เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LAKORNWATCHIES
My Mister เราทุกคนต่างถูกกัดกร่อนและไม่สมบูรณ์
  • "ต่อจากนี้ไปจะมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่องแน่เลยค่ะ

    ใครที่อยากไปดูเองอาจจะต้องระวังหน่อยนะคะ หรือไม่ก็ปิดบทความนี้ก่อนเลย

    เรากลัวจะทำให้หมดอรรถรสในการดูเหลือเกิน

    และมีการใส่ความคิดเห็นของเราเพิ่มเติมปะปนอยู่(เต็มไปหมด)นะคะ"

    My mister ว่าด้วยเรื่องราวชีวิตของคนสองวัยที่ได้พานพบและเข้ามาเยียวยาชีวิตกันและกันระหว่าง พัคดงฮุนวิศวกรโครงสร้างวัย 40 ปีที่เต็มไปด้วยภาระมากมายให้ต้องอดทนทั้งในฐานะลูกชายคนที่สองของบ้านที่ใช้ชีวิตได้ดีที่สุดท่ามกลางพี่น้องอีกสองคนที่ดูจะลุ่มๆดอนๆ ในฐานะของคนที่มีชีวิตแต่งงานที่ดูไม่มีความสุขเอาซะเลยและผู้จัดการที่ต้องเจอเรื่องราวมากมายในบริษัทให้ต้องแก้ปัญหากับชีวิตแสนเงียบเหงาและเย็นชาของอีจีอัน หญิงสาวในช่วงวัย 20ปีที่ต้องใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถึบทั้งเจ้าหนี้ที่ตามไม่เลิกและยายที่เป็นญาติเพียงคนเดียวก็มีปัญหาเรื่ีองสุขภาพที่เธอต้องดูแลด้วย

     

    แนะนำตัวละครกันหน่อยนะคะ

     พัคดงฮุน วิศวกรโครงสร้างที่เป็นผู้จัดการทีมตรวจสอบอาคารผู้ซื่อตรงต่อหน้าที่การงานแต่มีปัญหากับการเมืองในออฟฟิศ ลูกชายคนกลางของที่บ้านพ่อของลูกชายที่เรียนอยู่อเมริกา และสามีที่มีภรรยาเป็นทนายความคนเก่ง

     

    อีจีอัน หญิงสาวที่ได้เข้าไปเป็นลูกจ้างชั่วคราวในแผนกของพััคดงฮุนเธอผู้ทำทุุกอย่างได้เพื่อเงินและความอยู่รอดของตัวเอง 


    ตัวอย่างดูเหมือนว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวของชีวิตที่ดูธรรมดาสามัญที่เต็มไปด้วยเรื่องราวหนักๆปะปนไปด้วยรอยยิ้มแต่ในซีรีส์จริงๆค่อนข้างหนักมากมันเล่าเรื่องราวของคนที่ต้องเจอปัญหาในรูปแบบต่างๆไว้ได้หลากหลายแบบมากเราอาจจะไม่ได้มีชีวิตที่เหมือนกับทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ด้วยตัวละครที่เป็นคนธรรมดาในแบบที่จะเป็นใครก็ได้ มันเลยยิ่งทำให้เรารู้สึกรีเลทกับปัญหาที่พวกเขาได้เผชิญ  ความรู้สึกที่เขารู้สึกแน่นอนว่าไม่มีในชีวิตใครที่ฝนจะตกตลอดไปแม้แต่ในหน้าพายุฝนแบบที่ตัวละครหลายตัวในเรื่องได้เผชิญเราเลยได้เห็นบรรยากาศอบอุ่นของหลากหลายความสัมพันธ์ในเรื่อง ที่ดูแล้วแม้ว่าชีวิตมันจะหนักหนาแต่เราก็ยังคงพอฝันหาความอบอุ่นท่ามกลางพายุฝนได้

     

    "เราต่างถูกกัดกร่อนและไม่สมบูรณ์แต่เราก็ยังมีหนทางที่จะมีความสุขอยู่ได้"

    อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ละครเรื่องนี้อยากจะบอกเรา ผ่านการสร้างตัวละครหลากหลายที่ไม่สมบูรณ์ และพาเหล่าคนดูอย่างเราจมดิ่งและร่วมเรียนรู้ไปกับตัวละครที่ถูกกัดกร่อนด้วยสภาพแวดล้อมต่างที่ต้องเผชิญท่ามกลางพายุฝนที่ดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่ก็ยังพยายามหาความสุขท่ามกลางพายุฝนนั้น ก่อนจะพาตัวละครและเราไปพบกับท้องฟ้าอันแสนสดใสหลังฝนที่ผ่านไป

     

    ซีรีส์เริ่มชวนเราไปสำรวจตัวละครที่เปราะบางและชวนเงียบเหงาอย่างอีจีอัน ที่รับบทโดยไอยู ผ่านบุคลิกที่เย็นชาและแข็งกร้าวราวกับใช้บุคลิกนี้เป็นเกราะในการป้องกันตัวเองออกจากการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอย่างไรอย่างนั้นอาจจะเพราะสิ่งที่เธอได้พบเจอมาตลอดชีวิต 21 ปี ได้หล่อหลอมให้เธอเป็นคนแบบนี้เธอเลยไม่ไว้วางใจในการมีความสัมพันธ์ใดๆกับผู้คน วางตัวเองเป็นเพียงคนนอกในทุกๆความสัมพันธมาตลอดเลยทำให้เธอสามารถทำหลายๆอย่างในแบบที่หลายคนไม่คาดคิดเพียงเพราะได้เงินมาประทังชีวิตและประคับประคองรักษาคุณย่า ผู้เป็นเจ้าของความสัมพันธ์ล่้ำค่าที่สุดในชีวิตจีอัน

    จีอันที่แม้ว่าจะดูเย็นชากับคนภายนอกแต่การกระทำที่ใส่ใจต่อคุณย่าของเธอก็ทำให้เราเข้าใจเลยว่าเธอให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์นี้แค่ไหน ฉากที่พาย่านั่งรถเข็นไปชมดวงจันทร์เพราะยาอยากชมนี่คิดถึงกี่ทีก็น้ำตารื้นจีอันทะนุถนอมความรู้สึกของคุณย่าเป็นอย่างดี 

    การที่เขาให้ย่ากับจีอันใช้ภาษามือคุยกันเราว่ายิ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่มีกันเพียงสองย่าหลานให้เหนียวแน่นราวกับเป็นโลกที่คนภายนอกเข้าไม่ถึง และไม่อาจรับรู้ได้แล้วตอนสุดท้ัายที่ให้จีอันกลายไปเป็นครูสอนภาษามือนี่คือดีมากเลยเราว่าเหมือนจีอันได้เป็นคนช่วยเปิดโลกให้คนอีกหลายคนเข้าถึงโลกตรงนี้ได้

