เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
bemine x seriesบีไมนฟอร์อะไวล
Girl From Nowhere (TV Series 2018), B+

  • Girl From Nowhere เป็นซีรีส์ที่ผลิตโดย SOUR Bangkok ที่ร่วมกับ Jungka Bangkok และอยู่ภายใต้การควบคุมของ GMM Grammy โดยเขียนบทและควบคุมบทโดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี และผู้กำกับอีก 9 คน


    Girl From Nowhere ออนแอร์ให้ชมในช่อง GMM 25 ออกอากาศทุกวันพุธเวลา 22.25 – 23.25 เอพิโสดหนึ่งเริ่มออนแอร์วันที่ 8 สิงหาคม 2561 จนถึงเอพิโสดสุดท้ายที่ออนแอร์วันที่ 31 ตุลาคม 2561 และหลังจากนั้นก็มีสตรีมให้ชมใน Netflix พร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561

    เรื่องราวเล่าถึงแนนโน๊ะเด็กใหม่ที่แสนจะลึกลับ เธอเป็นดั่งลูกสาวซาตาน เป็นเวรกรรมที่มีลมหายใจ ทุกคนที่ตอบรับที่จะทำเรื่องไม่ดี จะได้เจอกับเรื่องร้ายๆ และในทุกๆครั้งเธอจะเป็นเด็กใหม่ในทุกโรงเรียนเสมอ


    ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้นอกจากจะมีตัวละครแนนโน๊ะที่ค่อนข้างจะลึกลับแล้ว เบื้องหลังของทีมงานที่ร่วมกันทำโปรเจคนี้ส่วนมากมาจากวงการโฆษณาไทย ที่มีโจทย์เนื้อหาหลักๆก็คือต้องการสื่อสารกับคนทั้งโลกด้วยเนื้อหาที่เข้าถึงได้ทุกคน ซึ่งเนื้อหาหลักๆของโจทย์นี้คือ 'ผู้หญิง' และลงเอยกับตัวละครหญิงที่จะเชื่อมซีรีส์ทั้ง 13 เอพิโสดไว้ด้วยกัน โดยการที่เธอจะย้ายโรงเรียนไปเป็นเด็กใหม่ทุกเอพิโสด ซึ่งเด็กผู้หญิงคนนี้จะดึงด้านมืดของทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอออกมา และถ้าคนนั้นเผยด้านมืดออกมาจริงๆ ก็จะได้รับบทลงโทษบางอย่าง

    ลิ้งค์ดูออนไลน์ใน Netflix - Girl From Nowhere

  • ความเห็นหลังชม

    ด้วยที่ซีรีส์เรื่องนี้มีการกำกับโดยผู้กำกับหลายคน แต่ละเอพิโสดจึงมีความสนุกที่แตกต่างกันไป ท็อปสามเอพิโสดที่ชอบมากที่สุดคงจะเป็น Episode4: Hi-So, Episode2: Apologies, Episode8: Lost & Found เหตุผลที่ชอบเอพิโสด Hi-So มากที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของการที่เราสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในเอพิโสดนี้ โดยเฉพาะการที่คนๆหนึ่งต้องกลายเป็นอีกคนหนึ่งเพื่อเพียงต้องการการยอมรับจากคนอื่นที่แทบจะไม่มีผลอะไรต่อชีวิตเราเลย แถมยังละเลยความรู้สึกของคนใกล้ตัวที่เป็นห่วงเรามากที่สุด รู้สึกว่าเอพิโสดนี้มันทัชเราได้มากที่สุด แนนโน๊ะไม่ได้ร้ายมาก แค่หยิบยื่นโอกาสการทำสิ่งไม่ดีให้เท่านั้นเอง

    จะว่าซีรีส์เรื่องนี้แผ่วปลายก็คงจะไม่แปลก เพราะการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่และความแรงไม่แคร์ใครของตัวละครแนนโน๊ะนั้นเรียกกระแสเรตติ้งในช่วงแรกๆได้ดีมาก อาจด้วยเพราะที่เป็นเรื่องราวที่เสียดสีและตีแผ่สังคมปัจจุปันที่ส่วนมากจะมีเหยื่อเป็นผู้หญิงจึงทำให้กระแสดีมากในช่วงแรง  แต่พอถึงเอพิโสดหลังๆก็สัมผัสได้ถึงความออกทะเลนิดๆของซีรีส์เรื่องนี้ ทั้งไม่สนุกและไม่ค่อยน่าติดตามเหมือนช่วงแรกเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่ไปเลยซะทีเดียว

