“เป็นไปได้ว่ะ วันนี้ไอ้โจแม่งมาร้านเร็ว”
หลังจากเหตุการณ์ที่เป็นเหมือนกับฝันร้ายเมื่อ 7-8
เมื่อโจผ่านจากช่วงวัยเลข 1
ดูเหมือนทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทางไปซะหมด…
หรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงดีนะ แต่ความจริงน่ะไม่ใช่หรอก
หนทางชีวิตไม่ได้ง่ายดายและลงล็อกขนาดนั้น...
ถึงแม้โจเองจะเริ่มมีชีวิตการทำงานที่ดีขึ้นหาเงินได้มากขึ้น แต่ในทางกลับกันผู้เป็นลุงของเขากลับยิ่งแย่ลงทุกวัน ๆ เรื่องเกิดขึ้นจาก 'การหวังรวยทางลัด' ของคริสโตเฟอร์ เพราะเขาใช้เงินเก็บก้อนสุดท้ายไปกับบ่อนใต้ดิน ซึ่งแทบไม่ต้องเดาเลย เขาเสียอย่างไม่ต้องสงสัย…
การพนันก็เหมือนกับยาเสพติดนั่นแหละ เล่นแล้วมันเลิกยาก…
ใช่ หลังจากเสียเงินครั้งนั้นไปคริสโตเฟอร์ก็ยังคงเล่นพนันอีกเรื่อย ๆ จนสุดท้าย…ไม่พ้นที่จะไปกู้หนี้ยืมสินจากผู้มีอิทธิพลของเกาะซาคินทอสมา หนี้ก้อนโตที่ลุงของเขาสร้างไว้คือสาเหตุที่ทำให้ทุกวันนี้โจต้องวิ่งทำงานตัวเป็นเกลียวอยู่แบบนี้ ต้องทยอยหาเงินส่งให้บ่อนทุกเดือน ไม่เช่นนั้นแล้วลุงของเขาต้องถูกเจ้าของบ่อนสั่งเก็บอย่างแน่นอน หนำซ้ำคริสโตเฟอร์ยังกลายเป็นชายแก่ขี้เมาไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์แบบ เขานอนได้ทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ข้างถังขยะขอเพียงแค่ในอ้อมกอดมีขวดเหล้าอยู่เป็นพอ ข้าวปลาไม่ต้องดีมากก็ได้แต่เหล้าต้องห้ามขาด วัน ๆ ไม่ทำอะไรนอกจากถือขวดเหล้าเดินไปมา
อ๋อ จริงสิ ถ้าดีหน่อยก็มีออกไปตกปลาบ้างน่ะนะ…
แต่ก็นับว่าโชคชะตายังไม่ใจร้ายกับหนุ่มโจจนเกินไปเพราะในคืนวันงานเทศกาลของเกาะซาคินทอส เขาได้พบกับ ‘เซลีน’
‘คุณเซลีนครับข้าว่ามันเยอะไปนะ มันเกินกว่าที่ข้าทำเสียอีก’
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากได้เงินเยอะ แต่เขาแค่ไม่อยากเอาเปรียบใคร
ซึ่งคำตอบที่เขาได้กลับมาก็มีเพียงว่า ‘ไม่หรอกเจ้าสมควรได้รับมันแล้ว’
ซึ่งนับจากวันนั้นก็เป็นเวลาเกือบ 2ปีเห็นจะได้ที่เขาทำงานเป็นนักดนตรีประจำของที่ร้านแห่งนี้
‘Salina’
ร้านเซลินาได้รับความนิยมสูงมากในช่วงปีที่ผ่านมานี้ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือจากคนบนเกาะซาคินทอสเองก็คงเป็นเพราะร้านเซลินาไม่ได้มีดีแค่อาหาร เครื่องดื่ม หรือการบริการล่ะมั้งแต่ร้านนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องเจ้าของสวยพนักงานหล่ออีกด้วย เริ่มจากเจ้าของร้านอย่างเซลีน หญิงสาวผู้มีหน้าตาสะสวย ผมสีน้ำตาลยาวดัดลอน หุ่นสวยน่ามองตามฉบับคนชอบออกกำลังกายที่มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แวะเวียนเข้ามาจีบอยู่ไม่ขาดสาย แต่รายนี้น่ะเขาสนใจใครที่ไหนกัน ถึงจะรวยล้นฟ้ามาจากไหน เจ๊ก็ตอบกลับหน้าหงายไปทุกราย