    การที่จีอันต้องลำบากขนาดนี้ส่วนหลักๆคงมากจากหนี้ที่พ่อแม่ของเธอเคยติดพ่อของกวังอิลไว้จนในวันที่พ่อกวังอิลจากไป เพื่อนในวัยเด็กของเธอก็กลายเป็นเจ้าหนี้ 

    สำหรับจีอันความสัมพันธ์ของเธอกับกวังอิล (ที่ได้จางกียงจาก Search WWW. มาเล่นเป็นผู้ชายสุดใจร้ายคนนี้) เป็นอะไรที่ตามหลอกหลอน เด็กผู้ชายที่เคยดีกับเธอในวันนั้นกลับเป้นคนที่ไล่ทุบตีเธอในวันนี้ ส่วนสำหรับตัวกวังอิล จีอันคงเป็นความสัมพันธ์ในแบบ Hate-love relationship ที่ไม่รู้ว่าจะแสดงความรักยังไง แต่ก็ยังแค้นที่พ่อตัวเองตายด้วยน้ำมือจีอัน แต่ก็เออก็รักจีอันนั่นแหละเลยพยายามทำดีกับเธอ แต่ก็รู้ว่าจีอันคงไม่รัก เแล้วจางกียงเล่นได้ดีมากตอนเขาตีไอยูนี่คือแบบอยากจะพุ่งเข้าจอไปกระชากคอเสื้อมาก lol มันเป็นความรู้สึกที่แบบอยากบีบคอมาก เราว่ากวังอิลคือเป็นตัวละครคลั่งรักแต่เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกยังไงเพราะนอกจากรักแล้วมันก็มีเรื่องราวเต็มไปหมดที่เขาก็ข้ามผ่านไม่ได้

    กวังอิลคงเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ไดร์ฟจีอันเข้าสู่วังวนการทำงานให้โทจุนยองเพื่อใช้เงินก้อนใหญ่ใช้หนี้จะได้หลุดพ้นจากวังวนนี้สักทีคงเพราะอย่างนี้จีอันเลยยอมทำสัญญากับจุนยองเพื่อเงินยอมทำทุกอย่างเลยแม้กระทั่งการเสนอดีลในการทำลายชีวิตการงานของใครก็ตามที่ขวางทางจุนยองและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้เริ่มทำความรู้จักกับดงฮุนผ่านภารกิจต่างๆที่เธอต้องทำเพื่อทำลายเขา

    การได้พบเจอกับพัคดงฮุน เป้าหมายของเธอที่กลายเป็นคนพาแสงสว่างเข้ามาสู่ชีวิตของเธอท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำคงเพราะการใช้ชีวิตเป็นคนนอกมาตลอด จีอันเลยไม่เคยได้เรียนรู้ใครแบบจริงจัง การที่เริ่มแอบฟังชีวิตคนแบบดงฮุนก็ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปเพราะสำหรับจีอัน ดงฮุนคือคนที่ทำดีกับเธอเกิน 4 ครั้ง ในแบบที่เธอไม่เคยได้พบเจอเราว่าการที่เขาเลือกใช้การแอบฟังเป็นเครื่องมือที่ทำให้จีอันเริ่มเข้าถึงดงฮุนนี่เป็นอะไรที่น่าสนใจมากเพราะการที่ใช้ชีวิตอยู่กับย่าจีอันไม่ได้ฟังเสียงเลยใช้แต่ตากับมือในการสื่อสารส่วนการเรียนรู้ดงฮุนต้องใช้หูในการฟังและคาดเดาถึงสถานการณ์ตรงนั้น

    เราชอบความสัมพันธ์ของสองคนนี้ที่ค่อยๆเริ่มต้นขึ้นจากคำพูดง่ายๆที่จีอันขอให้เลี้ยงข้าวแน่นอนว่าตอนแรกมันไม่ได้เริ่มต้นด้วยความบริสุทธ์ใจหรอกเพราะจีอันทำไปเพื่อหาทางในการทำลายดงฮุนแต่ชอบที่ทุกอย่างมันเริ่มพัฒนาจะมื้ออาหารง่ายๆนี้หลายๆมื้อการที่ดงฮุนดึงจีอันออกมาจากเกราะที่สร้างขึ้นอย่างแน่นหนาเพื่อมามีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกมากขึ้นทั้งการชวนไปกินข้าวกับที่ทำงาน แนะนำเพื่อนที่ทำงานไปจนกระทั่งพาจีอันไปรู้จักกับเพื่อนๆชาวแก๊งย่านฮูคเยที่กลายเป็นหูเป็นตาคอยช่วยดูแลจีอัน เรียกได้ว่าเป็นพระอาทิตย์ท่ามกลางความมืดมิดที่เข้ามาหลอมละลายจีอันจริงๆ

    เราชอบที่เขาใส่ดีเทลที่ดูเหมือนจะเล็กแต่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตของคนคนนึงที่เติบโตมาด้วยตัวเองตลอดเช่นการที่ให้พัคดงฮุนแนะนำจีอันเรื่องสวัสดิการบ้านพักคนชราคือมันเป็นเรื่องที่ตัวเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าจีอันจะเติบโตมาโดยไม่มีใครให้คำแนะนำหรือบอกกล่าว ราวกับว่าเธอเป็นคนนอกของสังคมนี้มาตลอด

    จีอันเลยกลายเป็นตัวละครที่มีการพัฒนาเยอะมากเราจะได้เห็นจากตัวละครที่แข็งกร้าว เย็นชา ไม่สุงสิงกับผู้คนสู่เธอคนนี้ผู้เป็นห่วงเขาสุดหัวใจ หวังเพียงเห็นเขามีความสุขและไอยูก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีและลึกมากๆ ไอยูตีความเป็นอีจีอันผ่านการแสดงออกมาได้ละเอียดมากไหล่ห่อๆนั่น การเดิน การยืน สายตา ท่าทางต่างๆคือเราว่าตัวละครจีอันมันมีบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้แต่รับรู้ได้ผ่านการแสดงของไอยูอะ ไอยูพาเราดิ่งลงไปกับตัวละครจีอันมากๆรู้สึกว่าสุดยอดจริงๆ สมคำโฆษณา tvN ที่บอกว่าเรื่องนี้เป็นสุดยอดการแสดงของไอยูยิ่งพอได้รู้ว่าไอยูป่วยตอนถ่ายเรื่องนี้ด้วยก็ยิ่งรู้เลยว่าเป็นเรื่องที่แลกมาด้วยหยาดน้ำตาและเลือดเนื้อของเธอจริงๆ

     