    ต่อไปจะพูดถึงแต่ละเอพิโสดละกันว่าเป็นยังไงกันบ้าง


    Episode1: The Ugly Truth, B+

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน เธอเสนอตัวเองให้เป็นแบบถ่ายวีดีโอเกี่ยวกับโยคะให้ครูวิน ที่ดูเหมือนเป็นคนดีและรักครอบครัว แต่ลึกๆแล้วเขาก็มีด้านเลวในจิตใจ


    "ครูวินแน่ใจแล้ว... ใช่มั้ยคะ" เป็นประโยคที่แนนโน๊ะให้โอกาสตัวละครอย่างครูวิน แต่อีครูวินก็ยังยึดมั่นใจความต้องการของตัวเอง โดยก็ไม่รู้เลยว่าแนนโน๊ะนั้นมีแผนการอะไรบางอย่างในใจ

    การที่ครูผู้ชายล่อลวงเด็กผู้หญิงในโรงเรียนไปมีเซ็กส์โดยมีการถ่ายคลิปไว้เพื่อให้เด็กคนนั้นไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เรื่องราวแบบนี้ก็คงจะมีในชีวิตจริงๆ แต่ด้วยที่ไม่เคยเจอกับตัวเองเลยไม่ค่อนมั่นใจกับประเด็นนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งการที่นำเสนอประเด็นนี้อาจจะเป็นการกระตุ้นใหุ้กคนๆตระหนักถึงความรู้สึกของเด็กผู้หญิงที่ถูกขืนใจว่าพวกเธอเหล่านั้นรู้สึกยังไงก็ได้ แต่การเล่าประเด็นนี้มันรู้สึกยังไม่ค่อยหนักแน่นสักเท่าไหร่



    Episode2: Apologies, A-

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน เธอเป็นที่ต้องตาต้องใจของแก๊งสามแต้ม สามหนุ่มนักบาสของโรงเรียน ทั้งสามหนุ่มเลยเข้าทางไอติมและแต้วเพื่อนที่นั่งเรียนข้างๆแนนโน๊ะ โดยให้ทั้งคู่ชวนแนนโน๊ะมาปาร์ตี้ที่บ้าน เพื่อจะจัดการข่มขืน แผนการเป็นไปอย่างที่วางไว้ แต่ก็ดันมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด


    "เราทำผิด เราขอโทษ แล้วเราก็ทำผิดอีก บางทีคำขอโทษคงมีไว้เพื่อทำผิดครั้งต่อไป" เป็นประโยคที่โคตรจริง และในเอพิโสดนี้ก็ได้ย้ำเตือนและตอกย้ำประโยคข้างต้นให้ชัดเจนและเห็นภาพมากขึ้นอีกด้วย

    มันก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว ที่พอเรารู้สึกผิดกับอะไรบางอย่าง แล้วเราก็ขอโทษเพื่อให้เรารู้สึกผิดต่อการกระทำนั้นน้อยลง แต่ถ้าเรามีเหตุการณ์ที่เราเคยทำผิดไปแล้วหวนกลับมาอีกครั้ง เราก็คงจะทำผิดแบบนั้นซ้ำๆอีก ดั่งเช่นตัวละครทั้งห้าของเอพิโสดนี้ที่โดนแนนโน๊ะสั่งสอนอย่างรู้จำไปตลอดชีวิต

    แถมในเอพิโสดนี้มีซีนที่แนนโน๊ะเต้นหน้าเสาธง ซึ่งถูกเป็นที่พูดถึงอย่างล้นหลามในโลกโซเชียลในช่วงเวลานั้น พอมาฟังเหตุผลของเบื้องหลังซีนนั้นก็สัมผัสได้ว่า ซีรีส์เรื่องนี้ต้องเป็นซีรีส์ที่โคตรพพีคในตอนต่อๆไปอีกแน่ๆเลย



    Episode3: Trophy, B+

    นนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน เธอได้เป็นหนึ่งในนักเรียนอัจฉริยะที่โรงเรียนภูมิใจนักหนา มิวเด็กสาวที่ไม่เก่ง และอิจฉาเพื่อนๆที่ได้เป็นนักเรียนอัจฉริยะ แนนโน๊ะจึงแนะนำมิวบางอย่างเกี่ยวกับการเป็น อัจฉริยะทางลัด มิวทำตามโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย


