เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cambridge CallPaphavee S.
So long 2016, hello 2017
  • คริสตมาสปีนี้ได้มาอยู่ในอังกฤษ แต่รู้สึกเฉยๆกว่าที่คาดไว้ อาจจะเพราะว่า

    1. เราก็ใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือซะส่วนใหญ่ ไม่อยากอ่านเลยแต่มันต้องสอบ ว่อย 
    2. เราอาจจะเอาไปเทียบกับคริสตมาสตอนเราอยู่แคนาดา อันนั้นเราก็ไปอยู่กับครอบครัวโฮสอ่ะนะ ระดับความอบอุ่นและบรรยากาศมันแตกต่างกันอ่ะเน้อะ
    3. เคมบริดจ์มันเล็ก แถมเป็นเมืองมหาลัย แป๊บเดียวเด็กๆก็กลับบ้านก็หมดละ คอลเลจก็โล่ง Dining Hall ก็ปิด ไม่มีข้าวให้กินอีก ต้องกระเสือกกระสนมาซื้อของทำกับข้าวเอง ออกแนวลำบาก
    4. ปิดเทอมก็จริง แต่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเท่าไหร่ ปกติเด็กอังกฤษน่าจะนิยมไปเที่ยวยุโรปกัน แต่เพราะเราขี้เกียจไปทำวีซ่าเชงเก้น กับพะวงติดสอบตอนเปิดปีใหม่อีก ไหนจะเตรียมเอกสารสมัครงานอีก เลยได้แต่ไปๆกลับๆลอนดอน เที่ยวมิวเซียม ดูคอนเสิร์ตคริสตมาสแทน กับฉลองปาร์ตี้กับพี่ๆน้องๆคนไทยในเคมบริดจ์

    ที่เห็นจะเร้าใจสุดน่าจะเป็นโปรโมชั่น boxing day sales ลดกระหน่ำกัน 50-70% ซึ่งถามเราว่าลงทุนฝ่าไปถึง Oxford street ในลอนดอนมั้ย ก็ไม่ แค่เห็นปริมาณมวลมหาประชาชนที่ไปต่อคิวเข้าแถวกัน  
    เราก็หมดแรงแล้ว ได้แต่นั่งๆนอนๆคลิกซื้อของออนไลน์หน้าคอมแทนให้มันสาสมวิถีคนขี้เกียจอย่างแท้จริง ยังไงมันก็ลดเหมือนกันนั่นล่ะว้า


    อันนี้ก็มาจาก boxing day ออนไลน์ ลดครึ่งราคา สนนราคา 37 ปอนด์เท่านั้นนน
    ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1500 บาท รู้สึกดีมาก ได้ของถูก

    หลังจากผ่านคริสตมาสแล้ว เรานั่งๆนอนๆอ่านหนังสือด้วย motivation=0
    ขณะที่อยู่ในจุดกำลังสำลักความเบื่อในหนังสือ จู่ๆเพื่อนก็เสนอแนะว่าไปเที่ยวเอดินเบอระกันม้ะ
    ไอเราก็ใจง่าย ไม่รอช้า รีบกดจองตั๋วรถไฟไปเลย 
    เลยกลายเป็นทริปเคาท์ดาวน์ชั่ววูบมาก คิดวันนี้ ซื้อตั๋วคืนนี้ เดินทางเช้าพรุ่งนี้ 
    โชคดีว่าเรื่องที่พักไม่มีปัญหา เพราะมีรุ่นพี่เคมบริดจ์ที่เค้าย้ายไปทำเอกที่เอดินอยู่
    (ต้องขอกราบขอบคุณพี่เรนโบว์ผู้น่ารักมากๆ มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ♥︎)

    รถไฟจากเคมบริดจ์ไปเอดินใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง 
    จับรถไฟไปรอบเช้า 6โมงครึ่ง ก็ถึงตอนเที่ยงๆบ่ายๆ พอเอาของไปเก็บที่บ้านก็พักผ่อน
    ออกมาอีกทีก็ดึกๆ แล้วก็ขึ้นเขาไปรวมตัวกับมวลชนเพื่อไปดูพลุที่ยอดเนิน Calton Hill 
    พลุก็ถือว่าอลังการดี คนสก็อตก็เฮฮาอารมณ์ดี ผู้ชายก็ใส่คิลท์ ผู้หญิงก็ใส่กระโปรงสก็อต


    รูปมวลชนหลังพลุจุดเสร็จแล้ว กำลังเดินกลับบ้านกัน

    สิ่งที่ประหลาดใจในทริปนี้คือ อากาศที่เอดินดันอุ่นกว่าเคมบริดจ์อีก
    คือเราเตรียมใจว่าขึ้นเหนือนี่หนาวแน่ๆ ขนาดเคมบริดจ์ยัง 1-3 องศา
    แต่เพื่อความถ่ายรูปสวย (๕๕๕๕) เลยกลั้นใจเอาโค้ตตัวสวยไปแทนโค้ตนอร์ทเฟสตัวอุ่น
    แล้วหวังพึ่งเสื้อยืดฮีทเทคแทน ปรากฏอยู่ได้สบายๆ เพราะเอดินอากาศ 5-8 องศา 
    เดินเล่นชิวสบายมาก

    ยอดเขา Salisbury Crags เป็นจุดชมวิว เห็นคนตัวเล็กบนยอดเขามั้ย นั่นแหล่ะ ปีนไปถึงตรงนั้นแหล่ะ