    ตัวละครถัดมาที่เราว่าเป็นพ้อยท์หลักของเรื่องคือพัคดงฮุน ชายวัยกลางคนที่รับบทโดยอีซอนกยุน (ที่หลายๆคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาจากบทท่านพัคใน parasite หนังออสการ์ปีที่แล้ว) เป็นตัวละครที่เราจะได้เห็นมิติหลาหลายมากที่สุดในเรื่องเอาจริงๆเราว่าดงฮุนคือศูนย์กลางของเรื่องตามชื่อเรื่องเลยเขาเป็นวิศวกรโครงสร้างในบริษัทใหญ่ที่ตั้งใจ ใส่ใจและตรงไปตรงมากับการประกอบอาชีพของตัวเองมาก แต่ถูกสั่งโยกย้ายแผนกจากออกแบบโครงสร้างมาสู่การทำงานตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารดงฮุนตกเป็นเหมากของการเมืองในที่ทำงานเมื่อเขากลายเป็นตัวแปรสำคัญของผลลัพธ์นี้

    ซีรีส์เล่าถึงสังคมการทำงานผ่านตัวละครดงฮุนได้อย่างน่าสนใจในแง่ของวัฒนธรรมในที่ทำงานว่าส่งผลอย่างไรต่อความรู้สึกอย่างไรให้กับพนักงาน ความสัมพันธ์ของคนในที่ทำงานการเมืองในบริษัท และยังเล่าถึงอาชีพของดงฮุนได้น่าสนใจด้วยเราว่าเขาลงรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้องานเยอะกว่าคิดไว้อะคือเพราะเรื่องที่ต้องเล่ามันเยอะมากเราเลยไม่คิดว่าซีรีส์จะลงรายละเอียดเนื้องานขนาดนี้บางคนอาจจะคิดว่ามันไม่ได้เยอะอะไรเมื่อเทียบกับซีรีส์สายอาชีพเรื่องอื่นๆแต่สำหรับเรา คือดีใจมากที่เขาไม่ได้เอาหน้าที่การงานมาเป็นพร็อพแต่เขาใส่ใจในการเล่าเรื่องถึงมันจริงๆ คือเขาใส่ใจการสร้างตัวละครดงฮุนมาก (ชอบมุกเล็กๆที่แฝงมามาก ว่าคนมักจะชอบเข้าใจผิดว่าวิศวกรโครงสร้างกับสถาปนิกมันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ ตัวพระเอกต้องคอยตอบคำถามข้อนี้อยู่เรื่อยเลย แล้วตัวซีรีส์ก็เน้นย้ำมาก ไม่รูว่ามีนัยยะอะไรไหม แต่ชอบ)

    พัคดงฮุนคืิอตัวละครที่ดูจะเป็นคนที่จริงจังและให้ความอบอุ่นกับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีเพราะเขาเป็นคนที่เก็บปัญหาทุกเรื่องไว้กับตัวเอง โดยไม่ยอมบอกความต้องการหรือแสดงความรู้สึกของตัวเองมากเท่าไหร่นัก (เป็นตัวละครแบกโลกนั่นเอง)เช่นการที่โดนรุ่นน้องในที่ทำงานนินทาลับหลังเขาก็เลือกที่จะทำเป็นโอเคกับมันทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้โอเคขนาดนั้น หรือการที่โดนโยกย้ายตำแหน่งก็เหมือนกันซึ่งพฤติกรรมแบกโลกของเขาทำให้ผู้เป็นแม่ค่อนข้างที่จะหนักใจมากเพราะการที่ดงฮุนไม่เคยบอกว่าต้องการหรือรู้สึกอะไรทำให้คนเป็นแม่คาดเดาไม่ได้และกลัวว่าลุกชายจะแบกโลกทั้งใบไว้จนป่วยไปเสียก่อน เราว่าการเข้ามาของจีอันช่วยปลดล็อคตรงนี้ของดงฮุนนะทำให้เขากล้าที่ปล่อยความรู้สึกมากขึ้น

    การที่ดงฮุนเติบโตมาในย่านฮูคเย และทุกวันนี้ยังคงอาศัยอยู่ในย่านนั้น เราเลยได้เห็นมิตรภาพอันแสนอบอุ่นของเขาและเพื่อนๆที่ถูกเล่าผ่านบทสนทนาที่ดูเหมือนจะเรื่อยเปื่อยแต่ไม่เรื่อยเปื่อยเสียทีเดียวของกลุ่มชายเกาหลีวัยกลางคนที่มีความสามารถพิเศษคือการดื่มเหล้าหลังเลิกงาน และการเตะฟุตบอลยามเช้าในวันหยุด ที่พูดถึงปัญหาของชีวิตตัวเองที่ได้พบเจอมา เราเลยชอบมากเพราะมันดูจะเป็นชีวิตของคนธรรมดามาก

    นอกจากนั้นแล้วเรายังรู้สึกว่าการที่เขาเล่าความสัมพันธ์ระหว่างดงฮุนกับเพื่อนสนิทที่เขาเคยเปรยไว้ในเรื่องว่าเป็นคนเก่งที่สุดในรุ่นแต่สุดท้ายหลังเรียนจบก็ตัดสินใจออกบวชเป็นพระนี่ก็เป็นอะไรที่เสริมสร้างคาแรคเตอร์ดงอุนได้อย่างน่าสนใจ คึือเรารู้สึกว่าคนวัยดงฮุนที่รู้สึกทุกข์ใจมันก็ไม่แปลกที่จะหันหน้าเข้าหาสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกสงบขึ้น และนั่นก็คือวัด และยังได้ปรึกษากับเพื่อนที่(พยายาม)ละทางโลกแล้วก็อาจจะทำให้เรารู้สึกหาทางสงบจิตใจมากขึ้น  เราว่ามันเป็นวัยแบบที่ตามหาความสงบในจิตใจและการใช้ชีวิตแล้วอะ ที่เลือกให้เป็นพุทธก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จากความคิดส่วนตัวของเราที่เติบโตในเมืองพุทธ(ปลอมๆ)แบบที่แห่งนี้ ก็คิดว่าแกนมันคือการตามหาความสงบในจิตใจอยู่นะ

    เราชอบที่เขาวางตัวละครดงฮุนมาแบบนี้คือเป็นตัวละครที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ ชายวัยกลางคนที่ครอบครัวดูจะสมบูรณ์หน้าที่การงานดี มีลูกชายหนึ่งคน แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดการที่ดงฮุนพยายามมองข้ามเรื่องที่ยุนฮีคบชู้กับรุ่นน้องเขาที่ตำแหน่งใหญ่โตกว่ายิ่งเน้นย้ำลักษณะนิสัยตรงนี้ของดงฮุนว่าแม้กระทั่งสถานการณ์แบบนี้เขายังเลือกที่จะเก็บทุกเรื่องและพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ เพื่อรักษาความรู้สึกของคนรอบข้างไว้