    จับได้สองประเด็นหลักจากเอพิโสดนี้ นั่นคือการให้ค่าของคนจากรางวัลที่เขาได้รับ และการคัดลอกผลงานของคนอื่นแล้วแอบอ้างว่าเป้นผลงานของตัวเอง ซึ่งสองประเด็นนี้มันสะท้อนสังคมอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยล่ะ

    การให้ค่าของคนจากรางวัลที่เขาได้รับในที่นี่ ในเอพิโสดนี้มันผิดตรงที่ทั้งคุณครูและเพื่อนนักเรียนและคนอื่นๆตัดสินกันเองว่า นักเรียนที่ได้รับรางวัลคือนักเรียนดี นักเรียนเก่ง นักเรียนอัจฉริยะ นักเรียนที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนได้ เด็กเหล่านี้จะได้คำยกย่องรวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆอีกด้วย จะว่าไปมันก็มีทั้งแง่บวกและแง่ลบ พูดถึงแง่บวกนั่นคือเป็นแรงกระตุ้นให้นักเรียนคนอื่นๆค้นหาตัวเองให้เจอว่าตัวเองเก่งทางด้านไหน แต่ในแง่ลบคือมันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่แท้จริงว่าเด็กนักเรียนอัจฉริยะเหล่านั้นเก่งจริงๆหรือเพียงเก่งหลอกตากันแน่ พูดถึงเรื่องสะท้อนสังคมเอาง่ายเลยก็คือ โรงเรียนมักจะปริ้นรูปนักเรียนที่เรียนดีมีเกรดเฉลี่ยสูงๆขนาดใหญ่ๆติดไว้ที่หน้าโรงเรียน เพื่อให้ข่มโรงเรียนอื่นและให้ผู้ปกครองรู้ว่าเด็กโรงเรียนนี้เก่งนะ ซึ่งมันไม่ใช่ตัวชี้วัดจริงๆเลยด้วยซ้ำไป

    การคัดลอกผลงานของคนอื่นแล้วแอบอ้างว่าเป็นผลงานของตัวเอง ซึ่งว่าง่ายๆก็คือ ก๊อปงานคนอื่น พอโดยจับได้ก็หาว่าเอาแค่แรงบันดาลใจจากผลงานเขามา เป็นสิ่งที่เห็นตามโลกยุคปัจจุบันทั่วไปเลย (เอาจริงๆอาจรวมถึงโปสเตอร์ซีรีส์เรื่องนี้ด้วย ที่แอบเหมือนกับโปสเตอร์หนังเรื่อง Jackie (2016) เหลือเกิน)



    Episode4: Hi-So, A+

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน เธอได้ทำธุรกิจหนึ่งที่สามารถเนรมิตและปลอมแปลงเรื่องราวต่างๆได้ ไดโนเด็กหนุ่มที่ใครๆก็ต่างเห็นว่าเขานั้นเพอร์เฟคได้กุมความลับสักอย่างไว้ และได้มาขอร้องให้แนนโน๊ะช่วยเขา


    ในเอพิโสดนี้มันคือเรื่องราวของไดโนเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องการยอมรับจากเพื่อนๆ จึงยอมโกหกเรื่องฐานะทางบ้านเพื่อจะได้คบกับเพื่อนที่มีฐานะร่ำรวย เรื่องราวมันเริ่มพีคตรงที่แนนโน๊ะต้องการเงินสองแสนจากไดโนในการช่วยเนรมิตบ้านสุดหรูในเขา แล้วไดโดนก็ไปขโมยเงินจากพ่อตัวเองมาให้ เท่านั้นไม่พอ ในบ้านใหญ่หลังนั้นมีพ่อและแม่ที่มารับจ้างเป็นพ่อบ้านแม่บ้านอีก 
    .
    ในโลกนี้คงจะมีน้อยมากๆสำหรับพ่อแม่ที่รักลูก ปกป้องลูก ยอมเจ็บตัวเพื่อลูกได้มากขนาดนี้ การกระทำทุกอย่างของพ่อแม่ไดโนมันย้ำเตือนและสะกิดอะไรบางอย่างในตัวเราเอง ที่ทำให้นึกถึงความรักของพ่อแม่ที่มีให้อย่างไม่สิ้นสุด และจึงไม่แปลกเลยที่ประโยค "ค่ายธรรมะเป็นไงบ้างล่ะลูก" ในตอนท้ายเรื่องจะทำให้เราต้องเสียน้ำตาให้กับมัน
    .
    ต้องยกความดีความชอบให้กับคนที่รับบทพ่อและแม่ของไดโน ที่แสดงได้สุดจริง ทำให้สัมผัสได้ถึงความรักลูกอย่างไม่มีเงื่อนไขใดใดทั้งสิ้น



