เมื่อมาพบกันเข้าจริงๆ เขาเป็นคาเมเลี่ยนหนุ่มที่เก๋ไก๋พอดู ผิวหนังสีเขียวสดอย่างอารมณ์ดีขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมกระจกใส นิ้วทั้งห้าของเขาแยกแบ่งเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งสาม ฝั่งหนึ่งสอง มันกำลังเคาะกับโต๊ะหินอ่อนสีโอนิกส์เล่นตามจังหวะเพลง ก่อนที่เขาหมุนลูกตากลมโตขึ้นมาเห็นฉันพอดี
เขาสังเกตเห็นฉันเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ไปสักหน่อย เพราะใจจริงฉันอยากจะแอบมองเขาอย่างเงียบๆ ให้นานกว่านี้อีกสักนิด แต่ก็ไม่เป็นไร ฉันยิ้มให้เขาจากอีกด้านของกระจก พยายามยิ้มให้ดูงดงามอ่อนหวานที่สุด เท่าที่จระเข้ตัวหนึ่งจะทำได้ ก่อนเดินเข้าไปในร้าน ด้วยการเร่งฝีเท้าอีกเล็กน้อยพอให้เขาเห็นความสำคัญของตัวเอง แต่ก็ไม่รีบร้อนเกินจนไม่เห็นความสำคัญของฉัน
บรรยากาศในร้านเรียกได้ว่าถูกจริตฉันอยู่ไม่น้อย ไม่หรูหราเกินไปไม่ฉูดฉาดวาววาม มีดนตรีสดบรรเลง ด้วยความดังที่พอเหมาะพอดี นักดนตรีมีฝีมือ และเลือกเพลงมีรสนิยม
Bloody Valentines พร่องไปแค่ขอบแก้ว ตอนที่ฉันนั่งลงตรงข้ามเขา เป็นความรู้สึกที่เทอะทะอยู่สักหน่อย ที่ปากของฉันตอนนี้ยาวไปจนเกือบถึงกลางโต๊ะ ลองโน้มตัวอีกสักนิดเดียว ฉันคงดูเหมือนกำลังยื่นปากจะจูบเขาอย่างไรอย่างนั้น
ฉันจึงปรับเปลี่ยนท่านั่ง เป็นการเอียงตัวเล็กน้อย ประมาณสี่สิบหน้าองศา เคยเห็นจระเข้สาวหลายตัวนั่งท่านี้ เวลาที่เดทกับสัตว์หนุ่มๆ มันทำให้ความเทอะทะดุดันของพวกหล่อนดูบางตาลง และเป็นกุลสตรีได้มากขึ้น แน่นอน การแสดงให้ใครเห็นว่าตนเองเป็นจระเข้สาว ก็ยากเอาการพอๆ กับพยายามจะให้สัตว์อื่นมองปราดเดียว แล้วรู้ว่าตนคือแมวเปอร์เซียร์หนุ่มนั่นแหละ
“ดื่มอะไรหน่อยไหมครับ ? ” คาเมเลียนรูปงามถามอย่างสุภาพ ให้ตาย เขาดูดีจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครสลัดรักเขาได้ลง
“คุณคงรู้ว่าฉันชอบอะไร” ฉันพูดประโยคนี้กับเขา เป็นรายที่เท่าไรแล้วไม่รู้ แต่มันก็เป็นประโยคสำเร็จรูปที่ฉันใช้ได้เสมอมา
เขายกมือเรียกบริกรด้วยบุคคลิกน่ามองเป็นที่สุด ก่อนสั่ง Sex on the Beach หนึ่งที่อย่างไม่ลังเล ฉันเผลอยกมือใช้พังผืดลูบท้ายทอยตัวเอง และพบว่าไม่มีเกล็ด...จริงด้วย เป็นจระเข้น้ำเค็มนี่นะ
“ขอบคุณนะครับ ที่มาเจอผมในวันนี้” เขาประสานมือที่กลางโต๊ะ ยักคิ้วหลิ่วตาทำเท่ ยกวาเลนไทน์สีเลือดขึ้นอีกจิบหนึ่ง ผิวหนังของเขาก็ราวกับมีแสงสีมากมายกระจายระเรื่อ น่าตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน “ผมคิดว่าคุณคงโกรธผม ถึงได้หายไป โทรศัพท์ไปเท่าไรคุณก็ไม่รับ ว่าแต่... คุณได้รับดอกไม้ที่ผมส่งไปขอโทษคุณที่ออฟฟิศคุณเมื่อวานนี้หรือเปล่า”
“ได้รับค่ะ”
“เป็น...”