    จากเรื่องราวว่าตรงนี้ก็เป็นผลหนึ่งอย่างมาจากพ่อของพระเอกที่บอกมาเสมอว่าไม่มีอะไรหรอก ดงฮุนก็เลยกลายเป็นคนเก็บอารมณ์ไว้ภายใต้คำว่าไม่มีอะไรมาตลอด (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวมากๆเราว่าตรงนี้ก็เป็นผลมาจากสังคมปิตาธิปไตยที่สร้างภาพให้ผู้ชายต้องเข้มแข็ง ไม่รู้สึกอะไร เลยส่งผลต่อลักษณะของดงฮุน คือมันอาจจะไม่ได้ส่งผลกับกีฮุน หรือซังฮุนมากในเรื่องนี้ แต่กับดงฮุนที่เป็นเด็กในกรอบมาตลอดมันจะเอฟเฟคมากเราว่าก็ไม่แปลก)

    อันที่จริงในบรรดาฉากพี่น้องมากมายในเรื่อง เราชอบฉากนี้ที่สุด ฉากที่สามพี่น้องร่วมกันปรับทุกข์เรื่องของดงฮุนกับยุนฮี มันคือการเปิดเผยความในใจของตัวดงฮุน กต่อหน้าคนที่เขาเติบโตมาด้วยทั้งชีวิตอะ มันเรียบง่ายแต่โคตรอิมแพคเลย มันคือการตอบคำถามหนึ่งอย่างว่าทำไมดงฮุนถึงป็นคนแบบนี้ และยังอธิบายลักษณของพี่น้องทั้งสามคนนี้ได้อย่างชัดเจนเลย 

    เอาจริงๆเราชอบการแสดงของซอนกยุนมาก เขาเล่นได้ดีมากจริงๆอะ เพราะเป็นตัวละครที่มีหลากมิติมาก รายละเอียดมันเลยเยอะ แต่พี่เขาเก็บได้ครบจริงๆ งานเนี้ยบมาก เขาเล่นละเอียดจนน่าขนลุก ครีเอทความเป็นพัคดงฮุนออกมาได้น่าสนใจมาก


    การที่ดงฮุนให้ความสัมพันธ์กับเพื่อน พี่น้องและแม่เยอะมาก ดูจะเป็นการที่ทำให้คังยุนฮีที่รับบทอีจีอา  (คุณนายซูรยอนแห่งชั้นที่ 100 บน Hera Palace ใน penthouse นั่นแหละค่ะ) ภรรยาสาวที่เป็นทนายผู้เก่งกาจรู้สึกโดดเดี่ยว และแปลกแยกจากโลกของดงฮุนที่นี่ตลอดเวลาเราว่าสังคมของดงฮุนที่นี่มันทำให้เธอรู้สึกอ้างว้าง เพราะเธอไม่รีเลทกับใครเลยจริงอยู่ว่าความสัมพันธ์ของยุนฮีกับคนรอบข้างตัวดงฮุนไม่ได้แย่แต่เราว่าการที่เธอรู้สึกว่าถูกคนพวกนี้ช่วงชิงความสำคัญทีเธอคิดว่ามันควรจะเป็นของเธอไปเลยทำให้เธอไม่อาจรู้สึกสนิทใจได้

    อีกทั้งยุนฮียังเป็นตัวละครที่ได้รัับผลกระทบจากสังคมชายเป็นใหญ่ในเกาหลีมากที่สุดหนึ่งคนของเรื่องนี้ทั้งในฐานะลูกสะใภ้ที่แม่สามีดูจะไม่ค่อยชอบหน้าเพราะหน้าที่การงานเก่งกว่าดงฮุนลูกชายของเธอคือเราว่าแม่ดงฮุนไม่ได้เกลียดอะไรยุนฮีเป็นพิเศษ (เราว่าแม่ดงฮุนออกจะดูเป็นห่วงเธอในหลายๆครั้งด้วยซ้ำไป) แต่เพราะกลัวว่าลูกตัวเอง(ที่อยู่ในสังคมปิตาธิปไตยแบบนี้)จะกดดันจากการที่ภรรยาเก่งกว่าเลยทำให้เธอพาลไม่ชอบลูกสะใภ้นิดๆ

    และในตอนที่เธอเลือกจะมีชู้เป็นรุ่นน้องศัตรูของดงฮุน (เราคิดว่าที่เลือกเป็นรุ่นน้องของดงฮุนก็อาจจะด้วยว่าตัวเองอยู่ในสังคมที่มีแต่คนรายล้อมไปด้วยคนที่ดงฮุนรักและให้ความสำคัญเลยอาจจะอยากเลือกอีกขั้วนึง จนมันกลายเป็นความรู้สึกจริงๆขึ้นมา) อย่างโทจุนยองสถานะของผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็ทำร้ายเธออีกครั้งด้วยทัศนคติที่จุนยองเลือกเธอแบบไม่ยอมเลิกลาเพราะเธอก็จะไม่กล้าพูดเหมือนกันว่าคบชู้อยู่เพราะพูดยังไงก็เสียหาย

    สำหรับเรานะการที่ยุนฮีจะรู้สึกโดดเดี่ยวมันไม่แปลกเลยแม้ว่าดงฮุนจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ขาดตกบกพร่องไปแต่คนที่ควรจะได้รับกลับไม่ได้รับสารนั้น อาจจะไม่มีใครผิดเลยเพียงแต่ช่องสัญญาณของทั้งคู่ไม่ตรงกันเพราะมองกันคนละมุมให้ความสำคัญกันคนละอย่างตลอดมา แล้วไม่เคยได้คุยกันเลยมาคุยกันในวันที่สายเกินไปเลยออกมาในสภาพแบบนี้คือเราไม่ได้ว่าการที่ยุนฮีมีชู้มันไม่ผิดนะมันผิดนั่นแหละที่เลือกจะแก้ปัญหาด้วยวิธีแบบนี้แต่การที่เธอรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องผิดเลยและเธอก็รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ตลอดมา

    ยุนฮีเลยเป็นตัวละครที่จมอยู่ในความหม่นหมองเกือบจะตลอดเวลาหลังจากที่ได้คุยกับดงฮุนเรื่องที่มีชู้เพราะความรู้สึกผิดที่ท่วมทันและพยายามที่จะทำทุกอย่างตามใจดงฮุนเพื่เป็นการไถ่โทษคือเป็นตัวละครที่มีทิศทางสวนทางกับจีอันอย่างชัดเจนในขณะที่จีอันเริ่มจะสดใสขึ้นแต่ยุนฮีกลับหม่นหมองลงการที่เธอมีชู้มันก็เป็นเรื่องที่ผิดน่ะแหละแต่พอคิดว่าตัวยุนฮีรู้สึกโดดเดี่ยวแค่ไหนหัวใจเราก็อดสงสารไม่ได้การที่รู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนมากมายมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆแล้วอีจีอาเล่นเป็นคนอมทุกข์ได้ชวนหม่นหมองมาก เห็นหน้าเขาทีไรเราอยากจะร้องไห้ทุกทีเลย

