เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คิดเล่นเห็นต่างกูอันเฟรนด์Kyokung Worawut K
เพื่อนไม่จริง (Like a Maze)
  • ฉันชอบอยู่กับที่บ้านในคืนข้ามปีเพื่อที่จะได้เป็นคนแรกที่บอกสวัสดีปีใหม่แก่กัน แต่เผอิญปีนี้มันมีวันหยุดยาวหลังปีใหม่ เพื่อนฉันคนหนึ่งที่ไม่ได้พบพูดคุยกันนานพอสมควรก็มาชวนฉันไปเที่ยวกางเต็นท์นอนกลางดินกินกลางป่ากับที่บ้านของเขาพร้อมข้อเสนอที่ว่าฟรีตลอดทริป แล้วแบบนี้ใครล่ะจะพลาด


    เมื่อถึงเวลานัด มือถือคู่ใจของฉันก็ตัดสินใจอำลาโลกโดยการทิ้งดิ่งลงไปแหลกเป็นชิ้นๆ อยู่กับพื้น ฉันพยายามมองโลกในแง่ดีว่าทริปนี้คงจะทำให้เราได้ออกจากสังคมก้มหน้ามามีเวลาสัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม การเสพติด social ของฉันยังคงได้รับการเติมเต็มด้วยมือถือของเพื่อน ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก เพราะเมื่อฉันหยิบมันขึ้นมา ไลน์ที่ชื่อว่า “ที่รัก” ก็เด้งขึ้นมา และฉันก็ดันกดไปโดนพอดี แต่ไม่ได้ไปยุ่งอะไร เท่านี้แฟนเพื่อนก็โทรมาวีนมันว่าอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ จนมันต้องเสียเวลางอนง้อแฟนยืดยาวผ่าน facetime กว่าทุกอย่างจะลงเอยไปด้วยดี อ้า! เทคโนโลยีมันดีอย่างนี้นี่เอง

    มันเล่าให้ฉันฟังทีหลังว่า แฟนเด็กของมันคนนี้ ขี้อ้อนและขี้งอนได้ไม่เว้นวัน ไม่ใช่ความผิดฉัน และพวกเขาก็ facetime หากันทุกวันอยู่แล้ว


    วันต่อมา เมื่อเราย้ายเข้าสู่ที่อับสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ฉันกลับรู้สึกแปลกแยกยิ่งกว่า เพราะไม่มีใครที่ฉันจะคุยได้อย่างสนิทใจ 100% เลยสักคน เนื่องจากทุกคนไม่ใช่ญาติฉัน และฉันก็ไม่เคยพบเจอพวกเขามาก่อน ส่วนเจ้าเพื่อนปากหมานี่ก็อย่างที่บอก ไม่ได้เจอไม่ได้คุยกันนานแล้ว และที่สำคัญถึงจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ แต่ก็มีเกมในเครื่องให้มันเล่นได้ไม่รู้จบ แย่จริงๆ! อันนี้ไม่ได้หมายถึงมันนะ แต่หมายถึงฉันต่างหาก ฉันไม่รู้ต้องทำตัวแบบไหนเลย มันเหงาทั้งที่มีคนรอบตัวมากมาย แปลกพิลึก

    กลับกัน พอไม่มีเกม ก็มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ การคุยกันทั้งวันทั้งคืนทีละนานๆ ของเพื่อนฉันกับแฟนนั้นทำให้ฉันหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันเข้าใจความรักกุ๊กกิ๊กของวัยรุ่นดีว่ามันจะต้องมี pattern อย่างเช่น ต้องคอยโทรปลุกกัน รายงานตัวว่าแต่ละวันจะไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร แล้วกลับกี่โมง อย่าลืมกินข้าวนะ อย่านอนดึกนะ เป็นห่วงนะ เจอกันในฝันนะ คิดถึงนะ รักนะ ไปออกเดท กินข้าว ดูหนัง จับมือ ถ่ายรูปคู่ บลา บลา บลา แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมต้องทำ ฉันไม่เห็นว่าทุกคู่ที่ประสบความสำเร็จในความรักจะทำสิ่งเหล่านั้นกันอย่างสม่ำเสมอเลย ไม่จำเป็นต้องเห็น ต้องเจอ ต้องคุยกันทุกวัน มีที่ว่างให้ความเป็นส่วนตัวกันบ้างก็ดี อย่างเช่น ผู้ชายติดเกม กีฬา แกดเจ็ท ผู้หญิงติดซีรี่ส์ ช็อปปิ้ง ดิ้นในผับ ฯลฯ



