“เห้ย พี่นิคพี่!! ไอ้โจมันตื่นแล้ว!!”
“ไอ้โจ!! เอ็งไม่เป็นไรใช่ไหมวะ เอ็งได้ยินเสียงข้าไหม” เด็กหนุ่มที่มีอายุมากกว่ารีบวิ่งเข้ามายังเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“พี่นิค…ไอ้มาร์…
“ก็เออดิแม่ง ข้ากับพี่นิคกลัวแทบตาย นึกว่าเอ็งจะไม่รอดซะแล้ว”
“โชคดีนะว่ายน้ำแข็ง บุญหัวเอ็งไอ้โจ”
ว่ายน้ำเหรอ…
“แล้ว…ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไง”
“อ๋อ ก็เมื่อวันก่อนมีคนไปเจอเอ็งกับลุงนอนหมดสติอยู่ที่ท่าเรือเขาเลยพามานี่ พอพวกข้ารู้เรื่องก็รีบมาเลยนะเว่ย” เด็กหนุ่มที่มีร่างเล็กที่สุดรีบพูดขึ้นพรางยักคิ้วสองสามที เพื่อจะแสดงว่าตนเป็นห่วงเพื่อนมากแค่ไหน
“ขอบใจเอ็งมาก ขอบใจพี่ด้วยพี่นิค เดี๋ยวนะ ตะกี้เอ็งบอกว่าเมื่อวันก่อนเหรอ?”
“ก็ใช่ดิ เอ็งหลับไปตั้งสองวัน วันนี้วันที่ 22 แล้ว” พี่นิคพูดพร้อมกับโยนหนังสือพิมพ์ของวันนี้มาให้
“โห ข้าหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอวะ แต่เอาจริงนะข้าคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ คืนนั้นมันเหมือนฝันร้าย” พูดจบเด็กหนุ่มที่ในขณะนี้มีสภาพเป็นผู้ป่วยมองออกไปนอกหน้าต่าง
คืนนั้น…คืนที่เหมือนฝันร้าย
วันที่ 20 ของเดือนที่สามของปี โจและลุงคริส ผู้เป็นลุงแท้ ๆ ของเขากำลังเตรียมขนของขึ้นเรือประมงขนาดกลางเพื่อเตรียมออกหาปลารอบใหม่โดยที่รอบนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเพราะคราวนี้นอกจากเขากับลุงแล้วสมาชิกบนเรือยังมีลุงดีแลน เพื่อนซี้หนวดสวยของลุงคริส พร้อมทั้งเด็กหนุ่มวัยรุ่นอีกสามสี่คนที่มารับจ้างเป็นลูกเรือร่วมหาปลาด้วย
ลุงดีแลน คือเพื่อนสนิทที่วิ่งเล่นกับลุงคริสมาตั้งแต่ทั้งสองยังเป็นเด็กจนตอนนี้อายุก็ 40 ปลาย ๆ เข้าไปแล้ว ด้วยความที่ว่าทั้งสองไม่มีครอบครัวไม่มีภรรยา ลุงดีแลนอยู่ตัวคนเดียว ส่วนลุงคริสก็มีเพียงหลานชายที่ผู้เป็นน้องชายของเขาฝากให้ช่วยเลี้ยงดูก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับพร้อมกับผู้เป็นน้องสะใภ้ดังนั้นทั้งสองคนก็มักจะสังสรรค์ด้วยกันและยามเมื่อมีปัญหาก็ยังคงช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอ
จากจำนวนปลาบนเรือในขณะนี้แล้ว ดูท่าดวงใครซักคนบนเรือคงจะกำลังพุ่งขึ้นสูงแน่ๆ เพราะหลังจากพวกเขาออกเรือมากลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เพียงแค่วันเดียวก็สามารถจับปลาได้มากมายจากการประเมินปลาที่จับได้ หลังจากนี้พวกเขาคงได้พักผ่อนไปอีกนานอยู่กว่าจะออกหาปลารอบใหม่ปลาหลากหลายสายพันธุ์วางกองอยู่บนเรือประมงขนาดกลาง มีทั้งปลาหน้าตาคุ้นเคยที่จับได้บ่อยๆ และปลาหน้าตาประหลาดที่ไม่เคยพบเห็น
หลังจากงานบนเรือเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาเฉลิมฉลองกันตามประสาผู้ใหญ่ลุงคริสและลุงดีแลนนั่งดื่มสุรากันอยู่ภายในตัวเรือ โดยมีเหล่าลูกเรือวัยรุ่นนั่งเล่นไพ่อยู่ข้างๆ ส่วนโจเองนี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้มานั่งมองทะเลสงบ ๆ พร้อมกับเป่าฮาร์โมนิก้าอย่างเช่นทุกครั้ง
แต่แล้วจากนั้นประมาณ 3-4 ชั่วโมง ความสุขทุกอย่างก็ต้องจบลง เพราะพายุฝนและคลื่นลูกใหญ่ที่โหมกระหน่ำ ท้องฟ้ามีแต่เมฆฝนสีดำและฟ้าแลบเป็นระยะท้องทะเลแสนสงบก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นเหมือนฝันร้ายที่น่ากลัว คลื่นลูกใหญ่ซัดน้ำทะเลเข้าเรือซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรือประมงขนาดกลางโคลงเคลงอยู่กลางมหาสมุทร สมาชิกทุกคนบนเรือต่างวุ่นวายหาที่จับเพื่อปกป้องชีวิตของตนกันแทบไม่ทันโดยเฉพาะโจเด็กหนุ่มที่อยู่นอกตัวเรือโดยลำพัง
“ไอ้โจ! เอ็งจับไว้แน่น ๆ ข้าจะรีบหาทางไปรับเอ็ง!”
ยิ่งเวลาผ่านไปก็ไม่ได้ช่วยให้พายุสงบลงเลยหนำซ้ำยังยิ่งหนักขึ้น จนในที่สุดเรือประมงก็เริ่มเอนลงไปทางฝั่งซ้าย เสียงโวยวายของคนบนเรือดังลั่นทั่วมหาสมุทรแต่ก็ยังไม่เท่าเสียงฟ้าร้องที่ร้องดังกว่าอยู่ในขณะนี้ มือที่จับยึดเสาต่าง ๆ ของเรือเริ่มอ่อนล้า ต่างคนต่างโซซัดโซเซไปตามแรงปะทะ
เมื่อลมพายุหนักขึ้น คลื่นทะเลก็ยิ่งลูกใหญ่ขึ้นเพียงชั่วครู่เดียวคลื่นลูกยักษ์ก็ปะทะเข้ากับตัวเรือ หลายคนบนเรือผลัดตกลงไปในผืนน้ำสีเข้ม ไม่เว้นแม้แต่…
“เห้ย!!! ไอ้โจ!!!!” หลานชายเพียงคนเดียวของคริสโตเฟอร์ เป็นหนึ่งคนที่ผลัดตกลงไปในทะเลลึก และต่อมาไม่นานทั้งลุงคริสและลุงดีแลนก็ถูกพายุพลัดให้ตกลงสู่น้ำทะเลเช่นกัน
ถึงแม้โจและลูกเรือทุกคนจะมีพื้นฐานการว่ายน้ำแต่ด้วยคลื่นและความลึกระดับนี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะว่ายไหวต่างคนต่างกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง โจตะโกนร้องเรียกลุงของเขาอย่างสุดเสียง แต่แล้วร่างกายของเด็กวัย 17 ปีก็ทนแรงของคลื่นทะเลไม่ไหวตัวของเขาค่อย ๆ ดิ่งลงสู่ใต้ทะเลลึก…
ความรู้สึกของคนที่กำลังจะตายมันเป็นอย่างนี้สินะ
ความคิดหลาย ๆ อย่างเริ่มพรั่งพรูเข้ามาในหัวของเขา
ทำยังไงดี ยังไม่ได้คืนตังค์พี่นิคเลยนี่หว่า…
เกมที่ยืมไอ้มาร์มาก็ยังไม่ได้คืน มันต้องโมโหข้าแน่ ๆ…
ถ้าข้าตายไป ลุงจะโกรธข้าไหมนะที่ทิ้งเขา…
แล้วข้าจะได้ไปอยู่กับท่านพ่อท่านแม่หรือเปล่า…
จริงซิ ข้ายังไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอคนนั้นอีกครั้งเลย…
รอยยิ้มน่ารักของเจ้าโกหกข้า
ไหนเจ้าบอกว่าถ้าใส่สร้อยเส้นนี้ทุกครั้งที่ออกเรือ ข้าจะปลอดภัย
แต่รู้ไหม ข้าใส่มันตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเลยนะ
อยากเห็นรอยยิ้มของเจ้าอีกครั้ง ข้าอยากเจอเจ้า...
