยุ่งเหยิงของบุตรชาย ว่าเหมือนกับเนวี่บลู -- สีกรมท่าแสนเคร่งขรึมจากห้วงมหาสมุทรสุดลึกล้ำ
เขาใช้นิ้วเกี่ยวขยับคอเสื้อเล็กน้อย “ร้อนจริงๆ” ระหว่างทางกลับห้องเรียนต้องผ่านระเบียงกระจกยาวเหยียดที่ถูกจัดวางด้วยองศาเหมาะเจาะ แสงธรรมชาติจึงสามารถสาดส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ เด็กหนุ่มถอนหายใจฟึดฟัดก่อนจะก้าวเท้าให้ยาวขึ้นกว่าเดิม แต่กลับต้องหยุดชะงักเพราะระลอกคลื่นแปลกประหลาดจากด้านล่าง จากสนามฟุตบอล “แจฮยอน มึงแม่งโครตเจ๋ง” ผู้เล่นครึ่งสนามกรูเข้าไปล้อมรอบคนคนหนึ่งราวกับฝูงผึ้งดอมดมดอกไม้
หนึ่งในนั้นรูปร่างสูงใหญ่แบกแจฮยอนขึ้นขี่หลังและพาแห่ไปทั่วทั้งสนาม ยองโฮหรี่ตามองเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่ถูกกระเตงระคนกระโดดจนหัวสั่นโคลงเคลง ทว่าบนใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มสว่างไสวราวกับพระอาทิตย์ดวงน้อย “แจฮยอน?” ซึ่งต่อมาเขาถึงรู้ว่าเจ้าตัวนามสกุลจอง เป็นนักเรียนโควตานักกีฬา อยู่ห้องห้าและเล่นบอลให้ทีมโรงเรียน
“เป็นดาวซัลโวจังหวัดด้วยนะ” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเสริม
“ยองโฮ ครูว่าเธอควรไปหาหมอ”
หลังจากนั้น เขาก็มักจะปวดท้องเรื้อรังในบ่ายวันอังคารเพื่อหาเรื่องมาเดินทอดน่องอยู่บนระเบียงกระจกที่ตนแสนเกลียด ทนถูกแสงแดดร้อนระอุรอนรานผิวเสียจนแสบแดงเพื่อเฝ้ามองรอยยิ้มเจิดจ้าของพระอาทิตย์ดวงน้อย รอยยิ้มเจิดจ้าและเสียงหัวเราะดังกังวานช่วยผ่อนปรนหัวไหล่ตึงเขม็งให้คลายลง ปลดเปลื้องสายตาเปี่ยมหวังของใครต่อใคร แม้จะเป็นเพียงชั่ววินาทีสั้นๆ แต่ซอยองโฮกลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกอ่อนจาง อ่อนจางราวกับถูกสีขาวผสมลงมา
และเขาเองก็ไม่ใช่เนวี่บลูที่แข็งทื่ออีกต่อไป
______________
วูบจากงาน ไฟนอลและหลายๆอย่าง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in