    เอ๊ะ! หรือว่าฉันกำลัง “หวงเพื่อน”

    หลายคนเมื่อเพื่อนสนิทไปสนิทกับเพื่อนอีกคน หรือไปมีแฟน เราก็มักจะชื่นชมยินดี คอยให้คำปรึกษาและสนับสนุน โดยที่ลึกๆ แล้ว เราอยากได้เวลาจากเพื่อนมากกว่า ยิ่งเขาอยู่กับเรา แต่คุยโทรศัพท์กับอีกคน มันยิ่งเสียความรู้สึก ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะเลือกเพื่อน แต่เราก็คงไม่กล้าไปเรียกร้องอะไรจนเขาต้องผิดใจกันหรอก เดี๋ยวเพื่อนจะยิ่งเตลิดหนีห่างเราไปไกลกว่าเดิมเพราะอึดอัดรำคาญ


    สำหรับฉัน การหวงเพื่อน (ที่ไม่มากเกินไป) ถือเป็นความรักความห่วงใยที่บริสุทธิ์ไปอีกแบบเลยนะ ฉันคิดถึงวันแรกที่ฉันกับเพื่อนได้เจอกัน ได้คุยกัน อาจจะจำไม่ได้ว่าเราคุยอะไรกันบ้าง แต่ฉันก็จำความรู้สึกในวันนั้นได้นะ มันเรื่อยๆ สบายๆ ไม่เปิดเผยหรือปิดบังอะไรใดๆ ต่อกันมากเกินไป ผ่อนคลายกำลังดีเลยล่ะ ตรงนี้ละมั้งที่ทำให้ฉันรู้สึกเสียดายถ้าต่อไปมันจะหายไป กลายเป็นความรู้สึกดีๆ ที่เพื่อนของเราจะเอาไปให้ใครก็ตามที่เพิ่งมาใหม่ และดูเหมือนจะถูกคอกันมากกว่าแทน ถึงจะรู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อใครไม่มีวันจะเหมือนกันและไม่มีใครแทนกันได้ แต่เพื่อนกับแฟนมันคนละสถานะกันนะ ยังไงก็ต้องต่างกันอยู่แล้ว

    แล้วถ้าที่ฉันเป็นอยู่มันไม่ใช่การหวงเพื่อน แต่เป็นการแอบรักเพื่อนแล้วเพิ่งจะมารู้ใจตัวเองแบบที่ “เต้ย” ตัวละครใน Hormones The Series Season 2 มีต่อ “ต้า” เพื่อนที่เคยสารภาพรักกับเธอใน Season ก่อนหน้าแต่กลับถูกปฏิเสธจนต้องกลับเข้าสู่ friend zone เหมือนเดิม และคงเสี่ยงยิ่งกว่าเดิมถ้าจะก้าวออกมาจาก friend zone อีกครั้งล่ะ ถ้าผลลัพธ์ของการก้าวข้ามมันสวยสดงดงามก็คงไม่มีปัญหา (ยกเว้นคบกันไปแล้วมันไม่โอเคเหมือนตอนเป็นเพื่อน) แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้รักชอบกันเหมือนก่อนแล้ว อีกฝ่ายก็คงต้องอดทนเก็บความรู้สึกที่หลากหลายกว่าความผิดหวังนั้นให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะเสียเพื่อนไปตลอดกาล