    Episode5: Social Love, B

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน เธอถูกเด็กเกือบทั้งโรงเรียนจับจิ้นกับฮั่นหนุ่มป๊อปของโรงเรียน ซึ่งฮั่นก็เล่นด้วย ทั้งๆที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ไม่นานจากคู่จิ้นก็กลายเป็นแฟนกันจริงๆ จนทำให้ยุ้ยแฟนฮั่นตัวจริงไม่พอใจ


    บอกตามตรงว่าในเอพิโสดนี้ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอินหรือชอบมากมายเป็นพิเศษเลย แต่ยังไงมันก็ยังสะท้อนถึงการที่เหมือนจะทำลายคนๆหนึ่งในทางอ้อมโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ ในโลกความเป็นจริงก็มีเยอะเหมือนกันกับการที่แฟนคลับไปจิ้นดาราหรือคนดัง บางทีอาจรวมไปถึงการตลาดของโปรดั๊กส์สินค้าอีกด้วย 

    ในเอพิโสดนี้ ไม่เพียงแค่นักเรียนเท่านั้นที่จิ้นแนนโน๊ะและฮั่น (จนกลายเป็นฮั่นโน๊ะ) เพราะครูของโรงเรียนยังมารวมผสมโรงจิ้นฮั่นโน๊ะไปอีกด้วย ซึ่งดูเหมือนฮั่นจะพอใจกับกระแสที่ได้รับ ถึงแม้ยุ้ยแฟนสาวตัวจริงของตัวเองจะไม่พอใจก็ตาม มองในมุมของฮั่นการที่เซอร์วิสนักเรียนรวมถึงครูในโรงเรียนนั้นเป็นหนึ่งในการสร้างกระแสให้ตัวเองมียอดไลค์ยอดติดตาม และมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับโลกความเป็นจริงที่ต้องการเรียกต้องความสนใจจากคนหมู่มากเลย แต่ถ้าหากมองในมุมของนักเรียนด้วยแล้ว ที่เห็นได้ชัดเลยคือพวกเขามักจะใส่หน้ากากฮั่นโน๊ะ ตรงนี้อาจจะเอยถึงในเรื่องของการที่พวกเขาสนับสนุนคู่จิ้นนั้นโดยใช้รูปของทั้งคู่มาเป็นรูปโพรไพล์ของตัวเองในโลกโซเชียลจริงๆ



    Episode6-7: Wonderwall Part 1-2, B

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน เธอได้มาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลของโรงเรียน ซึ่มมีแบมสาวน้อยที่ชอบโอ้ที่เป็นนักฟุตบอลอยู่แล้ว เมื่อแนนโน๊ะได้เข้ามา ความสนใจของนักฟุตบอลชายก็ได้ให้กับแนนโน๊ะไปซะหมด ง่ายๆก็คือแบมตกกระป๋อง เธอจึงหาทางระบายสิ่งๆนั้น


    เอพิโสดนี้ดูแฟนตาซีกว่าเอพิโสดไหนๆเลย ทั้งเรื่องเหนือธรรมชาติ ทั้งเรื่องเวทมนตร์ อีกอย่างสะท้อนสังคมในเรื่องการเป็นนักเลงคีย์บอร์ดได้ค่อนข้างไปในทางที่ดี ผนังห้องน้ำที่ถูกเขียนระบายนั้นเปรียบเทียบได้กับฟีดในโลกโซเชียล และคนที่เขียนระบายลงไปบนผนังนั้นก็คือคนที่ชอบโพสต์ด่าหรือทวีตด่าคนอื่นโดยไม่มีการไตร่ตรองดีๆเสียก่อน ซึ่งบางทีการที่เราทำแบบนั้นมันอาจดันไปทำร้ายคนๆนั้นเข้าจริงๆ และเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว ยังไงก็มันก็ย้อนกลับคืนไม่ได้ ตรงนี้ถือว่านำเสนอได้ดี

    แต่ตัวซีรีส์เองยังบิ้วยังไม่สุด แถมยังสื่อความหมายไม่ค่อยชัด มันเลยทำให้ภาพรวมของซีรีส์ไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่ แถมยังยืดเยื้อเป็นสองเอพิโสดอีกต่างหาก ซึ่งเมื่อดูจบแล้วมันก็สามารถยัดเข้ามาเป็นเพียงเอพิโสดเดียวก็ได้นะ



