ถ้าเหตุการณ์ที่จบลงวันนั้นที่สนามบินไม่ได้มีการโบกมือลากันแล้วบอกว่า“โชคดีนะ” ตอนนี้เธอจะมีความสุขหรือทุกข์ระทม ฉันเพียรถามคำถามนี้กับตัวเองหลังจากตัดสินใจยุติบทบาทเพื่อนไม่จริง ที่มีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่ทึกทักและโลดเล่นกับบทบาทนี้อยู่คนเดียว
“สุขสันต์วันเกิดนะแจน”
“ขอบใจมากนะกลอย อยู่ที่นู่นหนาวไหมคิดถึงจะแย่” เพื่อนวัยเด็กของฉันตอบกลับมาภายในไม่กี่นาทีที่ได้รับข้อความ
“เราต้องไปทำงานแล้วอย่าหักโหมการเรียนมากไปนัก ใจดีกับตัวเองทุกเรื่องแค่แจนเป็นแจนน่ะก็เก่งที่สุดแล้ว แล้วเจอกันนะ คิดถึงเช่นกันจ้ะ”
ฉันไม่ได้ออกไปทำงานอย่างที่กล่าวลาอีกคนกี่ปีแล้วไม่รู้ที่ฉันต้องรอคอยให้ถึงวันเกิดอีกคนถึงจะมีข้ออ้างในการคุยกัน
เราทั้งคู่เติบโตเคียงข้างกันและกันตั้งแต่จำความได้
แจนเป็นคนขยันและมีหมุดหมายชัดเจนในชีวิตเสมอ
“โตขึ้นกลอยอยากเป็นอะไร” แจนวันที่เริ่มใส่แว่นกรอบสีแดงรวบผมหางม้า และสวมกระโปรงลายดอกเดซี่ ถามฉันในวันที่พวกเราเพิ่งจะอายุ7ขวบ
“เป็นกลอยที่สูงกว่าแจนสักทีล่ะมั้ง”
“ไม่ใช่อย่างงั้นซี่กลอยจะตัวเล็กกว่าแจนก็ไม่เป็นไรนะ แจนจะปกป้องกลอยเอง”
“ถ้ากลอยสอบไม่ติดgifted เราก็จะได้เรียนคนละโรงเรียนใช่ไหมแจน”ฉันถามปนกังวล น้ำตาเริ่มปริ่มออกจากดวงตา จนแจนต้องเอื้อมมือมาตบบ่า
“ติดอยู่แล้วซี่ เราติวกันทุกวันนี่นากลอยไม่ต้องกลัวนะ เราจะได้เรียนโรงเรียนเดียวกันแน่ๆถ้าติดคนละห้องแจนจะถือกล่องข้าวไปทานข้าวด้วยทุกเที่ยงเลย”
แจนเป็นคนเก่งเสมอทั้งเรื่องเรียนและเข้าอกเข้าใจคนไม่ชอบเรียนหนังสืออย่างฉัน ฉันในวัยที่จบประถมศึกษาปีที่6ไม่มีความมั่นใจอะไรทั้งนั้น ไม่แน่ใจด้วยว่า หากแจนเป็นฝ่ายที่กังวลหรือร้องไห้ฉันจะทำให้เขารู้สึกสงบและปลอดภัยอย่างที่เขาทำได้หรือเปล่า
“กลอยไปทานข้าวก่อนเลยนะ เดี๋ยวแจนไปซ้อมกับครูก่อน”เมื่อถึงคาบพักเที่ยง แจนกระวีกระวาดเก็บกระเป๋าและเตรียมวิ่งออกจากห้องต่างจากที่ฉันอ้อยอิ่งและมึนๆจากการเพิ่งตื่นจากคาบคณิตศาสตร์
“เดี๋ยวเราไปรอเป็นแจนซ้อมดีกว่าโรงอาหารตอนนี้คนเยอะอะ”
ฉันเริ่มบิดเบือนความจริงเก่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจเวลามีรุ่นพี่รุ่นน้องหรือแม้กระทั่งเพื่อนเดียวกันมาวุ่นวายกับเพื่อนสนิทตัวเอง