    เราชอบวิธีการที่เขาใช้เล่าความสถานะความสัมพันธ์ของยุนฮีและดงฮุนมากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ดีเทลเล็กๆ และไดอะล็อกที่แสนจะเรียบง่ายแต่จุกใจไปหมด เช่นการกลับบ้านดึกแล้วบอกว่าเพราะกลับบ้านมาก็ไม่เจอใครส่วนอีกคนก็ตอบกลับว่าเพราะเขากล้บบ้านมาก็ไม่เจอใครเหมือนกันหรือจะเป้นในช่วงที่เริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคำถามง่ายๆที่ว่าคุณอยากให้แวะซื้ออะไรไหมผมกำลังกลับบ้าน เราว่ามันเรียบง่ายแต่ดูเป็นมนุษย์มากเลย


    การที่ยุนฮีรู้สึกโดดเดี่ยวและตัดสินใจไปคบชู้ทำให้พี่ชายดงฮุนอย่างพัคซังฮุนที่เป็นพี่ชายที่แสนจะอ่อนไหว รับบทโดยพัคโฮซัน (ที่เราอาจจะคุ้นเคยกับเขาในบทของลุง KAIST ใน prison playbook) รู้สึกผิดกับเธอตลอดมาตัวซังฮุุนรู้สึกลึกๆมาตลอดว่าตัวเองเป็นภาระให้กับน้องชายอย่างดงฮุนเสมอและการที่เป็นคนที่พึ่งพาอะไรไม่ได้ของเขาทำให้ดงฮุนต้องรับภาระที่บ้านหนักจนอาจจะทำให้ยุนฮีรุ้สึกเหน็ดเหนื่อย

    เอาจริงๆฉากที่ซังฮุนโทรขอโทษยุนฮีแล้วพูดกับเธอว่าขอโทษที่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเป็นอะไรที่บาดใจเรามากเพราะซังฮุนเป็นคนที่มีภาพลักษณ์สบายๆไม่ได้คิดอะไรมากมาตลอดแม้ว่าชีวิตจะมาล้มเหลวในช่วงวัยเกือบ 50 ทั้งตกงานและถูกขอหย่าจนต้องหอบข้าวของย้ายกลับมาอยู่กับแม่เราเลยรู้สึกว่าตัวตนของเขาตอนนั้นก็รู้สึกพังทลายไม่ใช่น้อยราวกับว่าเขาซ่อนความแตกสลายของศักดิ์ศรีความเป็นพี่ชายไว้ภายใต้ใบหน้าอันยิ้มแย้ม(ที่บางทีอาจจมาจากฤทธิ์เหล้า)


    พัคกีฮุนที่รับบทโดยซงแซบยอก น้องชายคนสุดท้องที่ใช้ชีวิตตามอารมณ์มาก ปากร้ายแต่ใจก็ไม่ดีนัก แต่ก็ดีกว่าปากหน่อย lol ด้วยความเป็นน้องคนสุดท้องเลยอาจจะทำให้กีฮุนไม่ได้รู้สึกมีภาระกดดันอะไรมากมายเท่าพี่ชายอีกสองคนเลยทำให้เขาสามารถแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาได้ เลยทำให้เขาอาจจะมีปากเสียงกับพี่คนโตที่ร่วมหุ้นกันเปิดบริษัททำความสะอาดอยุ่เรื่อยตามประสาพี่น้อง และยังเป็นคนอารมณ์ร้อนสไตล์พร้อมบวกเสมอถ้าใครมันทำพี่เราเดือดร้อน ก็เป็นบุคลิกที่เราว่าก็ดูน่ารักดีสำหรับน้องชายคนเล็ก lol

    การที่เคยได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะผู้มีแววจะมีอนาคตไกลในวงการภาพยนตร์แต่กลับล้มเหลวในงานภาพยนตร์ยาวเรื่องแรกในชีวิตทำให้ยังติดกับคำพูดเหล่านั้นไม่สามารถข้ามผ่านได้เลยกลายเป็นแผลในใจทำให้ตัวเขาไม่สามารถเริ่มงานกำกับอะไรได้อีกเขาเลือกที่จะโทษนักแสดงหลักในเรื่องนั้นมาตลอดว่าทำให้งานของเขามีปัญหาเราชอบตอนที่กีฮุนยอมรับว่าส่วนหนึ่งงานนั้นที่มันเป็นปัญหาก็มาจากเขาเองด้วย


    ชเวยูราโดยควอนนารา (ที่เป็นที่รู้จักกันดีในบทโอซูอาจาก Itaewon Class) เป็นนักแสดงหลักในภาพยนตร์เรื่องแรกของกีฮุนที่ได้บังเอิญวนเวียนมาเจอกับผู้กำกับที่เคยด่าเธอไว้สาดเสียเทเสียทำให้ตอนที่เห็นว่าผู้กำกับตกต่ำจนต้องมาทำความสะอาดเธอก็ขอบคุณเหลือเกินเพราะทำให้เธอไม่รู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเธอคนเดียวนี้เป็นอะไรที่โคตรซื่อตรงกับตัวเองมากเลยเราชอบมุมมองที่ตัวละครตัวนี้มองโลกมาก เธอเป็นตัวละครที่เไม่ยอมแพ้ต่อการทำตามความฝันและซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองมากเราชอบบทของยูรามาเขาวางให้เป็นตัวละครที่ตามหาแสงสว่างในความมืดมิด


    เราชอบมากที่เขาใส่ใจกับตัวละครอย่างจองจองฮีที่ได้โอนารา (ที่คุ้นตากันดีจาก SKY CASTLE) มารับบทเป็นเจ้าของร้านเหล้าที่เป็นราวที่พักผ่อนหย่อนใจของตัวละครในเรืองย่านฮูคเยเป็นหญิงวัยกลางคนที่ใช้ชีวิตอย่างเหงาๆคนเดียวในร้านเหล้าจองฮีเป็นตัวละครที่ดูเหมือนจะเป็นเถ้าแก่เนี๊ยะร้านเหล้าทั่วไปเธอเป็นคนที่เก็บซ่อนอารมณ์ไว้ภายใต้รอยยิ้มที่ดูจะสดใสและร่าเริงแต่จริงๆแล้วจองฮียังคงยึดติดอยู่ในความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนเก่าที่ไปบวชเป็นพระได้เกือบ 20 ปีแล้วซึ่งตัวละครที่เป็นพระแฟนเก่าเธอคือตัวละครที่ดงฮุนเคยพูดว่าในฐานะเพื่อนคู่แข่งที่เรียนหนังสือเก่งมากๆแต่พอเรียนจบกลับตัดสินใจเป็นพระคือชอบการที่เขาดรอปตัวละครตัวนี้ไว้ตั้งแต่แรกๆ และยังเล่าผ่านบทสนทนาที่ดูจะเรื่อยเปื่อยแล้วโยงเรื่องเข้ากับจองฮีในท้ายที่สุด


