“พี่ครับพอจะมีเศษตังให้ผมไหม พอดีไม่มีค่ารถกลับบ้านแถว...” ถ้าอารมณ์ฉันปกติก็คงจะเดินลิ่วไปด่าพนักงานร้านแมคโดนัลด์สาขาเดอะมอล์บางกะปิแล้ว ว่าปล่อยให้คนจรจัด ติดยา สติไม่ดี เข้ามาขอเงินลูกค้าถึงในร้านแทบทุกครึ่งชั่วโมงไม่ซ้ำหน้าได้อย่างไร (แมคโดนัลด์ในประเทศไทยแปะประกาศห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง แต่ไม่ห้ามพวกมานั่งแช่เพื่อกวดวิชาหรือขายตรง คนจรจัดเข้ามาก็ไม่สน ทำเป็นก้มหน้าก้มตาถูโต๊ะ ทั้งที่ถูเท่าไรก็ไม่เห็นจะสะอาดขึ้นเลยสักนิด) ถามว่าฉันรู้ได้ไงว่าจรจัด? ก็ประโยคต่อมาน่ะสิ “พี่ครับขอน้ำพี่ด้วยได้ไหม” ถ้าเป็นคนไม่มีเงินกลับบ้านจริง จะกล้าขอกินต่อจากใครที่ไหนไม่รู้ไหม ถามว่าฉันให้ไหม ทะลึ่งเป็นบ้า มาขอน้ำคนอื่น น้ำน่ะไม่ แต่เงินน่ะให้ พอดีฉันกำลังอยู่ในอารมณ์โลกสวย ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ไม่ปกติสำหรับฉัน เพราะฉันกำลังปฏิบัติกิจธุระกับฝรั่งทางเทเลโฟนอยู่ เจ้าเด็กนั่นได้ยินก็รีบเปลี่ยนภาษาพูด “Can you speak English?” บร๊ะ! สุดยอดแห่งความพยายามจริงๆ ถ้าฉันเป็น HR คงรับนางเข้าทำงานทันที (อันที่จริงก็อยากเป็น HR อยู่หรอกนะ แต่เผอิญว่า ฉันไม่ชอบตัดสินคนแค่ภายนอกจากการคุยกันไม่กี่ครั้ง ครั้งละไม่กี่นาทีน่ะสิ) ก็ไม่รู้ว่าหน้าตาเราดูโง่ หรือว่าดูใจบุญนะ นางถึงได้ตรงมาที่เรา (ขอให้เป็นอย่างหลัง) พอถามว่าจะเอาเท่าไร นางเสือกตอบ 70 ฉันคำนวณคร่าวๆ ในสมองจากที่นี่ไปยัง... ก็รู้เลยว่าค่าเดินทางมันไม่ควรจะมากขนาดนั้นนะ เว้นแต่จะโกหก เอาเงินไปทำอย่างอื่น ฉันเลยให้แบงก์กาโม่ไปใบนึง (ฉันชอบพกของเล่นไปไหนมาไหนด้วย) พอเด็กนั่นได้เงินก็รีบออกไป สักพักก็กลับเข้ามาใหม่พร้อมทีมกล้องและพิธีกร ตรงดิ่งมาหาฉันเพื่อมอบของรางวัลแด่คนดีมีน้ำใจเป็น gift voucher มูลค่า 5000 พร้อมเช็คเงินสดอีก 50000 เสียดายที่ย่อหน้านี้ไม่ใช่เรื่องจริง และคงไม่มีใครอุตริทำ candid ในประเทศมากปัญหานี้ คงต้องขยันและอดทนอย่างสูงเลยล่ะ กว่าจะเจอคนใจดีสักคนให้มอบรางวัล
ที่ไม่มีใครให้เป็นเพราะคนไร้น้ำใจมากขึ้น หรือขบวนการขอทานมันมากขึ้นจนคนเริ่มชินชาก็ไม่รู้ บางคนขโมยลูกคนอื่นมาขอทาน บางคนที่พิการก็ไม่รู้ว่าพิการเพราะถูกทำให้พิการรึเปล่า แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ เราเห็นพวกเขาแล้วเราทำอย่างไร เคยแจ้งเจ้าหน้าที่บ้างไหม หรือแค่ให้เงินไปเพื่อตัดความรำคาญ
การให้เพื่อตัดความรำคาญกับการให้เพื่อทำบุญมันก็ไม่ได้ต่างกันเลยนะ บางคนที่ให้เงินขอทานพิการตามข้างทางหรือสะพานลอยก็ไม่ได้ให้เพราะเวทนาสงสาร อยากช่วยเพื่อนมนุษย์หรอก แต่ให้เพราะเหม็น สกปรก น่ารังเกียจ อยากไล่ให้ไปไกลๆ แล้วปฏิเสธจิตใต้สำนึกของตัวเองด้วยการแสดงออกอย่างคนใจบุญต่างหาก ซึ่งบางคนก็หน้าใหญ่ใจโต เวลาใครแจก "ซองกฐินผ้าป่า" ถ้าไม่ใส่ซองเพื่อตัดความรำคาญของคนที่เอาบุญมาฝาก ก็อาจจะใส่เพื่อแสดงมารยาททางสังคม แล้วถ้าเขาตั้งใจทำบุญจริงๆ ล่ะ? ก็ต้องถามต่อไปอีกนั่นแหละว่า เป้าหมายของการทำแต่ละครั้งคืออะไร? เพราะเชื่อว่าอนาคตจะได้เจอสิ่งดีๆ ชาติหน้าเกิดมาจะได้เก่ง รวย สวย หรือต่อให้ทำเพื่อสะเดาะเคราะห์ ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่หวังผลกันทั้งนั้น
