เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Movie Walker : รีวิวหนังครอบจักรวาลNarawit Takame
Swiss Army Man : หนังศพตดได้ ที่อยากให้คุณดู



  • " จริงๆแล้วในชีวิตของคนเรา
    เราต้องการคนที่เข้าใจ ในความประหลาดที่เราเป็น
    แค่คนเดียวก็ยังดี "


    รีวิวฉบับ 2 บรรทัด

              "หนังสุดบ้า ที่ว่าด้วยคนที่อยากฆ่าตัวตาย กับศพที่ตดได้ ! หนังไม่ได้ทุเรศและดูยากอย่างที่คิดไว้

    ผกก.นำเสนอได้ฉลาด และคาดเดาอะไรไม่ได้เลย สนุก ไม่มีเบื่อ ภาพสวย เพลงเพราะ ประทับใจมาก"

    "9/10"



    รีวิวฉบับ หลายบรรทัด (ไร้สปอยส์ เล่าไม่เกินที่เห็นในตัวอย่างหนัง) 

              เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ ในทัมเนลของตัวอย่างนั้น มีหน้าของ แดเนียล เรดคลิฟท์ โชว์อยู่ (คนรับบทเป็นแฮร์รี่ พ๊อตเตอร์) เลยกดเข้าไปดูซะหน่อย หลังจากดูจบก็พอจะรู้ได้ว่า
    หนังเรื่องนี้มันเกี่ยวกับ คนที่อยากตาย แต่ดันไปเห็นศพ เลยไม่ฆ่าตัวตาย พอไปหาศพ ศพดันตดได้ !

    "What the fuck"

     "นี่มันห่าอะไรกันว้ะ !"

              นี่เป็นคำอุทานหลังจากดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้จบ (น่าตลกตรง มันยังเป็นประโยคเปิดของหนังเรื่องนี้อีกด้วย) หลังจากนั้นต่อมความอยากรู้ก็เริ่มทำงาน อยากจะรู้ว่าหนังเรื่องนี้มันเป็นยังไง มันจะบ้าได้แค่ไหน , มันจะทุเรศจนเราทนดูไม่ได้เลยมั้ย , ผกก.เค้าคิดอะไรอยู่ ตอนเขียนบทเรื่องนี้ขึ้นมา , ฯลฯ


              วันนี้ผมรู้แล้วครับ หนังเรื่องนี้เหมือนในตัวอย่างจริงๆ เป็นหนังดราม่า/ตลก ที่ว่าด้วยการผจญภัยของคนที่อยากตาย กับศพที่ตดได้ แต่มันไม่ได้มีแค่นั้นครับ ศพไม่ได้แค่ตดได้อย่างเดียว เค้าทำอะไรได้มากกว่านั้นครับ ทั้งพ่นน้ำออกมาจากปาก , พ่นลมออกมาจากปาก , และอะไรทุเรศ อีกมากมาย

              แต่ทำไมผมถึงบอกว่าประทับใจหนังเรื่องนี้นักล่ะ ก็เพราะว่ามันไม่ได้มีแค่นั้นนะซิ หนังเรื่องนี้ไม่ได้เอา พ่อมดแฮร์รี่ พอตเตอร์มาปู้ยี่ ปู้ยำ มาทำอะไรทุเรศๆอย่างเดียวหรอกครับ มันมีมากกว่านั้นเยอะ มากกว่าในที่นี้หมายถึงในแง่ดีนะครับ ดีมากๆเลยแหล่ะครับ


    "หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัล Directing Award จากเทศกาลหนัง Sundance
    ซึ่งเป็นเทศกาลเดียวกับ ที่หนังเรื่อง Whiplash ดังเป็นพลุ"


              หนังเรื่องนี้พูดถึง การผจญภัย ความสัมพันธ์ ความเศร้า สิ่งที่ทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป มิตรภาพ ความรัก และการแลกเปลี่ยนความเข้าใจเกี่ยวกับโลก ของคนที่อยากตาย กับคนที่ตายไปแล้ว(ศพ) ระหว่างการเดินทางทั้งคู่ได้ผ่านอะไรมากมาย ทั้งพึ่งพา พูดคุย แลกเปลี่ยน ยอมรับในความแตกต่าง เติบโต เจ็บปวด ไปด้วยกัน ผมว่าจากคนที่ไม่รู้จักกัน กลายเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยเรื่องแบบนี้แหล่ะครับ