    ตัวละครก๊วนเพื่อนแถวบ้านขาประจำร้านเหล้าจองฮีแก๊งเตะบอลของดงฮุนย่านฮูคเยเป็นสิ่งที่บันเทิงและสดใสที่สุดในเรื่องนี้เขาวางให้เป็นแก๊งชายวัยกลางคน วัย 40 กว่าๆ ที่เกิดมีปัญหาต้องตกงานจากตำแหน่งใหโตที่เคยทำกันแต่ก็ยังใส่ไฟฝันและความสุขให้กับผู้ชายวัยกลางคนพวกนี้เหมือนที่ชเวยูราเคยบอกไว้ว่าคนพวกนี้คือเหล่าคนล้มเหลวที่มีความสุขที่สุดเป็นกลุ่มคนที่เหมือนจะบอกกับเราว่าไม่ว่าจะล้มเหลวในสายตาคนอื่นยังไงยังไงแต่เราก็ยังมีความสุขได้นะ


    จริงๆตัวละครทืี่เราอยากให้เขาเล่าเพิ่มคือโทจุนยองที่ได้คิมยองมิน (ที่เรารู้จักกันจาก the world of marriage couple) มารับบท เราชอบมากที่ตัวโทจุนยองมันไม่ได้เก่งเว่อร์อะไรมากมายแต่เป็นคนทะเยอทะยานจนหาทางให้ตัวเองขึ้นสู่ที่สูงได้แต่มันก็ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นความไม่ชอบและอิจฉาที่มีต่อพัคดงฮุนของจุนยองมันเรียบง่ายมาก จนเราชอบและอยากรู้เลยว่าเขาเป็นคนอย่างไร ในหลายๆมิติเราอยากเห็นตัวละครนี้ในมิติที่มากกว่านี้อีกหน่อย

     


    เราว่าเรื่องนี้เขาพยายามจะเล่าถึงผลกระทบของทุนนิยมที่มีต่อการดำรงชีวิตด้วย (อันนี้ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่า แต่เป็นสิ่งที่เราได้รับจากการดูอะนะ) ตัวละครที่น่าจะเห๋็นได้ชัดที่สุดคือจีอัน จีอันคือคนที่ต้องดิ้นรนตะเกียกตะกายเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กัดกร่อนเธอแบบนี้ในทุกวันโดยไม่มีเวลาได้คิดถึงตัวเองเลยสักนิด เพราะแค่ต้องหาเงิน หางานก็เหนื่อยมากพอแล้วแม้กระทั่งตอนจบบทสรุปของจีอันที่มีชีวิตที่ดีขึ้นก็ยังมาจากคอนเนคชั่นของนายทุนอยู่ดีคือด้วยสภาพสังคมแบบนี้ที่บีบให้จีอันแทบจะไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากเลยด้วยซ้ำถ้าไม่ได้เจอดงฮุนที่ตัดสินใจรับเธอเข้าทำงานเพราะสนใจใน resume ที่เธอยื่นมาพร้อมกับความสามารถพิเศษเพียงอย่างเดียวคือวิ่งเราก็ไม่รู้ว่าจีอันจะมีชีวิตอยู่ยังไงเหมือนกัน

    เพราะเป็นคนที่ไม่ได้มีเงินมาเลยไม่ได้มีเวลาที่จะไปหาความสามารถพิเศษอะไรคือหนึ่งในบทสนทนาวงเหล้าที่ดูจะเรื่อยเปื่อยของก๊วนสามพี่น้องในตอนที่ดงฮุนต้องหาความสามารถพิเศษไปโชว์ให้ จีซอก ลูกของเขาส่งครูก็พบว่าตัวเองไม่มีความสามารถพิเศษอะไรที่ควรจะเป็นเลยนอกจากฟุตบอล  เพราะการมีความสามารถพิเศษคือต้องมีเงินไปเรียนไม่ใช่สิ่งที่แบบอยู่ๆก็มีได้ชีวิตพวกเขาไม่มีเงิน แค่ไปโรงเรียน เข้ามหาวิทยาลัย จบออกมาก็ต้องทำงานส่วนฟุตบอลมันง่ายสุดเพราะใช้แค่ลูกลมๆเพียงหนึ่งลูกเท่านั้นในการเล่นใครๆก็เลยพยายามที่จะเล่นมันให้ได้ดี (เราว่าอันนี้ก็รีเลทกับการที่จีอันมีความสามารถพิเศษอย่างเดียวคือวิ่ง (คิดว่าที่มีความสามารถพิเศษคือวิ่งเพราะต้องคอยวิ่งหนีเจ้าหนี้ตลอดเวลา))

    หรือจะเป็นการที่ใครๆก็โดนไล่ออกจากงานได้ทั้งนั้นอย่างแก๊งชาวฮูคเยที่มาตกงานกันในช่วงวัย 40-50 แล้วยังต้องออกมาหาทำอะไรกันอีกและผ่านบทสนทนาเล็กๆที่ดูจะไม่สำคัญของชาวสามพี่น้องที่ฝันถึงแค่การใส่กางเกงในดีๆ กินข้าวดีๆสักมื้อ (จริงๆบทสนทนาที่สามพี่น้องเพ้อฝันถึงการใช้ชีวิตที่อู้ฟู่ค่อนข้างรีเลทกับเรามากในฐานะของคนที่พูดอยุ่ทุกวันว่าถ้ามีเงินเยอะๆจะเอาไปทำอะไรดี เลยรู้สึกว่านี่แม่งโคตรชีวิตคนธรรมดาเลย คนในวัยเกือบจะห้าสิบก็ยังคิดแบบนี้ เราทุกคนก็อยู่ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยทุนนิยมกันทั้งนั้นสินะ lol) หรือเป็นเรื่องการเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านของจองฮี เราว่าตัวบทเขาใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆในการวิพากษ์ทุนนิยมที่ส่งผลต่อการมีชีวิตอยู่ของผู้คนได้อย่างน่าสนใจแต่เขาก็ยังวาดภาพนายทุนที่ดีอยู่นะ lol อย่างเจ้าของบริษัทที่เป็นคนดีช่วยให้จีอันของเราได้เริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ที่สดใสและยังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อลูกจ้างในบริษัทอันนี้ก็เป็นทางออกของปัญหาที่ทำให้เรื่องนี้สามารถจบลงสวยๆแบบนี้ได้