“บูเก้สีขาว”
“มีดอกอะไรบ้าง ?”
ฉันคั่นเวลาด้วยการหัวเราะสั้นๆ มองแสงสีที่ดูบอกอารมณ์ตื่นเต้นบนผิวของเขา จากหลากสีสันสดใส เริ่มเห็นเป็นสีคล้ำๆ ออกน้ำตาล
“คุณสั่งให้ฉันเอง ทำไมถึงไม่รู้ล่ะคะ ?”
“ผมรู้ เพียงแต่... อยากรู้ว่าเขาจัดให้คุณตามที่ผมสั่งไหม ?” ผิวของเขาดูคล้ำเข้มลงอีก
“ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้ ก็ไม่รู้หรอกค่ะว่ามันเรียกดอกอะไรบ้าง”คงเป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับจระเข้น้ำเค็ม ลองถ้าเขาจัดแทงค์ปะการังมาให้สิ ฉันถึงควรจะตอบได้ทุกอย่าง “บูเก้หนึ่งจะใส่ดอกอะไรลงไปได้บ้างล่ะคะ... กุหลาบ คงใช่มั้ง... อ้อ แล้วก็เดซี่ คุณรู้ว่าฉันชอบดอกนั้น”
โชคดีที่ฉันยังพอมีข้อมูลนี้อยู่บ้าง ผิวหนังของเขาค่อยๆ นิ่งสงบ กลับเป็นสีเขียวที่ดูอมฟ้าขึ้นนิดหน่อย สวยดีไปอีกแบบเหมือนกัน
เครื่องดื่มสีส้มแสบถูกยกมาเสิร์ฟตรงหน้าฉัน การจะใช้ปากแคบยาวของจระเข้คาบหลอด เป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกแปลกอยู่สักหน่อย แต่ฉันก็ผ่านมันไปได้ด้วยดี ด้วยการแหย่มันเข้ามาที่ด้านข้าง แทนที่จะเป็นปลายสุดใกล้จมูก
“หิวหรือเปล่า ? คุณอยากทานอะไรไหม ?” เขาถามอย่างสุภาพเหมือนเดิม ฉันเห็นหนังหลายเรื่องมักใช้กิ้งก่าเล่นเป็นตัวร้าย แต่สำหรับคาเมเลียนตัวนี้ มาดของเขาช่างดู พระเอก
“อย่าเลยค่ะ ฉันมีเวลาไม่มาก”
ค่าตัวฉันชั่วโมงละพันเหรียญ เศษนาทีคิดเป็นหนึ่งชั่วโมง และฉันรับเงินมัดจำล่วงหน้ามาแค่สองชั่วโมงเท่านั้น
การบอกเลิกที่ดีก็ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป มีดหรือกรรไกรคมๆ ที่ตัดฉับ แล้วขาดลงในคราวเดียว น่าจะดีกว่ามีดทื่อที่ต้องตะบันเลื่อยถู จนถลอกปอกเปิก แถมทิ้งสนิมให้กัดกินในภายหลัง
“ผมนึกว่าเราจะกลับไปดูหนังโปรดของเรา... ที่บ้านผม”
สีน้ำเงินบนผิวของเขา เริ่มเข้มคล้ำลง เพราะความเครียด โถ... พ่อคุณ เกิดมาเป็นกิ้งก่าคงลำบากอย่างนี้ เก็บความรู้สึกอะไรใดๆ ไว้ไม่ได้เอาเสียเลย
“Stuck in love ?” ฉันพูด หวังว่าฉันคงจะไม่ได้ใส่น้ำเสียงอะไรลงในชื่อหนังเรื่องโปรดเรื่องนี้หรอกนะ... นี่ถ้าไม่ใช่งานบอกเลิก แต่เป็นงานเดท ฉันจะต้องทนดูหนังเรื่องนี้เป็นรอบที่เท่าไรกัน
บางครั้งฉันก็ต้องรับจ้างดูหนังเรื่องซ้ำๆ ไปเที่ยวที่เดิมๆ ให้กับคู่รักจืดจางบางคู่ ที่เริ่มเบื่อหน่ายรสนิยมของกันและกัน ตลกดีนะว่าไหม
“หรือว่าคุณอยากดูเรื่องอื่นก็ได้นะ ผมให้คุณเลือกเสมออยู่แล้วนี่” เขาบอก ฉันชอบมือที่มีนิ้วแปลกๆของเขา ยิ่งเวลามันผายออกข้างลำตัว ยิ่งดูน่ารัก