     

             ใน 96 นาที ที่ได้ดูการเดินทางของทั้งคู่ ระหว่างทางอาจจะมีอาการแหวะบ้าง , อุทานว่า นี่มันห่าอะไรกันว้ะบ้าง แต่ในท้ายที่สุดผมกลับรักหนังเรื่องนี้อย่างหมดใจเลยครับ รักจนอยากกลับมาดูซ้ำๆ

              คงเป็นเพราะเนื้อเรื่องที่สวย บวกกับ ภาพ/มุมกล้อง ที่สวยมาก สวยจนอยากเข้าไปอยู่ในหนังเลย นอกจากนี้ยังมีเพลงประกอบที่เพราะ และเข้ากับจังหวะหนังเหลือเกิน ผมรู้สึกผิดจริงๆ ที่เคยคิดอยากปิดหนังเรื่องนี้ ในตอนต้นเรื่องและหนีไปดูเรื่องแทน เพราะผมคงพลาดหนังที่ดีและสวยงามแบบนี้ไปเลย



              ปล.สำหรับใครที่อยากดูเรื่องนี้ สำหรับซับไทยคงต้องรออีกซักพักนะครับ ตอนนี้ทางฝั่งอเมริกาพึ่งออกแผ่นกันหมาดๆ (22 NOV 2016) คาดว่าคงได้ดูกันเร็วๆนี้



    ช่วงของแถม

              Trivia

    • สาเหตุที่ผกก.เขียนบทให้ ศพตดได้ มีไอเดียมาจาก ความตาย และตด เป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แถมศพที่ตดได้มันยังทำให้คนดูรู้สึกตลกอีกด้วย
    • หนังเรื่อง Swiss Army Man ได้ไอเดียมาจาก Swiss Army Knife ซึ่งคือมีดสารพัดประโยชน์ ซี่งศพในเรื่องนี้ก็ทำได้ทุกอย่างเหมือนกัน
    • ประโยคเปิดหนัง และปิดหนัง เป็นประโยคเดียวกัน นั่นคือ "What the fuck !"



               Soundtrack



    จบ.









    ความรู้สึกหลังดูจบ (มีสปอยส์ ! แน่นอนครับ ดูหนังจบค่อยมาอ่านนะครับ)

              ยอมรับเลย ว่าเปิดหนังมา เราทั้งอึ้งและทึ่ง ไม่ใช่เพราะศพที่ตดได้นะ แต่เพราะองค์ประกอบภาพมันสวยเหลือเกิน สวยเกินความคาดหมายมาก

              และสารภาพอีกอย่าง หลังจาก 15 นาทีหลังจากหนังเล่น หลังจากที่เราผ่านศพที่ตดแทบจะตลอดเวลา และยังพูดไม่ได้ เรามีความคิดจะปิดหนังเรื่องนี้จริงๆ ไม่แปลกใจที่ได้ข่าวว่ารอบฉายที่เทศกาล Sundance มีนักวิจารณ์หลายคนลุกออกจากโรงไปเลย

              แต่ตั้งแต่ศพเริ่มพูดได้ ทุกอย่างแม่งโคตรดีเลย เราพอเข้าใจว่า แฮงค์ (ตัวเอกของเรื่อง) ที่ติดเกาะมาหลายวันแล้ว เพราะคงนั่งเรือหนีความจริง แต่เรือดันเจอพายุพัง ตัวเองมาติดเกาะ และความช่วยเหลือก็ไม่มีแววว่าจะมา เค้าคงเหงาและสิ้นหวังกว่าเดิม เลยคิดจะจบชีวิตตัวเอง แต่ศพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงสิ่งที่ตายไปแล้ว กลับช่วยชีวิตเค้าไว้ และตอนนี้สิ่งที่ตายไปแล้ว ยังสามารถพูดคุยกับเราได้อีก เรื่องราวระหว่างคนเป็นที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ และคนตายก็เริ่มขึ้น