    แล้วถ้ามันไม่ใช่รักกุ๊กกิ๊กมิกซ์กับความวาบหวิวแบบที่แฟนกันควรจะมี แต่มีแค่ความวาบหวิวที่เกิดจากความใกล้ชิดและอารมณ์พาไปล้วนๆ ล่ะ แบบนั้นมันจะถูกต้องรึไม่ที่จะทิ้งแฟนที่มีอยู่ และจะคุ้มค่ารึเปล่าที่จะเปลี่ยนเพื่อนให้มาเป็นแฟน หรือจะตกลงเป็นแค่ FWB (Friend With Benefits) คือเป็นเพื่อนที่มีเซ็กส์กันได้ เอะอะก็ “มาเล่น (เสียว) กันเถอะๆ” บางเวลาอาจดูซับซ้อนและน่าตื่นเต้น แต่สุดท้าย ไม่ว่าใครก็ต้องการความชัดเจนในความสัมพันธ์กันทั้งนั้น เพราะมันไม่ใช่ one night stand และรักที่ไม่คาดหวัง ไม่ต้องการเป็นเจ้าของ มันก็ไม่มีอยู่จริง ไม่ใครก็ใครต้องเผลอใจคิดไปไกลเข้าสักวัน

    แล้วถ้าเราคิดว่ามันเป็นแค่ความต้องการฉาบฉวย ก็เลยปล่อยผ่าน โดยที่มารู้ทีหลังว่าต้องเป็นเขาหรือเธอคนนั้นเท่านั้นถึงจะเติมเต็มความต้องการของกันและกันทั้งกายใจได้ หรือมารู้ทีหลังว่าต่างคนต่างก็คิดเหมือนกันมาตลอดล่ะ ไม่เสียดายแย่เหรอ นั่นคือสิ่งที่ใครก็ตามที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต้องใช้เวลาคิดให้ดีว่าจะจัดการกับความสัมพันธ์ และความรู้สึกของกันและกันอย่างไรต่อ เพราะความรักมันสอนกันไม่ได้ ต้องเสี่ยงเอา อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปกับการกลัวเสียหน้าหรือแม้แต่กลัวการเผชิญหน้า จงกล้าที่จะบอกรัก และกล้าที่จะยอมรับความจริง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เพราะคำว่ารักพูดอยู่ฝ่ายเดียวมันก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าไม่กล้าก็ต้องยอมทนเห็นเขารักใครต่อใครต่อไป


    ในทางกลับกัน ถ้าใครที่รู้ว่ามีเพื่อนมาแอบชอบแล้วเราก็ชอบเขาเหมือนกัน ขอให้เรารีบพูดคุยกันโดยด่วน เพื่อนที่แอบชอบเราเขาจะได้หายอึดอัดกับรักที่ไม่กล้าแสดงออกเพราะกลัวเสียเราไปสักที ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีใครอยู่ ณ ขณะนั้น ก็ต้องเพิ่มเข้าไปในหัวข้อสำหรับการซักถามด้วยว่า จะรอได้ไหม หรือจะอะไรยังไง แต่อย่าคบซ้อน มันอันตราย ทีนี้ถ้าเราไม่ได้คิดเหมือนเพื่อนที่มาชอบเราล่ะ บอกเลยว่าเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ พูดตรงๆ (ไม่ใช่พูดแรงๆ) ด้วยคำตอบเดียวกันว่า จะรอได้ไหม เพราะใจคนเรามันเปลี่ยนได้ ถ้าวันนี้เราไม่ชอบเขา สักวันเราอาจชอบเขาก็ได้ ระหว่างนี้ก็ไม่เชิงให้ความหวังเขาหรอก แค่ให้โอกาสเขาได้แสดงความจริงใจ แต่ถ้าเขาเหนื่อยก่อนที่เราจะเปลี่ยนใจ นั่นก็แสดงว่าเราเหมาะจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า

    ภาพประกอบ: แล้วแต่อารมณ์


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in