ฉันอยากดู Silver Linings Playbook อยากดูมันซ้ำๆ ดูแล้วออกไปเต้น ดูแล้วออกไปวิ่ง บำบัดตัวเองจากชีวิตที่ติดกรอบจากงานบ้าๆ นี่ งานที่ต้องเล่นละครเป็นใครต่อใคร โป้ปดใครต่อใคร คาเมเลียนจอมเปิดเผย ที่ไม่มีวันโกหกใครได้อย่างเขา คงไม่มีวันเข้าใจ ยิ่งนับวัน งานจ้างของฉันยิ่งมากขึ้น มากจนฉันนึกว่า โลกนี้ไม่มีใครต้องการความจริงอีกแล้ว เขาทำให้ฉันประหลาดใจ และเริ่มกลับมามีความหวังลมแล้ง
ถ้าฉันได้พบเขาเป็นครั้งแรก คาเมเลียนเจ้าเสน่ห์ ฉันคงถามเขาถามอย่างจริงใจว่า เขาจะชอบดูหนังเรื่องนั้นไหม แต่ฉันทำไม่ได้ ในตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
“วันนี้คุณดูแปลกไป”
เขาทัก และแน่นอน ไม่เคยมีใครทักฉันอย่างนี้ ฉันมีฝีมือและเป็นมืออาชีพพอ ฉันแน่ใจ
“เวลาที่ความรักมีปัญหา ไม่มีใครเป็นปกติได้หรอกค่ะ”
หนังตาบนดวงตากลมของเขาหรี่ลง ผิวสีเข้มคล้ำบอกว่า เขากำลังเศร้า จะดีแค่ไหนที่เราได้เป็นอิสระที่จะซื่อตรงต่อความรู้สึกอย่างนี้ ไม่มีอะไรมาบังคับจับจูง ให้เราต้องพูดหรือกระทำเป็นอย่างอื่น
“คุณจริงใจอย่างนี้เสมอเลยหรือคะ ?” ฉันถาม
“ธรรมชาติของผมเป็นแบบนี้ ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะปิดบังหรือกลบเกลื่อนอะไร”เขาหัวเราะแห้งๆ สีผิวที่เริ่มเข้มจัด ทำให้เห็นฟันขาวของเขาได้ชัดขึ้น “ผมแค่อยากปิดบังความรู้สึกอะไรได้บ้างในยามที่จำเป็น”
นี่กระมัง ความทุกข์ของคาเมเลียน เป็นความทุกข์ที่ฉันไม่มีวันเข้าใจ แต่เป็นโลกที่ฉันคงสบายใจ ถ้าได้เข้าไปอยู่ในนั้น ถ้าเพียงแต่ฉันไม่ใช่จระเข้สาวตัวนี้ ฉันคงแพ้ให้สายตางอนง้อของเขา ที่เหมือนเด็กน้อยเชื่องๆ โลกของการคิดชั้นเดียว คิดอย่างไร พูดอย่างนั้น
“ผมขอโทษ... เถอะนะ กินอาหาร แล้วกลับบ้านกับผม เลือกหนังที่คุณชอบเหมือนที่เราเคยทำ”
กินอาหาร กลับบ้าน ดูหนัง พวกเขามีวันเวลาที่ดีร่วมกันเหลือเกิน ไม่อยากเชื่อว่างานของฉันคือการทำลายสิ่งเหล่านี้
“ไม่ค่ะ ฉันอยากให้นั่นเป็นหนังเรื่องสุดท้าย ที่เราจะดูด้วยกัน และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะพบกัน”
ในที่สุดฉันก็เข้าเรื่องได้สักที สีผิวของคาเมเลียนที่เริ่มเข้มจัดบอกได้ชัด เขารู้แล้วว่า ฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
เขาเอ่ยขอตัวสั้นๆ และลุกจากเก้าอี้ เดินตรงไปบนเวที กระซิบบางอย่างกับนักดนตรีที่กำลังบรรเลง Orange Sky ของ Alexi Murdoch ทำให้พวกเขาต้องตัดจบเพลงนี้สั้นลงไปฮุคหนึ่ง ฉันเสียดาย นั่นคือเพลงของศิลปินชายคนโปรดของฉัน เมื่อครู่ ฉันยังเห็นคาเมเลียนหนุ่มเคาะโต๊ะอย่างเพลิดเพลินกับมันอยู่เลย
