ตอนลูกยังเล็ก เราชอบพาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์มาก ในเวลานั้น ในใจเราคิดเพียงอย่างเดียวว่า เพื่อเปิดโลกทัศน์ของลูก ให้เขาได้มีประสบการณ์ตรงกับการได้พบเจอสัตว์ต่างๆ หลากหลายชนิด เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาและความบันเทิงใจล้วนๆ
วันหนึ่งเราพาเขาไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์ แล้วเดินผ่านจุดแสดงโชว์อันหนึ่ง ขึ้นป้ายไว้ว่า โซนสัตว์ขั้วโลกเหนือ เราดีใจมากที่ลูกจะได้เห็นสัตว์ที่ไม่มีในบ้านเรา เพราะโอกาสที่จะได้เห็นสัตว์ขั้วโลกเหนือตัวเป็นๆ นั้นยากมาก ถ้าไม่ได้ไปถึงขั้วโลกเหนือจริงๆ เราพาลูกไปดูวอลลัสก่อน ซึ่งตอนที่ไปเห็น วอลลัสดูน่ารักและมีความสุขดี กำลังเล่นพ่นน้ำกับพนักงาน เราชี้ชวนให้ลูกดูอย่างเพลิดเพลิน สนุกสนาน แล้วก็ถึงคิวของหมีขั้วโลก เราเลือกพาลูกขึ้นไปชั้นบน ที่มีป้ายบอกว่าสามารถให้อาหารหมีได้ด้วย เพราะอยากให้ลูกได้เห็นขัดๆ และ ให้อาหารหมีด้วย
เมื่อเราขี้นไปถึง และมองเห็นหมีขั้วโลก ความรู้สีกตื่นเต้น ยินดีปรีดาทั้งหมดก็มลายหายไป เปลี่ยนเป็นความสลดสังเวชใจ แทบจะในทันทีที่ได้เห็น เพราะหมีขั้วโลกที่เราเห็นอยู่ตรงหน้า ช่างหน้าสงสารมากๆ มีหมี 2 ตัว ตัวหนึ่งยืนอยู่บนบกที่เป็นพื้นคอนกรีตทาสีขาว และอยู่ใต้ร่มชายหาด 1 คันที่กางไว้ เพื่อให้หมีได้หลบแสงแดดอันแผดจ้า และร้อนระอุในเวลาเที่ยงวัน ของประเทศที่มีเส้นศูนย์สูตรพาดผ่าน และยื่นมือออกมา เพื่อขอเศษขนมปังปอนด์จากผู้ชม ในขณะที่อีกตัว กำลังว่ายน้ำเพื่อเก็บเศษขนมปังที่ลอยอยู่ในสระน้ำเล็กๆ
ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเราต้องยืนอยู่บนพื้นคอนกรีตทาสีขาว ในเวลาเที่ยงวัน เราจะรู้สึกร้อนขนาดไหน แล้วหมีขั้วโลก ที่มีชั้นไขมันหนาใต้ผิวหน้ง เพื่อให้ความอบอุ่น และป้องกันความหนาวเย็นของขั้วโลกเหนือ จะร้อนกว่าเรามากขนาดไหน
หมีขั้วโลก ที่เราเคยรู้จักและเห็นในสารคดีต่างๆ เป็นราชาแห่งนักล่าของขั้วโลกเหนือ ตัวใหญ่ และสง่างาม สมกับที่อยู่บนยอดของห่วงโช่อาหาร แต่หมีขั้วโลกทั้งสองตัวที่เราเห็น ตัวเปียกปอน และผอมมากๆ เมื่อเทียบกับหมีที่เราเคยเห็นผ่านโทรทัศน์ คงจะเป็นเพราะชั้นไขมันใต้ผิวหนังละลายหายไปหมดแล้ว จากการปรับตัวเมื่อต้องมาอยู่ในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย
จากที่คิดจะให้อาหารหมี เราเปลี่ยนใจ และ ยืนดูอยู่สักพักด้วยความรู้สึกเศร้า และ สลดหดหู่มาก ที่ต้องเห็นหมีขั้วโลกที่สง่างามมากๆ ในธรรมชาติ ต้องถูกจับมาทรมาน ด้วยการให้อยู่ในที่แคบๆ และในสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างคนละขั้วกับถิ่นที่อยู่จริงตามธรรมชาติ จากที่เป็นนักล่าที่ยิ่งใหญ่ในธรรมชาติ กินแมวน้ำที่หนักตัวละหลายสิบกิโลกรัม ต้องมาแบมือขอเศษขนมปังที่หนักไม่กี่กรัม จากคนอย่างพวกเรา เราเห็นแล้วไม่นึกอยากให้อาหารหมีอีกต่อไป ได้แต่เศร้า และ สงสารมากจนไม่อยากอยู่ดูต่อ
หมีขั้วโลกทั้งสองตัว ทำให้เรารู้สึกเศร้าทุกครั้งที่คิดถึง และ ไม่อยากพาลูกไปสวนสัตว์อีก การไปสวนสัตว์สำหรับเรา กลายเป็นความไม่สบายใจถึงขั้นทุกข์ใจในบางครั้ง หมีทั้งสองตัว ทำให้เราเห็นถึงความใจร้าย ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงินของคนด้วยกัน เพียงเพื่อให้ได้เงิน คนสามารถทำร้ายสัตว์อื่นได้มากถึงเพียงนี้ ชะตาชีวิตของหมีทั้งสอง ช่างน่าสงสารมากๆ จนไม่รู้จะเอ่ยออกมาด้วยคำว่าอะไร (ไม่ต่างกับลิงกอริลล่าที่สวนสัตว์พาต้า ที่ทุกวันนี้ก็ยังต้องใช้ขีวิตแบบนั้น เพราะไม่สามารถกลับไปอยู่ในธรรมชาติได้แล้ว)
เราไม่รู้ว่าหมีทั้งสองตัวยังอยู่ที่ซาฟารีเวิลด์ไหม และ ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมกว่าที่เราเคยเห็นไหม เราทำได้แค่หวังว่า วันหนึ่ง คนจะคิดได้ว่า เราไม่ใช่เจ้าของธรรมชาติ ไม่มีสิทธิครอบครอง และ ทำร้ายสัตว์ต่างๆ ตามอำเภอใจ สัตว์ป่าตามธรรมชาติ ทำร้ายกัน ฆ่ากัน เพืยงเพื่อดำรงชีวิตและเผ่าพันธุ์ แต่ คนเราทำร้าย และ ฆ่าสัตว์ (รวมถึงคนด้วยกันในหลายๆ ครั้ง) เพื่ออะไร?
แม้สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กระทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตามจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น เราก็ยังนึกสงสารหมีทั้งสองตัวอยู่ดี ที่ต้องมีชะตากรรมแบบนั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in