การกระทำที่หวังผลเป็นรูปธรรมอื่นๆ เช่น การลุกให้คนแก่ท้องหรือคนท้องแก่นั่งในขนส่งมวลชน ผู้ให้ก็หวังที่จะได้คำขอบคุณ หรืออย่างน้อยก็ทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี ถึงจะไม่ได้เป็นคนดีในสายตาใครๆ เพราะสิ่งที่ทุกคนคิดในใจก็คือ “ดีแล้ว กูจะได้ไม่ต้องลุก” ก็ตาม ส่วนที่เป็นนามธรรมก็เช่น การมอบรักให้กันแล้วบอกว่าไม่ต้องการให้มารับรักตอบ เอาเข้าจริงอย่างน้อยก็น่าจะต้องการให้คนที่เรามอบรักให้มองเห็นว่า เรามีตัวตนบนโลกนะ และกำลังทำอะไรให้เขาอยู่ คงไม่มีใครที่ให้โดยไม่คิดหวังอะไรเลย นอกเสียจากคนนั้นจะโดนสะกดจิตหรือโดนป้ายยามา ฉันก็ไม่ได้ว่าการให้มันไม่ดี เพราะการให้เป็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่สำคัญอย่างหนึ่ง แค่จะบอกว่า ผู้ขอหวังสิ่งที่ขอจากผู้ให้ และการให้ในทุกครั้งผู้ให้ก็หวังที่จะได้กำไรมากกว่าสิ่งที่ให้เสมอ อย่างการบนบานศาลกล่าว บริจาค 20 แต่ขอให้ถูกรางวัลที่ 1 เวลาใครเกิดใครตายใครแต่งงาน ต้องใส่ซองให้น้อยๆ แต่แดกให้เยอะๆ จะได้คุ้มเสมือนกินโต๊ะจีนลิง ต้องไปถึงก่อนใคร อาหารมาเมื่อไรก็รีบรุมทึ้งราวกับแร้งลง ต้องถ่ายรูปเอาหน้าเยอะๆ ราวกับตัวเองเป็นเจ้าภาพ หรือการรณรงค์ของพวกรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม พวกเขาก็บอกอยู่โต้งๆ ทุกครั้ง ว่าพวกเขาทำไปเพราะหวังผลให้โลกตอบแทนการดูแลด้วยการมีทรัพยากรให้ลูกหลานใช้ไปนานๆ เห็นไหมว่าการให้ที่เอื้อประโยชน์กันทั่วหน้ามันก็มี
ในยุโรปสมัยกลาง ขอทานกับการปล้นสะดมถือเป็นเรื่องเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ ฝรั่งจึงรังเกียจขอทานมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ปัจจุบันก็ยังมีข่าวการรีดไถของโจรมุมตึกในหลายประเทศให้เห็น และมีข่าวการออกมาประท้วงของคนจรจัดในอังกฤษที่รัฐทำถนนและฟุตปาธให้มีพื้นผิวไม่เอื้ออำนวยแก่การนอนข้างถนนของพวกเขา... เอิ่ม (-_-')
ขอทานจรจัดเป็นปัญหาสังคมอย่างหนึ่งที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะพวกเขาเหล่านั้นมีกันทุกเพศทุกวัยราวกับเป็นขบวนการ เมื่อไรจะมีคนสนใจเรื่องเขาพวกเขาแล้วลงพื้นที่สังเกตการณ์อย่างจริงจังนะ จะได้มีคนตอบปัญหาที่ฉันสงสัยสักที (หรือไม่รู้ว่าต้องเริ่มตรงไหน? หรือรู้แต่ไม่สนใจ? หรือโบ้ยให้คนอื่นทำเหมือนที่ฉันเพิ่งโบ้ยไป?) ว่าทำไมพวกเขาถึงอ้างว่ากลับบ้านไม่ได้ หรือพวกเขาไม่มี “บ้าน” ให้กลับ? แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่มีเงิน ทำไมพวกเขาไม่มีงานที่สุจริตทำ? ทำไมพวกเขาดูเหมือนเด็กหลงบ้าง ขี้ยาบ้าง มนุษย์ป้าบ้าง ความจริงแล้วพวกเขาเอาเงินไปทำอะไร? สุดท้าย ถ้าสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เราก็คงไม่ต้องมาคิดว่า จะให้หรือไม่ จะหลีกเลี่ยงหรือจัดการกับพวกเขาอย่างไร แม้หลายคนจะบอกว่าประเทศไหนๆ ก็มีคนจรจัดไม่ต่างกับประเทศเราก็ตาม แต่ถ้าเราแก้ปัญหาได้ มันก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ คือไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอก รำคาญน่ะ รกหูรกตา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in