เราทั้งคู่ยังคงเรียนห้องด้วยกันมาอย่างยาวนาน ฉันเองที่จับพลัดจับผลูสอบติดตามแจนได้เรื่อยมาไม่มีความสนใจอื่นเป็นพิเศษ ไม่มีความฝัน หรืองานอดิเรกที่ถนัด ถ้าหมุดหมายเดียวของแจนคือการอยากเป็นทันตแพทย์ฉันเองก็คงมีหมุดหมายเดียวคือพยายามเคียงข้างแจนไปเรื่อยๆ
“กลอย ทางนี้”แจนโบกมือเรียกฉันที่เพิ่งเดินเข้าร้านกาแฟชื่อดังอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไมหน้างอเนี่ย นอนดึกใช่ไหมแจนบอกแล้วไงถ้าวางสายแล้วต้องนอนเลย” แจนยังคงยิ้มน่ารักแป้นแล้นพูดกับฉันอย่างร่าเริงแบบที่เป็นเสมอมา
“เริ่มเรียนเลยไหมอะ แจนกับพี่ว่านมานานยัง แล้วแจนออกมาตอนไหนไม่บอกเราเลย”
“อ้อ พอดีพี่อยากซื้อของขวัญให้น้องสาวแล้วไม่รู้จะซื้ออะไรดีเลยชวนแจนมาช่วยเลือก กลอยอย่าไปว่าแจนเลย” พี่ว่านติวเตอร์ที่พวกเราเรียนพิเศษด้วยเอ่ยตอบแทนเพื่อนสนิทของฉัน
วันนั้นเป็นคนที่ฉันเรียนไม่รู้เรื่องเลยและความอดทนก็สิ้นสุดลงตรงที่แจนบอกว่าให้กลับไปก่อนเพราะจะไปเลือกของขวัญกันต่อ
“ถ้าแจนไม่อยากให้กลอยอยู่ด้วยขนาดนั้นพลอยก็ทำให้แจนได้นะ” ฉันรู้ตัวดีว่าพูดแรงเกินไปหน่อย และก็รู้ดีเช่นกันถ้าแจนจะไม่เข้าใจความงี่เง่าของฉันในวันนี้
จากวันนั้นมาเป็นเวลาร่วมหลายสัปดาห์ฉันและแจนไม่พูดจากันฉันเลิกไปเรียนพิเศษกับพี่ว่านอะไรนั่น ไม่ได้ไปนั่งรอแจนซ้อมตอนพักเที่ยงเปลี่ยนไปอยู่คหกรรมแทนชมรมดาราศาสตร์ในเทอมถัดมา เราห่างเหินกันเรื่อยๆในชั้นปีสุดท้ายของม.ปลายจนฉันไม่กล้าพูดว่าพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน
และในวันที่รับใบประกาศณียบัตรจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ท่ามกลางบรรยากาศแสดงความยินดีหยิบยื่นแลกเปลี่ยนของขวัญ ตุ๊กตา หรือแม้กระทั่งดอกไม้ เป็นแจนเองที่เดินมาหาฉัน
“กลอย แจนขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”ฉันไม่ได้ตอบอะไรพร้อมกับถือวิสาสะจูงมือแจนเดินออกมาจากฝูงชนเงียบๆ
“แจนเพิ่งรู้จากคุณแม่ว่ากลอยจะไม่เรียนต่อที่ไทยแจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ แต่พวกเราไม่เป็นแบบนี้กันได้ไหม ไม่มีกลอยแล้วแจนไม่ชอบเลยถ้ากลอยอยู่ไกลจากแจนมากกว่านี้ แล้วกลอยจะลืมแจนหรือเปล่าไหนบอกว่าจะเป็นหมอฟันเท่ๆด้วยกันไง”แจนที่เริ่มร้องไห้เป็นภาพที่ไม่ชินตาของฉันเลย
“กลอยก็ไม่ชอบเลยตอนที่ไม่มีแจน แต่กลอยจะไม่ลืมแจนหรอกนะขอโทษด้วยที่เป็นหมอฟันเท่ๆด้วยกันไม่ได้แล้ว” ฉันไม่ได้อธิบายอะไรนอกจากนั้น เรานั่งร้องไห้กอดกันเงียบๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in