เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาวชุติมา
07 : เงื่อนไขวีซ่าที่ฉันเองไม่เคยรู้
  •          และบ้านใหม่ที่ย้ายมามีนั้นมีสามห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ก่อนที่เราจะทำสัญญาจองห้องนี้ เจ้าของห้องไม่ปล่อยเช่าแค่ห้องเดียว นางอยากปล่อยทั้งหมดสามห้อง เราเลยต้องไปหาคนมีอยู่เพิ่ม ซึ่งมันโอกาสมันเหมาะเจาะกับตอนนั้นเพื่อนที่ทำงานชาวฝรั่งเศลและชาวนิวแคดิโลเนีย (ประเทศหมู่เกาะเล็กๆที่อยู่ระหว่างนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย)กำลังมองหาห้องอยู่พอดี เลยเข้าทางเลยก็ชวนเค้ามาอยู่ด้วยกัน พอย้ายมาบ้านใหม่สบายใจมากกกกก เพื่อนร่วมบ้านโอเค ทำงานกะดึกเหมือนกัน ไม่ต้องกังวลเรื่องทำเสียงดังในตอนเช้า เพราะไปทำงานไล่ๆกันกลับไล่ๆกัน ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแฮปปี้ดี้ด้าเลยยยยยย จนกระทั่งอีกสองเดือนถัดมาได้รับข้อความจากเอเจ้นว่าา.....


    "เธอๆๆ เนื่องจากเงื่อนไขวีซ่าเธออะทำงานได้สามเดือนต่อหนึ่งนายจ้าง ดังนั้นทำงานคืนนี้เป็นคือสุดท้ายแล้วนะจ้ะ ขอบคุณจ้าาาา"

     แล้วความเราคือไม่เคยรู้เงื่อนไขวีซ่าตัวเองว่าสามารถทำงานได้แค่สามเดือนต่อ1นายจ้าง ตอนที่ข้อความเข้าคือยังนอนหลับนอนกรนแบบสบายใจอยู่เลย และตื่นมาตอนบ่ายๆด้วยความสดใสร่าเริงหยิบมือถือขึ้นมาเช็คเหมือนทุกๆวัน พอเจอข้อความนี้เข้าไปคือแบบ อะไรนะ หรอหว่ะ นี่เงื่อนไขวีซ่ากูคือแบบนี้หรอ อันนี้คือไม่โทษใครเลยนอกจากตัวเองที่ไม่ศึกษาวีซ่าตัวเองให้ดีก่อน ก่อนหน้านี่เคยถามเพื่อนที่อยู่ห้องด้วยกันนางบอกนะไม่ นางทำที่โรงงานนี้มาจะแปดเดือนแล้ว เราก็มโนไปว่า คงเหมือนกันแหละ พอแบบต้องกลับไปอ่านเงื่อนไขวีซ่าตัวเองก็ถึงบางอ้อเลยจ้าา ว่าสำหรับคนไทยและมีชาติอื่นๆอีก เช่น พี่จีน ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ที่ได้แค่สามเดือนต่อหนึ่งนายจ้าง ตอนแรกคิดว่าคงทั้งเอเชีย แต่ไม่นะ ญี่ปุ่นเงื่อนไขเดียวกับฝรั่งเศลและอังกฤษ คือ หนึ่งนายจ้างทำได้นานแค่ไหนก็ได้ เนี้ยย พอชีวิตมันเริ่มจะเรียบง่าย โลกมันจะแบบไม่ๆไม่ได้นะ มันจะง่ายเกินไปละ ต้องหาเรื่องหาราวให้ได้วุ่นวายกันสักหน่อย ตอนที่เรื่องนี้เกิดขึ้นคือประมาณช่วงสิ้นเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2020 ตอนนั้นโควิคเริ่มมาละแต่ยังรู้สึกว่าไกลตัวเพราะยังไม่เข้านิวซีแลนด์ และไม่ได้รุนแรงมากในตอนนั้น และเราเริ่มเกิดอาการเครียดอีกครั้ง เอาไงดีหว่ะกูคือถ้ารู้ตัวเร็วกว่านี้ก็จะหางานสำรองไว้ นี่คือปล่อยฟรีแบบสบายใจ เพราะความไม่รอบครอบของตัวเอง และวันนั้นก็ไปทำงานด้วยความแบบช็อคๆงงๆ แต่ก็มีจังหวะที่เราดื้อดึงและดึงดัน อยากจะทำงานที่นี่ต่อคุยกับหัวหน้าให้นางช่วยได้ไหม แต่เข้าใจได้นะคือเราอยู่เมืองใหญ่อะ ละประชากรเยอะคือคนเยอะกว่างาน เค้าไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานโดยตรง คือเหมือนเราวีซ่าหมดละกับงานนี้ พรุ่งนี้เอเจ้นก็ส่งพนักงานใหม่มาแทนเรา แค่นั้นเลย
      