“เซลีนครับ ข้าอยากจะขอทำความรู้จักกับท่านให้มา--”
“ต้องขอโทษด้วย แต่รบกวนรู้จักข้าเท่าที่ข้าอยากให้ท่านรู้จักเถอะ”
ส่วนทางด้านสองบาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าตาดีต่างสไตล์อย่างนิคโคลัสและมาริสที่คนนึงก็มีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อคม อบอุ่นและใจดี ส่วนอีกคนก็เป็นหนุ่มน้อยร่างเล็ก หน้าตาน่ารัก เฟรนลี่และปากหวาน ไม่แปลกเลยที่จะมีสาว ๆ (จำนวนมาก) มาติดอยู่เป็นประจำ
“พวกท่านเมากันมากแล้วกลับก่อนดีไหมครับ? ข้าเกรงว่าพวกท่านจะกลับกันลำบาก”
“โอยยไม่เป็นไรหรอกพวกพี่น่ะเอาคนขับรถมาด้วย น้องนิคไม่ต้องห่วงนะ”
“โหวันนี้มีอะไรพิเศษรึเปล่าครับเนี่ย? สวยกันทุกคนเลย”
“ก็พวกข้ามาหาพี่มาร์ไงค่ะพี่มาร์พูดแบบนี้แสดงว่าปกติไม่สวยใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ซักหน่อยน้องเฮเลนกับน้องจีน่าน่ะสวยทุกวันต่างหาก แต่แหม ถ้าให้พี่ชมทุกวัน พี่ก็เขินแย่”
และคนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ นักดนตรีหลักประจำร้านอย่างโจคาสต้าหนุ่มเรือนผมสีทอง หน้าตาหล่อเท่ รูปร่างสูงสมส่วนตรงตามสเปคของสาวหลาย ๆ คน เขาร้องและเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายแต่ถ้าพูดถึงเครื่องดนตรีคู่ใจก็เห็นจะเป็นฮาร์โมนิก้านี่แหละ
“โจ เมื่อไหร่จะใจอ่อนซักทีล่ะ? ดารินมาตามจีบหลายวันแล้วนะ”
“ขอโทษนะครับดาริน ก็อย่างที่ข้าบอกท่านตั้งแต่วันแรก ข้ามีคนในใจอยู่แล้ว”
“แต่ผู้หญิงคนนั้นโจก็ยังไม่ได้เจอซักทีไม่ใช่หรอ เธออาจจะลืมโจไปแล้วก็ได้”
“นั่นสิ ก็อาจจริงอย่างที่ดารินพูด แต่ทำยังไงได้ก็ข้ายังไม่ลืมเธอนี่นา”
เธอคนนั้น…
เจ้าของรอยยิ้มน่ารักที่ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว
ก็ยังไม่มีใครทำให้ใจของข้าเต้นได้เหมือนกับเธอ
หลายครั้งที่โจพยายามพาตัวเองไปอยู่ในความสัมพันธ์กับใครซักคนเพราะเขารู้ดีว่าอาจไม่มีวันที่เขาจะได้เจอกับเธออีก แต่ก็ยังไม่ทันเข้าไปอยู่เลยด้วยซ้ำ แค่ก้าวขาเข้าไปก้าวนึง ภาพในหัวก็ฉายรอยยิ้มของเธอคนนั้น ใบหน้าน่ารักของเธอคนนั้น รวมถึงเสียงหวาน ๆ ของเธอคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ข้าไม่รู้ว่าเราจะพบกันได้อย่างไร แต่ข้าเชื่อว่าซักวันโชคชะตาจะเห็นใจ
พาเจ้ามาพบกับข้า หรือไม่ก็พาข้าไปพบเจ้า ซักวัน…
เมื่อโจคาสต้าเก็บเครื่องดนตรีเสร็จ เขากำลังจะเดินออกจากร้านเพื่อหวังจะกลับบ้านแต่แล้วก็ถูกเบรคด้วยเสียงที่คุ้นเคยเสียก่อน “โจ” เสียงเรียกของเซลีนดังขึ้นจากข้างหลังของชายหนุ่ม
“อ้าว ว่าไงครับเจ๊?” เขาหันหลังกลับมา “มีงานพิเศษมาให้ ไม่รู้จะสนใจไหม พอดีมีคนติดต่อขอให้เจ้าไปทำ” เธอเอ่ยแล้วจึงยื่นใบกระดาษใบหนึ่งมาให้