    จริงๆพาร์ทที่สนุกอีกพาร์ทคือการเมืองในที่ทำงานของดงฮุน (เอาจริงๆเราว่าซีรีส์เขาพูดถึงเรื่องอาชีพของดงฮุนได้น่าสนใจและเล่าอย่างใส่ใจจริงๆแบบที่ได้บอกไป) ที่เป็นการคานอำนาจระหว่างคนสองฝั่งได้เห็นการทำงาน การชิงไหวชิงพริบอยู่ในระดับหนึ่งเลย คือเขาเล่าเรื่องราวเข้มข้นออกมาได้น่าสนใจแบบไม่โฉ่งฉางอะ เราไม่รู้ว่าจะพูดว่ายังไงดี แต่เราชอบวิธีการที่เขาเล่าถึงการเมืองในออฟฟิศแบบนี้มาก คือมันอาจจะไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่ก็มีความเฉียบของบทอยู่ไม่น้อยเลย เขาทำพาร์ทนี้ได้น่าประทับใจมากๆ



    ความสัมพันธ์ของยุนฮีและจีอันเราว่าน่าสนใจมากเลยนะ ในฐานะของคนที่ชอบและหวังดีต่อผู้ชายคนเดียวกัน แต่อยู่ในสถานะและวัยที่ต่างกัน คือชอบการพัฒนาความรู้สึกและความสัมพันธ์ของทั้งชุด จากคนที่ไม่ชอบหน้ากันในตอนแรก สู่การช่วยเหลือนกันในตอนสุดท้าย ที่จีอันก็ตัดสินใจบอกความคิดของจุนยองให้ยุนฮีรู้ และยุนฮีก็ตัดสินใจช่วยจีอันในเรื่องคดี (แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่ยุนฮีได้ให้ไว้กับดงฮุนว่าจะยอมทำทุกอย่างที่ดงฮุนสบายใจ) แต่เรามองว่ามันมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ซ่อนอยู่ตรงนั้น มันแอบมีความรุ้สึกของเพื่อนหญิงพลังหญิงเล็กๆในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ อาจจะเพราะก็อยู่ในสถานะของคนที่โดนกดมาทั้งคู่เลยอาจจะมีบางอย่างที่รีเลทกันก็เป้นไปได้แหละมั้งนะ lol



    แต่สิ่งที่เราชอบมากที่สุดในเรื่องนี้คือการที่เขาพูดถึงความตายได้แบบสามัญธรรมดามากและยังหยิบยกงานศพมาอธิบายถึงความสัมพันธ์ไว้ได้น่าสนใจประโยคที่เราจำได้ขึ้นใจคือการที่ดงฮุนบอกกับจีอันว่าเขาจะชวนจีอันไปงานศพแม่เขาและจีอันต้องชวนเขาไปงานศพย่าของเธอด้วยในความคิดเห็นของเราที่เขาให้ความสำคัญกับงานศพเพราะมันเป็นงานที่เต็มไปด้วยความเศร้าและการได้บอกลาคนที่สำคัญครั้งสุดท้ายของชีวิต เหมือนกับจะบอกว่าถ้ามีเรื่องที่ทุกข์ใจก็พร้อมจะอยู่ข้างๆตรงนี้เนี่ยแหละเลยอชอบมากที่เขายกงานศพมาพูดแบบนี้

    และไม่เพียงเท่านั้นงานศพยังถูกยกมาพูดถึงอีกหลายครั้งผ่านการสนทนาของสามพี่น้องที่เริ่มโดยอยากจะจัดงานศพใหญ่โตให้แม่เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อทำให้แม่ภูมิใจและไปได้อย่างสงบ เพราะได้รับรู้ว่าลูกคนนี้ประสบความสำเร็จ และเป็นที่พึ่งพาได้มากเพียงใด มีคนมาส่งมากมายไม่เงียบเหงางานศพในที่นี่อาจจะเป็นที่แสดงถึงคอนเนคชั่นและความใหญ่โตที่คนเป็นลูกจะทำครั้งสุดท้ายให้แม่

    เราเลยชอบมากที่ในตอนสุดท้ายงานศพของคุณย่าจีอันทำให้กับซังฮุนได้ทำในสิ่งที่จะทำในสิ่งที่อยากทำคือการได้เป็นที่พึ่งพาของใครสักคน และนั่นก็คือจีอัน งานศพของคุณย่าก็เลยเต็มไปด้วยผู้คนที่มาร่วมกันส่งเธอเป็นครั้งสุดท้ายที่ดูน่าจะครึกครื้นกว่าตอนที่เธอมีชีวิตอยู่อย่างเงียบเหงามาตลอดเราว่าตรงนี้ก็ช่วยปลดล็อกทั้งจีอันและซังฮุนมากเลยนะ จีอันที่อยุ่มาอย่างเงียบเหงามาทั้งชีวิตกับมิตรภาพดีๆที่เธอได้พบ และซังฮุนที่อยากเป็นที่พึ่งพาของใครสักคน เราประทับใจการวางเรื่องตรงนี้มาก

     

    เราชอบบทสรุปของตัวละครแต่ละตัวนะมันคือการก้าวข้ามความเจ็บปวด แผลในใจที่กัดกร่อนเรามานานเพื่อไปเจอกับฟ้าหลังพายุฝนที่โหมกระหน่ำเขาหาทางลงให้กับตัวละครในเรื่องได้น่าประทับใจทุกตัวละครเลยอย่างฉากที่ดงฮุนได้มาเจอกับจีอันในตอนสุดท้าย หลังผ่านเรื่องราวร้ายๆทั้งหมดไปได้เอ่ยทักทายกันอีกครั้ง นี่เป็นอะไรที่ Best part มากปมทั้งหมดในใจคนดูอย่างเราได้คลายลงแล้ว

    แต่บทสรุปของตัวละครที่เราชอบมากที่สุดในเรื่องคือกีฮุนที่ในท้ายที่สุดก็ได้เลิกรากับยูรที่กลายเป็นดาราดังไปแล้ว (ชอบซีนที่หลังเลิกกันแล้วไปไหนก็เห็นแต่หน้าเธอ (เพราะเธอเป็นพรีเซนเตอร์ตามบิลบอร์ด) มาก5555555) และตัดสินใจเริ่มเขียนบทละครใหม่อีกครั้งหลังจากที่บอกกับตัวเองมานานวาเออเราโอเคกับอาชีพทำความสะอาดแบบนี้นะ มันดูได้ปลดล็อคอะไรบางอย่างดี