    Episode8: Lost & Found, A-

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน ที่นั่นเธอได้เจอกับทีเคที่ย้ายมาจากอีกโรงเรียนเช่นกัน ทีเคถูกย้ายมาเพราะมีคดีขโมยของ แนนโน๊ะจึงตีสนิทกับทีเคโดยใช้ประเด็นนี้เข้าหา


    เอพิโสดนี้น่ารักมากกกกกกกกกกก ในเอพิโสดอื่นๆเห็นแต่แนนโน๊ะในคราบนักเรียนลูกครึ่งซาตานแบบโหดๆ แต่เอพิโสดนีแนนโน๊ะใกล้เคียงกับคนธรรมดามากๆ อีกทั้งเหมือนกับดั่งกำลังปลูกต้นรักกับทีเคอยู่เลย ความชอบล้วนๆของเอพิโสดนี้คือความโรแมนซ์นี่แหละ 

    เอพิโสดนี้หลุดธีมจากทั้งซีรีส์ที่สุด หลักๆเลยคือไม่มีเสียงหัวเราะสไตล์แนนโน๊ะ เรื่องราวไม่ดาร์ก เหยื่อไม่ได้ถูกลงโทษ แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวความรักที่ถูกเติมเต็มให้กันและกัน แถมแนนโน๊ะมีความเป็นมนุษย์มากขึ้นกว่าเอพิโสดไหนๆ ยังไงก็ตามเอาจริงๆควรแยกออกมาทำหนังรักหรือซีรีส์โรแมนซ์อีกเรื่องไปเลยก็ได้ 

    จะว่าไปในเอพิโสดนี้แนนโน๊ะไม่ได้ร้ายเท่ากับเอพิโสดอื่นเลย อาจเป็นเพราะแรงจูงใจของทีเคไม่ได้รุนแรงเหมือนกับคนอื่นๆที่ผ่านมา เมื่อลองคิดพิจารณาดูแล้ว สิ่งที่ทีเคโหยหาต้องการก็มีแค่ความรักและความจริงใจจากใครสักคนเท่านั้นเอง ซึ่งผู้เป็นพ่อนั้นก็ให้ไม่ได้



    Episode9: Trap, B

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียนใหม่ได้วันเดียว ก็มีนักโทษแหกคุกเข้ามาทำร้ายเด็กนักเรียนถึงในโรงเรียน ครูและนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่กำลังผิดใจกันรวมถึงแนนโน๊ะพากันหลบอยู่ในห้องเรียน และเฝ้ารอดูสถานการณ์


    เหมือนกับว่าเอพิโสดนี้มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงจากข่าว "จิตรลดามือแทงนักเรียนปี 48" ที่เธอถือมีดมาแทงนักเรียนโรงเรียนคอนแวนต์ และซีรีส์ก็เหมือนกับสร้างเรื่องราวให้เป็นไปอย่างข่าวนั้นจริงๆ

    บทบาทของแนนโน๊ะในเอพิโสดนี้จะว่าร้ายก็ไม่ร้าย เพราะเธอเพียงแค่เสี้ยมให้ทุกคนในห้องเรียนนั้นยิ่งผิดใจและทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่โตเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะว่าร้ายก็ร้าย เพราะการพูดเสี้ยมให้คนตีกันนี่ก็เป็นการหยิบยื่นแอปเปิ้ลจากสวนเอเดนให้แล้วล่ะ

    บทสรุปของเอพิโสดนี้ก็คงจะเป็นการเสียดสีสังคมที่คนๆหนึ่งตาย อาจจะมีส่วนจากการเห็นแก่ตัวเองเราเอง ซึ่งมนุษย์ทุกคนนี่แหละมีความเห็นแก่ตัว ไม่จำกัดเพศไม่จำกัดอายุ



    Episode10: Thank You Teacher, B

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน ที่นั่นมีคุณครูอั้มที่มีการสอนแตกต่างจากครูคนอื่น จึงทำให้เด็กนักเรียนไม่ค่อยชอบใจ แถมเธอเพิ่งถูกสามีทิ้งไปอีก และการได้เป็นรองผอ.คนใหม่คงจะเป็นการเยียวยาเธอได้ดีเชียว