กระดาษที่กำลังประกาศรับสมัครคนงานขึ้นไปทำงานบนเรือใหญ่มีเป้าหมายคือ ‘ล่าเมอร์เมด’ ที่กำลังจะออกเรือในอีกสองอาทิตย์ถูกส่งมาให้กับโจ ในกระดาษใบนั้นมีหลายตำแหน่งที่เปิดรับสมัครไม่ว่าจะเป็นคนใช้แรงงาน คนครัว หรือคนคอยบริการ แต่ไอ้งานพิเศษที่เซลีนว่าก็คงหมายถึงอันนี้ที่มีปากกาสีแดงวงเอาไว้ ‘นักดนตรี’
“พอดีวันก่อนเจ้าของเรือนี้เขามากินข้าวที่ร้านเราแล้วได้ฟังเจ้าร้องเพลง เขาเลยมาติดต่อกับข้า ขอให้เจ้าไปเป็นนักดนตรีหลักให้เขาบนเรือได้ไหม เขาบอกว่าเขาจะมีที่พัก อาหารและบริการให้เจ้าอย่างดี ยิ่งเรื่องค่าตอบแทนด้วยแล้วมากกว่าที่ข้าให้ตั้ง 5 เท่า ข้าว่าน่าสนใจนะ ข้าอนุญาต เจ้าจะไปไหม?”
พอฟังแล้วเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการมันค่อนข้างเป็นอะไรที่ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าเขาได้เงินก้อนนั้นมา เงินที่ต้องส่งให้บ่อนงวดนี้ก็คงไม่ต้องกังวล แถมดีไม่ดีเหลือไปถึงเดือนหน้าอีก และที่สำคัญเรื่องล่าเมอร์เมดนั่นด้วย ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไปเห็นกับตาว่าคนพวกนั้นคิดจะทำอะไร ชายหนุ่มคิด
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องให้กังวล เพราะอย่างไรซะคือการออกเรือ ถ้าพี่นิครู้มีหวังโดนด่าชุดใหญ่แน่นอน พี่นิคเป็นอีกคนนอกจากลุงที่สั่งห้ามโจเด็ดขาดว่าห้ามออกเรืออีก อย่างที่รู้ว่ากลางทะเลมันอันตรายอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ โอกาสไม่ได้มีมาบ่อย ๆ อาจจะไม่โชคดีเหมือนตอนเด็กอีกก็ได้ เป็นประโยคที่ผู้เป็นรุ่นพี่คนสนิทเคยพูดเอาไว้ ตามจริงก็มีหลายครั้งที่โจแอบรับงานไปกับเรือใหญ่โดยไม่บอกก่อน แต่สุดท้ายพอกลับมาก็เจอนิคกับมาร์มายืนรอรับอยู่หน้าท่าเรือตลอด โจโดนบ่นไปหลายชุดจนมาริสต้องคอยยั้งพี่ตัวโตไว้ทุกที
และเมื่อเซลีนเห็นอีกคนทำหน้าตากังวล เธอจึงพูดออกมาพร้อมยิ้มบาง ๆ ว่า
“ไม่ต้องห่วง เดี่ยวโกหกให้ ยังไงนิคมันก็ต้องเชื่อข้า”
“ขอบคุณครับเจ๊ งั้นผมตกลง ผมขอลาเจ๊ล่วงหน้าเลยอาทิตย์นึง”
ชายหนุ่มนักดนตรีตอบพร้อมยิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างแก้มของเขา
“อื้อ ค่านายหน้าข้าด้วยแบ่งจากเงินที่ได้ 10%”
เซลีนกล่าวติดตลกเล็กน้อย จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของทั้งคู่
ชายหนุ่มคิดหลังจากแวะนั่งเป่าฮาร์โมนิก้าที่ระเบียงบ้านจบไปหนึ่งบทเพลง ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องนอน เพื่อพักผ่อนร่ายกายที่ใช้งานมาอย่างหนักทั้งวัน
τα λέμε αργότερα
แล้วเจอกันฮะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in