              ในเกาะแห่งความสิ้นหวัง นอกจากคนเป็นต้องอาศัยความสามารถพิเศษของคนตาย เพื่อจะอยู่รอด คนเป็นยังต้องสอนอะไรต่างๆให้กับศพอีก เพราะศพกลายเป็นคนไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกเลย เราชอบมากที่ทุกครั้งเวลาแฮงค์(คน) บอกแมนนี่(ศพ) ว่าโลกมันเป็นอย่างนี้ คนเรามันเป็นอย่างนี้ แมนนี่จะถามกลับเสมอว่าทำไม และหลายคำตอบของคำถามนั้น มันทำร้ายแฮงค์ตลอดเลย

              ตรงนี้เราเห็นเป็นว่า นี่แหล่ะคือกระจกสะท้อนความจริงของคนเป็น ไอ้ความไม่รู้แบบบริสุทธิ์แบบนี้แหล่ะ มันตั้งคำถามต่อจิตใจของ คนที่คิดว่าตัวเองรู้เรื่องมามากมาย อย่างแฮงค์ได้ดีซะเหลือเกิน

              ระหว่างการเดินทาง เราประทับใจพาร์ทที่แฮงค์ต้องแต่งตัวเป็นซ่าราห์ เพื่อให้แมนนี่(ศพ)ระลึกความหลัง เผื่อว่าแมนนี่จะจำอะไรได้บ้าง (จะได้ช่วยชีวิตแฮงค์ออกจากเกาะได้ไวๆ) ฉากบนรถบัส หนังตัดต่อพาร์ทนั้นได้สวยงามจริงๆ เราหลุดไปในหนังเลย หลงมนต์สะกด ผกก.อยากให้กูรู้สึกยังไง ตอนนั้นรู้สึกไปหมดเลย

              คาดว่าทั้งคู่คงใช้ชีวิตด้วยกันอยู่หลายวัน ศพได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับวิถีปกติของมนุษย์ไว้หลายข้อ
    อย่างเช่น ทำไมเราถึงแสดงความรู้สึกจริงๆให้คนอื่นรู้ได้ ? ,ทำไมเราถึงพูดแบบนั้นไม่ได้ ,ทำไมเราถึงตดต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ล่ะ ในเมื่อคนเราก็ตดกันเป็นปกติอยู่แล้วนิ ? , ฯลฯ ทั้งคู่ได้แลกเปลี่ยนอะไรกันเยอะแยะ สิ่งที่ได้กลับมามันคือมิตรภาพ เคมีของทั้ง 2 แสดง นี่เข้ากันมากเลย เชื่อไปเลยว่าทั้งคู่คือเพื่อนกัน (เป็นอะไรที่เคยเห็นใน Mary is happy) 

              "จริงๆแล้ว ในชีวิตของคนเรา เราต้องการใครสักคนที่เข้าใจความประหลาดของตัวเรา" เราว่านี่คือ message หลักของหนังเรื่องนี้เลย แฮงค์คือใครคนนั้นของแมนนี่ และแมนนี่ก็คือใครคนนั้นของแฮงค์ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ประโยคนั้นมันอาจใช้ไม่ได้กับคนอื่นในสังคม

              ในฉากจบที่แฮงค์เดินไปปลุกแมนนี่ ที่เหมือนตายไปแล้วจริงๆ ให้ตื่นขึ้นมา ไม่ว่าเรื่องที่ผ่านมาจะดูแฟนตาซีหรือจริงแค่ไหน แต่สิ่งที่จริงแน่นอนนั่นคือ รีแอคชั่นของคนอื่นๆที่เฝ้ามองแฮงค์พยายามปลุกศพให้ตื่นขึ้นมา ที่ชายหาด คนพวกนั้นคงมองแฮงค์เป็นคนบ้า

              แต่ผมดีใจนะ ที่ในตอนจบ ทุกคนก็รู้ว่าแฮงค์ไม่ได้คิดไปเอง ถึงแม้สายตาที่มองแฮงค์เป็นคนประหลาดยังคงไม่เปลี่ยนไป 


     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Jirapong Taeye (@fb1015487208305)
อยากรู้ว่าประโยค "สุดท้าย" ที่แฮ้งค์ได้กระซิบกับแมนนี่ก่อนแมนนี่จะแล่นออกไปยังทะเลกว้างนั้น เขากระซิบอะไรครับ ?