    ครูอั้มคือมนุษย์ที่เสพติดความสมบูรณ์แบบมากเกินไป คิดว่าตัวเองดีที่สุด อะไรที่ตัวเองคิดว่าไม่ดีและตัวเองได้รับผลกระทบในทางลบกับมันก็ต้องการจะเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปมันให้เข้ากับการใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ครูอั้มเพียงแค่เป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงานได้ การที่เธออยากจะปฏิรูปการศึกษา นั่นก็มาจากการที่สามีไปมีเมียน้อยเป็นนักศึกษา ครูอั้มเลยคิดว่าถ้าการศึกษามันดี นักศึกษาคงไม่แย่งสามีเธอไป ง่ายๆเลยคือโทษแต่คนอื่น ไม่คิดที่จะมองกลับมาพิจารณาการกระทำของตัวเอง

    ประเด็นหลักของเอพิโสดนี้ก็คงจะไม่พ้น "การที่มนุษย์อยากปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ก็เพราะเพียงแค่สิ่งๆนั้นมันไม่ได้ตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น"

    ยังไงก็ตามก็ยังมีประเด็นเรื่องการยิงกราดในโรงเรียน ซึ่งน่าจะอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในอเมริกา ถึงแม้ว่ามือปีนจะไม่ใช่ครูในโรงเรียนก็ตาม แต่ก็นำเสนอเหตุการณ์ได้อย่างน่ากลัวมากๆ ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกเลย



    Episode11: The Rank, B

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน ที่โรงเรียนนี้มีการจัดอันดับความสวย ใครติดหนึ่งในสิบจะได้รับสิทธิพิเศษ หญิงคือเด็กสาวที่มีความสวยเป็นอันดับสิบ ซึ่งเธออยากจะสวยเป็นอันดับหนึ่งมาตลอด


    พล็อตเรื่องในเอพิโสดนี้โอเคเลยนะ แต่การเล่าเรื่องนำเสนอไม่ค่อยดี ออกจะรำคาญตัวละครหญิงไปด้วย น่าเสียดายที่น่าจะทำออกมาได้น่าสนใจและเสียดสีได้ถึงพริกถึงขิงมากกว่านี้

    เหนือฟ้ายังมีฟ้า นี่คงจะเป็นบทสรุปจากเอพิโสดนี้ ไม่มีใครสวยที่สุด สวยที่สุดก็ยังมีสวยที่สุดที่สวยกว่าสวยที่สุดยิ่งๆขึ้นไปอีก



    Episode12-13: BFF, B+

    แนนโน๊ะเด็กใหม่ที่ย้ายเข้าโรงเรียน เธอเป็นหนึ่งในนักเรียนของห้องม.6/1 ก่อนจะจากกันไปทุกคนเอาสิ่งของของตัวเองใส่ในกล่องแล้วฝังดินไว้ และ 12 ปีต่อมาในงานเลี้ยงรุ่น กล่องใบนั้นก็ถูกเปิดพร้อมความลับอะไรบางอย่าง


    เป็นอีกเอพิโสดนึงที่เฉยๆแต่ก็ค่อนข้างไปทางชอบอยู่ไม่น้อย ด้วยเพราะพล็อตเรื่องที่น่าสนใจและเหตุการณ์ที่ค่อนข้างไปในทิศทางที่กลับสู่ความโหดร้ายของแนนโน๊ะที่มีในเอพิโสดแรกๆได้กลับมา

    เอาจริงๆแล้วคงจะโหดเลือดสาดอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่มีแสงสีแดงเข้ามาในฉากจนเยอะเกินไป แต่ก็พอจะเข้าใจว่าไม่อยากให้ซีรีส์ไปถึงเรท R เพราะถ้าไปถึงเรทนั้นแล้วคงจะยากสักหน่อยที่ได้ออนแอร์อย่างเสรี ซึ่งการทำเช่นนั้นก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย จะบอกว่าเอพิโสดนี้เอาแสงสีแดงมาใช้เพื่อเป็นซิมโบลิกของความรุนแรงมันก็ถูก แถมยังออกมาอาร์ตๆอีกด้วย แต่มันก็เหมือนกับเป็นความรุนแรงที่ไม่ถึงจุดพีคที่สุด เพราะแสงสีแดงมันทำให้เราไม่เห็นเลือดที่เป็นสีแดงอย่างชัดๆ ซีนที่ดูดเลือดจากศพถ้าได้เห็นในแสงสีปกติ คงจะพีคอยู่ไม่น้อยเลย



  • Girl From Nowhere (TV Series 2018), B+



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in