เพลงโปรดของฉันถูกตัดจบไป และเพลงใหม่เข้ามาแทนที่ ไม่แปลกใจ มันคือเพลงจากหนังเรื่องสุดท้าย ที่คาเมเลียนหนุ่มและจระเข้สาวจะได้นั่งดูด้วยกันในชีวิตนี้ - Between the Bars - เขาส่งท้ายความรักของเขาได้สวยงาม ราวกับกำลังเขียนบทหนัง ถ้ามีการชวนเต้นรำอีกสักหน่อย คงเป็นฉากเรียกน้ำตา
“ผมเสียใจที่โกหกคุณวันนั้น” คือคำพูดแรกเมื่อเขาเดินกลับมานั่ง ผิวของเขายังเป็นสีเข้มจัด ไม่มีท่าว่าจะจางลง “แต่ในวันนั้น ผมตอบคุณไม่ได้จริงๆ ว่าระหว่างเรามันคือความรักหรือว่าอะไร ผมแค่ชอบช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคุณ คุยเรื่องหนัง เรื่องเพลง เรื่องดอกไม้ที่คุณชอบ แต่พอคุณถามผมว่า เรารักกันอยู่ใช่ไหม และผมบอกว่าใช่...” เขาใช้ภาษามือบอกให้ฉันไล่มองเขา ตั้งแต่หัว และคงจะจรดเท้าได้ ถ้าไม่มีโต๊ะกับคอกเทลของเราบังไว้
“... คุณก็รู้ได้ทันทีว่าผมโกหก”
“ฉันไม่ได้โกรธที่คุณโกหกฉัน แต่ฉันโกรธที่คุณโกหกมันไม่เป็นเลยมากกว่า” ฉันพูดตามความรู้สึกที่ได้รับบรีฟมา “ใช่ค่ะ ฉันเรียกร้องคำโกหก ฉันอยากให้คุณโกหกว่ารักฉัน แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อยากรู้ว่าคุณกำลังโกหก”
คาเมเลียนหนุ่มพยักหน้า ดวงตากลมโตของเขากลิ้งหลุบลงต่ำอย่างยอมรับผิด
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะปกป้องความหวังของตัวเอง”
“และผมปกป้องความหวังของคุณไม่ได้... เพราะผมเป็นแบบนี้ ผมแค่ไม่อยากให้คุณเสียใจ”
มีบางอย่างที่ตัวฉันข้างใน กับเจ้าของร่างเนื้อหนังจระเข้นี้คิดไม่ตรงกัน อาจเพราะเลือดของเราต่างกัน และเวลานี้ ฉันคือสัตว์เลือดอุ่น ที่ต้องเล่นบทบาทของสัตว์เลือดเย็น
“ฉันเสียใจไปแล้ว เราต่างเสียใจไปแล้ว” ฉันเลื่อนแก้วคอกเทลออกห่างตัวถึงเวลาต้องปิดงานนี้เสียที “คุณรับปากฉันได้ไหมว่าเราจะจบกันแค่นี้ คุณจะไม่ติดตามตอแยให้ฉันลำบากใจอีก ไม่มีดอกไม้ ไม่มีหนัง ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
มันเงียบเสียจนฉันเผลอร้องคลอตามเพลงในร้านอยู่ในใจ... and I'll make you mine.Keep you apart, deep in my heart.
ในที่สุดเขาก็พยักหน้า รับปาก เป็นอันหมดหน้าที่ของฉัน ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดีด้วยซ้ำ กำไรล้วนๆ ฉันคิด ตอนที่ลุกจากโต๊ะ และกำลังจะเดินผ่านเขา งานหมดลงแค่นั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากรู้เหลือเกิน อยากรู้เป็นการส่วนตัว
“คุณชอบ Silver Linings Playbook ไหม ?”