    ยุนฮีก็ตัดสินใจหาลู่ทางไปเริ่มต้นใหม่ไปอยู่กับจีซอกในอเมริกาดงฮุนก็ออกมาเปิดบริษัทของตัวเองออกจากคอมฟอร์ทโซนที่อยู่มาตลอดเพื่อมาลองหาอะไรใหม่ๆ พร้อมกับทีมลูกน้องคู่ใจเรื่องความสัมพันธ์ของดงฮุนกับลูกน้องที่คอยสอดแทรกมาเรื่อยๆก็เป็นอะไรที่ชวนอบอุ่นใจดีนะ จนเราไม่รู้เลยว่าในชีวิตการทำงานของเราจะมีโอกาสเจอหัวหน้าแบบดงฮุนบ้างไหมอิจฉาคนพวกนั้นจังเลยนะ

    และจองฮีที่ต้องยอมรับความจริงแล้วว่าซังวอนจะไม่มีวันกลับมาหาเธออีักแล้วซีนที่ได้นั่งคุยกันในร้านจองฮีคงได้ปลดหลายๆอย่างถ่วงทั้งคู่ไว้แล้วด้วยความที่เราเติบโตในบ้านเมืองพุทธที่บูชาพระสงฆ์เป็นผู้บริสุทธ์ละทางโลกเลยชอบมากที่เขาก็เล่ามุมมองของพระในรูปแบบที่เป็นคนคือซังวอนก็ยังมีห่วงเป็นจองฮีจริงๆนั่นแหละ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

     

    สำหรับเรา My mister เป็นซีรีส์ที่เราว่าทุกจุดเป็นจุดแข็ง (เห้ยเราอวยมากไปไหม lol) เราชอบการที่เขาหยิบดีเทลเล็กๆมาเล่าเรื่องมาก ชอบวิธีการเล่าเรื่องของเขามากๆ จริงๆบทก็น่าจะเป็นที่กล่าวขานถึงความดีงาม ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริงค่ะ บทโคตรดีเลยไดอะล็อกหลายอันยังคงอยู่ในความทรงจำนะเราชอบการสนทนาเรื่อยเปื่อยที่ไม่เรื่อยเปื่อยมากแต่เราว่าจุดแข็งสุดของเรื่องนี้อยู่ที่ตัวละครเลยเขาวางตัวละครมาได้หลากหลายและน่าประทับใจมาก และการที่หยิบนักแสดงคุณภาพมาร่วมกันตีความให้ตัวละครเหล่านี้มีชีวิตก็แสนจะยอดเยี่ยม คือทีมนักแสดงถ่ายทอดตัวละครออกมาได้ดีมากจนเราไม่รู้ว่าจะต้องชมส่วนไหนก่อนเลยอะ lol และการวางตัวละครมาเป็นคนธรรมดาที่เต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์ที่มาเติมเต็มและช่วยกันเยียวยาทำให้ในความไม่สมบูรณ์นี้ก็ได้เห็นความสวยงามของความสัมพันธ์ในหลายรูปแบบ อย่างที่คุณย่าจีอันว่าไว้



    เราชอบที่สุดคือความรู้สึกที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ราวกับเป็นการปลอบประโลมเราฝานหลายๆเรื่องว่า เราจะล้มเหลวบางก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรแม้ในชีวิตที่เต็มไปด้วยพายุฝนก็พยายามมองหาแสงสว่างและความสุขเล็กน้อยภายในนั้นดูบ้างและก็จะมีฟ้าหลังฝนรอเราอยู่เสมอแม้ว่าบางทีพายุฝนจะเข้ามาในชีวิตเรานานไปเสียหน่อย แต่ในท้ายที่สุดเราก็จะพบกับแสงสว่างนั้นเอง

    ---------------------------------------------------------

    จบลงแล้ว เขียนยากมาก เราเขียนจบไปตอนสามทุ่มแล้วคอมมีปัญหานิดหน่อย minimore ไม่ได้ autosaved ไว้ เลยต้องมาเขียนเพิ่มเติมหลายส่วนเลย แงงงง แต่เขียนยากมากจริงๆ ถ้าเขียนวน เลอะเทอะยังไงต้องขอโทษไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ คอมเม้นท์กันได้เลยนะ เราว่ารายละเอียดมันเยอะมาก เราพูดนี่น่าจะตกหล่นไปหลายส่วนเหมือนกัน ยังไงก็ต้องขอโทษไว้ตรงนี้นะคะ

    แต่การที่มันอาจจะมีหลายความสัมพันธ์ที่เราไม่ได้เล่าไว้ในนี้ บางส่วนคือเราอยากให้หลายๆคนได้ไปลุ้นและซึมซับกันนะคะ จริงๆจะเห็นได้ว่าเราเขียนความสัมพันธ์ของดงฮุนกับจีอันไว้น้อยกว่าในเรื่องมากๆ เราคิดว่าเรื่องราวพวกนยี้เล่ายังไงก็ไม่เท่าไปดูเองเลยอยากให้ลองไปดูกันเยอะๆนะคะ ซีรีส์มันดีงามมากๆเลย

    แต่เราก็มีคำเตือนอยู่นะ สำหรับใครที่คิดว่าอาจจะซัฟเฟอร์เพราะเรื่องมันคอนข้างหนัก และการแสดงของไอยูมันก็ลึกมากอาจจะต้องระวังเรื่อง mental health กันน้อยนะคะ เพราะเพื่อนเราเขาดูเรื่องนี้ไม่ได้ด้วยเหตุผลนี้

    ขอบคุณมากเลยนะคะที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้มันยาวมากจริงๆ คิดเห้นอย่างไร หรืออยากโต้แย้งตรงไหนคอมเม้นท์ไว้ได้เลยนะคะ รออ่านฟีดแบ็คอยู่นะคะ





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Tatree Saengmeeanuphab (@fb5543332642348)
แม้จะผ่านไป1ปีจากที่คุณเขียนรีวืวนี้ไว้ และผมเพิ่งดูหนังจบเมื้อกี้นี้
..เป็นรีวิวที่เข้าถึง และดีงามมาก ๆ เท่าที่ได้อ่านมา หลังจากเข้าไป pantip ก็แล้ว บล็อคนี้เขียนไว้ดีงามมากเลยครับ ขอบคุณที่ตั้งใจเขียนและหาภาพมากประกอบอย่างดีครับ
WATCHIES (@Watchies)
@fb5543332642348 โอ้โห้ TT เราขอบคุณมากเลยค่ะ ดีใจมากเลยที่แม้จะผ่านไป 1 ปีแล้วก็ยังมีคนแวะเข้ามาอ่าน ดีใจมากเลยที่มีคนชมแบบนี้ ดีใจที่ไปดูละครเรื่องนี้นะคะ TT