             และก็ว่างงานแบบงงๆในวันถัดไป เราตามล่าหางานตามเวปต่างๆอยู่เกือบสองอาทิตย์ได้ ส่งอิเมลล์ ส่งข้อความ โทรไป คือทำทุกทาง ส่วนมากก็บอกจะติดต่อกลับ จนแบบเริ่มไม่ไหวละ มันดูไร้วี่แวว ตอนนั้นแบบเอาไงดี เริ่มกังวลมากขึ้นเพราะ บวกกับเงื่อนไขวีซ่าทำให้หางานยากมากขึ้น แต่คิดในแง่ของเจ้าของธุรกิจคงไม่มีใครอยากจ้างงานคนสักคนแค่สามเดือน สอนจนพอเป็นงานแล้วก็ต้องออก ตอนนั้นเราคิดแค่ว่างั้นเอาไงต่อ ไปทางไหนได้บ้าง ก็คงต้องสายแรงงานที่ไม่ต้องสอนงานอะไรมากเพราะทำได้แค่สามเดือน และเรามีประสบการณ์ด้านงานโรงแรมมาจากไทย โอเคปริ้นเรซูเม่ และ walk-in ทุกโรงแรมในตัวเมืองโอ๊คแลนด์ ใจจริงก็อยากทำทำหน้าที่ได้พูดได้คุยกับลูกค้าเพราะเราชอบ แต่ก็ต้องยอมรับว่าภาษาเราไม่ได้ดีขนาดนั้นเมื่อมาอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก  เราจึงสมัครงานในตำแหน่ง housekeeping คือเดินเข้าไปแบบเธอต้องการแม่บ้านไหม แบบตรงๆแบบไม่มีอะไรจะเสียแล้ว บางที่อยากรับเราเข้าทำงานมาก แต่คำถามต่อมาคือ เธอต้องเปลี่ยนงานในสามเดือนใช่ไหม และวันนั้นใช้เวลาทั้งวันในการยื่นเรซูเม่ จนเริ่มท้อละ และเดินกลับบ้านแบบคอตก พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน คือกะเดินกลับบ้านแบบทำเอ็มวีเพลงเศร้าเลย หางตาเหลือบไปเห็นหลังบ้านมีโรงแรมเล็กๆแบบห่างจากบ้านสิบห้าก้าว เลยอะลองดูไหนๆก็ไม่มีหวังละ ลองมันให้หมด พอเข้าไปยื่นที่ reception เอ้า บังเอิญเจอเจ้าของห้องที่เราเช่าอยู่นางทำงานอยู่ที่นี่ ก็คุยกับนางบอกถ้าฉันหางานไม่ได้ก็คงต้องย้ายเมือง ฉันคิดว่าจะไปทำงานฟาร์มเพราะเค้าขาดคนและมีงานรองรับแน่นอน คือเราวางแผนไว้แบบนั้นจริงๆ ติดต่อโฮลเทลอะไรไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ในทางกลับกัน นางไม่อยากให้ย้ายออก คงหาคนยากที่จะมาเช่าห้องต่อจากเรา นางบอกโอเคงั้นแปปนึง นางหายไปคุยกับหัวหน้า และกลับมาพร้อมบอกเราว่าหัวหน้าอยากคุยด้วย และทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตัดฉากมาที่พรุ่งนี้มาเริ่มงานตอน แปดโมงเช้านะ
              
              คือแบบทั้งโล่งใจและช็อคเพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้งานที่ใกล้บ้านขนาดนี้ แต่ถือว่าเป็นอะไรที่โชคดีมากๆและรู้สึกภูมิใจในตัวเองอีกละ ที่กล้าแบบwalk-in ไปเลย เพราะถ้ารองานที่สมัครผ่านเวปไปไม่รู้จะเรียกไปสัมภาษณ์เมื่อไร หลังจากนั้นคือเดินกลับบ้านสิบห้าก้าวและฮึมเพลง i will servive hey hey hey (จบท่อนนี้คือถึงบ้านละคือมันใกล้มากจริงๆ)  เหมือนทุกอย่างจะกลับมาเรียบง่ายอีกครั้ง หายใจโล่งได้อยู่พักนึง และ...........









    และแล้วก็ต้องทำความรู้จักกับ Covid-19 อย่างเป็นทางการในตอนต่อไป

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in