ผิวหนังสีเข้มคล้ำของเขามีริ้วสีสันระบายขึ้นทันที เมื่อเขากลิ้งดวงตากลมขึ้นมามอง
“ชอบสิ ผมเคยชวนคุณดูหลายครั้ง แต่คุณบอกว่าไม่ชอบ”
ฉันพยักหน้าอย่างไม่มีความหมายนัก ซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้หน้ากากหนังจระเข้
“ฉันว่าพวกแกะน่าจะชอบนะ บางทีคุณอาจลองชวนแกะสักตัวดู หรือไม่ก็ชวนเขาฟังเพลงของ Alexi Murdoch”
ฉันเดินออกจากร้านนั้นมา พอดีกับที่เพลงจบลง ฉันเดินเร็วเท่าที่จะเร็วได้โดยไม่ผิดสังเกต ก้าวขึ้นรถไฟฟ้า ตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่นัดหมายไว้ ส่งข้อความเพื่อบอกว่า ภาระกิจฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันเดินหายเข้าไปในห้องน้ำหญิง ชั้นบนสุดใกล้โรงหนัง ซึ่งมีสัตว์เข้าออกน้อยที่สุด...ก็ที่นัดหมายไว้อีกนั่นแหละ
ปิดประตูห้องน้ำ ปิดฝาครอบชักโครกลง ฉันใช้มือติดพังผืดลูบคลำหาตะเข็บและซิป ซึ่งซ่อนไว้อย่างแนบเนียนบริเวณข้างลำตัว ทันทีที่เจอและรูดซิปออก เสียงบี๊บครั้งหนึ่งบอกว่า กลไกอิเล็กทรอนิกส์ภายในได้ทำการปลดล็อค รูปร่างใหญ่เทอะทะของจระเข้เหี่ยวฟีบลง จนเหลือแต่หนังย้วยๆ อย่างกับหนังเทียมพร้อมตัดทำกระเป๋า
ฉันถอดส่วนหัวที่เหมือนหมวกครอบ ซึ่งมีแผงวงจรไฟกระพริบวิบวับอยู่ข้างในออกเป็นอย่างสุดท้าย ปากแคบยื่นยาวของจระเข้สาว ก็ไม่เป็นรูปทรงเดิมอีก หนักชะมัด ไม่เคยคิดว่าการใส่หัวจระเข้จะหนักขนาดนี้
ก้าวออกมาจากกองหนังจระเข้ได้ ถึงรู้สึกเย็นสบายขึ้นหน่อย แม้ว่าเสื้อยืดกับกางเกงผ้าฝ้ายขายาวที่ใส่อยู่จะชื้นเหงื่อไปไม่น้อย แต่ก็โชคดีที่โกนขนทั้งตัวออกไปก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้น อย่าว่าแต่จะร้อนอบอ้าวจนอาจขาดใจตายในชุดได้เลย แค่จะยัดขนฟูๆ สีขาวเข้าไปข้างใน ยังไม่รู้จะได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ
งานของฉัน ทำให้ฉันเลือกจะเป็นแกะไร้ขน
เทคโนโลยีชุดหนังสัตว์ได้แนวคิดมาจากหุ่นมาสคอตเพื่อการโฆษณา มันถูกพัฒนาเพื่อการจ้างงานสำหรับสัตว์อย่างฉันโดยเฉพาะ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเลือดอุ่นหน้าใสบอบบาง มีขนสีขาวปุกปุย ขอโทษ... ฉันรับจ้างโกหก ถนัดที่สุดคืองานรักๆ เลิกๆ ประเภทที่เจ้าตัวไม่กล้าพูดเอง ค่าตัวฉันแพง แต่รับประกันผลร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าใครพออยู่ต่อหน้าแกะอย่างฉันก็เหมือนเด็กๆ เหมือนลูกสัตว์เชื่องๆ แต่จะบอกว่าอยู่ต่อหน้าแกะอย่างฉันก็ไม่ถูกสิ เพราะฉันทำงานภายใต้เนื้อหนังผิวหน้าของสัตว์อะไรต่อมิอะไร
แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันได้ลองเป็นจระเข้ และเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์อย่างคาเมเลียน ดูสีสันของเขาสิ มันยังทำฉันใจเต้นไม่หาย