    วิวจากด้านบน ได้ไปถ่ายตอนพลบค่ำพอดี แสง twilight กำลังมา
  • ตัดภาพจากทริปเอดินเบอระมาสู่โลกความเป็นจริง
    เราไปเที่ยวเอดินวันที่ 31-3 ซึ่งเรามีสอบวันที่ 9-11 
    อาทิตย์ต่อมาชีวิตเลยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า 
    เก็บตัวเข้าถ้ำ ไม่สุงสิงกับใคร
    ท่องหนังสืองกๆ เพราะตารางสอบจัดมาแน่นมาก สอบติดต่อกันสามวัน
    แถมวันสุดท้ายมีสอบทั้งเช้าและเย็น รวมเป็น 4 วิชา


    ตารางสอบสุดสะพรึง

    ความเห็นจากการสอบแบบเคมบริดจ์ครั้งแรก:
    1. ข้อสอบถูกออกแบบมาให้เวลาแบบพอดีมากๆ ต้องบริหารเวลาดีๆถึงจะตอบทันหมด
    แต่เพราะว่าข้อสอบเรามันเชิงอัตนัย เขียนบรรยาย แค่คำถาม1ข้อ คำตอบก็ปาไป 1หน้าครึ่งแล้ว
    แน่นอนว่าเรา... ทำไม่ทัน ๕๕๕๕๕ เขียนจนมือหงิกก็ยังไม่ทัน คือคนมันเขียนตัดจบไม่ได้อ้ะ 

    2. ข้อสอบจะมีมาให้เลือกหลายข้อ เลือกตอบได้ เช่น มา 4 ข้อ ต้องเลือกตอบ 2 ข้อ ข้อหนึ่งก็มีคะแนน 50% ไรงี้ ก็ถือว่าให้โอกาสนักเรียนเลือกตอบข้อที่ถนัดกว่าได้

    3. โจทย์มีทั้งถาม definition ตรงๆ (ท่องคำตอบมาลูกเดียว) กับถามเชิงประยุกต์ (ให้ apply ยกตัวอย่าง)

    4. คะแนนผ่านจะอยู่ที่ 60% ส่วนใหญ่คะแนนที่ถือว่า "ดี" ก็คือ 70% ขึ้นไป แปลว่ามาร์จิ้นในการผ่านเกินมาตรฐานนี่ถือว่าค่อนข้างแคบ อยู่ที่ 10%เท่านั้นเอง (แต่เราก็ไม่ได้หวังเอา 70% หรอกนะ ได้แค่ 65% ก็ถมถืดแล้ว ๕๕๕)

    5. บรรยากาศการสอบค่อนข้างชิว เอาขวดน้ำ หมากฝรั่ง นาฬิกาตั้งโต๊ะจับเวลา อะไรแบบนี้เข้าห้องได้
    ตอน 30 นาทีแรกก็จะมีอาจารย์ประจำวิชาแวะมาที่ห้องสอบด้วย เผื่อนักเรียนมีข้อถามเกี่ยวกับข้อสอบก็จะสามารถถามได้โดยตรงเลย ก็ถือว่าแฟร์ดี

    6. คนคุมสอบจะสวมกาวน์มานั่งคุมสอบ ให้บรรยากาศคอนเซอร์เวทีฟสมเป็นเคมบริดจ์

    รวมๆแล้ว ข้อสอบส่วนตัวถ้าอ่านหนังสือมาก็จะไม่ยากขนาดนั้น (แต่ปริมาณเนื้อหาก็เยอะโขอยู่)
    จะยากก็ตรงที่เวลาไม่ทัน กับสอบติดๆกันจนร่างกายล้ามากกว่า
    และหวังว่าเราคงไม่ได้สอบวิชาไหนตก ๕๕๕๕ จริงๆถึงตกเค้าก็ไม่มีให้ซ่อม
    คอร์สเราจะสามารถเอาคะแนนหลายๆวิชามาเฉลี่ยๆกันได้
    แค่ตอนจบปีการศึกษาเอาทุกวิชามาเฉลี่ยให้เกิน 60% ก็ถือเป็นใช้ได้

  • สรุปสั้นๆ ปี 2016 เป็นปีที่มีหลายอย่างเกิดขึ้นเยอะดี 
    ได้มาอยู่ห่างบ้านห่างครอบครัวอีกแล้ว แต่ก็เป็นคนละแบบกับคราวก่อน
    ปีใหม่นี้ ไม่ขออะไรมาก ขอแค่
    - เรียนผ่านรอดตลอดจนจบ 
    - หางานได้ สาธุสมพรปากที่มีคนมาบอกเราว่า สายออกแบบตอนนี้ขาดตลาดมาก
    เพราะอังกฤษเทรนด์ start-up ก็ยังถือว่าบูม แม้ว่าจะแผ่วลงไปแล้วบ้างก็ตาม
    - สมัครยิมไว้ก็ไปให้มันบ่อยๆหน่อย (ยิมห่างจากบ้านไป 15 นาทีจักรยาน ตอนนี้อ้างทุกวันว่าหนาว ซึ่งมันก็... หนาวจริง)
    - ลดรายจ่ายให้มันน้อยลง เครียดทีไรแอบ compulsive shopping ทุกที แม่จ๋าหนูขอโทษ
    - จะพยายามไปเก็บ formal college ให้ครบเท่าที่ทำได้ ล่ะมั้ง
    - ไปเที่ยวให้มากขึ้น อย่าขี้เกียจ
    - เจอแต่คนดีๆ เพื่อนดีๆ 

    แค่นี้แหล่ะ :P 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in