ฉันรับงานสัตว์ได้ทุกชนิด ยกเว้นกิ้งก่าเปลี่ยนสี เพราะยังไม่มีเทคโนโลยีไหนก้าวหน้าพอ ที่จะปรับเปลี่ยนสีของผิวหนังทั้งตัว ได้อย่างผสมผสาน ตรงอารมณ์ และแนบเนียนเท่าผิวหนังแท้จริงตามธรรมชาติ กิ้งก่าหรือคาเมเลียนอย่างลูกค้ารายนี้ของฉัน จึงถูกยกให้เป็นสัตว์ที่โกหกไม่ได้ อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้
ฉันพับม้วนชุดจระเข้ออกมาจากห้องน้ำ สิ่งแรกที่เห็นคือจระเข้สาวน้ำเค็ม หน้าตาเหมือนกับฉันเมื่อตลอดเกือบหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาไม่มีผิด ฉันยื่นชุดนั้นคืนให้เธอ เธอรับชุด ฉันกดโทรศัพท์โอนเงินมัดจำคืนให้ รวดเร็วและง่ายดาย
“ขอบคุณมากจริงๆ นะคะที่ช่วยฉัน คุณคงเห็นแล้วว่าเขาเป็นกิ้งก่าที่น่ารักแค่ไหน ฉันบอกเลิกเขาไม่ลงจริงๆ ”
“แล้วทำไมคุณถึงอยากเลิกกับเขาล่ะ ไม่ดีหรอกหรือ ที่เขาไม่มีวันโกหกคุณได้ เขาอาจจะเป็นสามีซื่อสัตย์อันดับหนึ่งของสัตวชาติเลยก็ได้นะ”
“โอ... ไม่หรอก ฉันคงรับไม่ได้ อย่างที่ฉันให้เหตุผลคุณไปแล้ว ก่อนจะตกลงว่าจ้างกัน บางครั้งเราก็โหยหาถ้อยคำโกหกเล็กๆ น้อยๆ เพียงเพื่อหลอกลวงและหล่อเลี้ยงหัวใจของเราไปในเวลาเดียวกัน คุณเองก็น่าจะรู้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นคุณคงตกงาน...” จระเข้สาวแขวะฉันเสียอย่างนั้น แต่แล้วอยู่ๆ เจ้าหล่อนก็สะอื้นฮัก บีบเสียงเศร้าราวจะขาดใจ “โอ้...ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย นี่คุณทำงานของคุณสำเร็จแล้วจริงๆ ใช่ไหมเขารับปากว่าจะเลิกกับฉันแล้วจริงๆ ใช่ไหม”
“ใช่”
“โอ้... ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย เป็นฉันคงไม่มีวันทำได้ลง ฉันยังทำใจไม่ได้เลยจริงๆ”
ฉันเอื้อมกีบที่ทาน้ำยาเคลือบสีฟ้าสดใสลงไปวางบนหลังมือพังผืดของเธอ มือที่ยกขึ้นมาปิดหน้า ส่ายหัวไปมาเป็นภาษาท่าว่ายังรับความจริงไม่ได้ แม้จะเห็นใจ แต่ฉันไม่มีหน้าที่ผูกพันเรื่องส่วนตัวกับลูกค้าไปมากกว่านี้ นั่นเป็นจรรยาบรรณในอาชีพของฉัน
“สักวันหนึ่ง คุณจะต้องทำใจได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามันอาจลำบากกว่าสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ สักหน่อย เพราะคุณมีหัวใจสี่ห้องอย่างสมบูรณ์เช่นเดียวกับพวกเรา แต่เราทำได้ คุณก็ทำได้ เรื่องนี้ฉันไม่โกหก”
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ”
ฉันพยักหน้าและหันหลังจากมา เดินออกมาจากห้องน้ำสาธารณะ ทิ้งให้จระเข้สาวอยู่กับการทำใจตัวเดียวเงียบๆ ร้องไห้ และหลั่งน้ำตา... น้ำตาจระเข้
ฉันตัดสินใจขึ้นรถไฟฟ้า และกลับไปที่ร้านนั้นอีกครั้ง ถ้าคาเมเลียนยังอยู่ที่นั่น คืนนี้ แกะอย่างฉันอาจเป็นฝ่ายชวนเด็กน้อยแสนเชื่องอย่างเขา ดู Silver Linings Playbook เสียเองก็เป็นได้
ตีึความ "โกหก" ได้น่าสนุกจัง
แถมเอามาผูกกับเรื่องราวหวานอมขมกลืนได้รสเค็มๆ ขมขื่นอีกต่างหาก