ความมืดมิดที่อยู่รอบกายกำลังค่อยๆ กลืนกินชีวิตของเด็กหนุ่ม
ลมหายใจที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดกำลังจะหมดลง
ตัวของเขาดิ่งลงใต้ผืนสมุทรตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ตาของเขาที่พยายามลืมตามองใต้น้ำเริ่มอ่อนล้าลงทุกที
จนในที่สุดดวงตาทั้งสองก็ปิดลง
ข้ายังไม่อยากตาย…
เรื่องราวในคืนวันนั้นมันก็เป็นเช่นนี้แหละมันเป็นคืนที่เหมือนฝันร้าย โจรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่มีทางรอดยังไงเขาก็คงต้องตายแน่ ๆ แต่แล้วปาฎิหารย์ก็เกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าพอเขาลืมตาขึ้นมาเขาจะมาอยู่ที่นี่ในห้องพักของผู้ป่วยในโรงพยาบาลกลางเกาะซาคินทอส ซึ่งนั่นแปลว่าเขายังมีชีวิตอยู่
ระหว่างที่โจกำลังนั่งทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง ทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงใครอีกคนนึงได้ชายวัยกลางคนที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังเด็ก “พี่นิคไอ้มาร์แล้วลุงล่ะ ลุงข้าไม่ตายใช่ไหม!?”
“ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอกโว้ย” เมื่อสิ้นคำถามของคนบนเตียงเสียงของผู้เป็นลุงก็ดังขึ้น
“ไงไอ้หลานรัก ฟื้นแล้วเหรอวะ นอนนานเลยนะเอ็ง”
“เออลุง แล้วลุงดีแลนไม่มาด้วยเหรอ?”
“ลุง…” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาโจก็เปลี่ยนเป้าสายตาจากประตูมายังลุงของเขาแทน
“…ไอ้ดีแลน มันตายแล้ว” ผู้เป็นลุงพูดขึ้นพร้อมน้ำตาที่คลออยู่ที่ดวงตา
“ห้ะ? อะไรนะลุง?
หลังจากที่คริสโตเฟอร์เล่าเรื่องราวในคืนนั้นให้หลานชายของเขาฟังก็ได้ความมาว่า หลังจากที่โจผลัดตกลงมาจากเรือ ลุงคริสและลุงดีแลนก็ผลัดตกตามลงมาด้วย ทันทีที่โผล่ขึ้นผิวน้ำทั้งคริสโตเฟอร์และดีแลนก็รีบมองหาผู้เป็นหลานชายและในระหว่างนั้นเองที่คลื่นยักษ์โถมเข้าหาดีแลน เขาหายไปกับคลื่นลูกนั้น คริสโตเฟอร์พยายามว่ายหาทั้งหลานชายและเพื่อนของเขาแต่ก็ไม่เจอ
เขาหวังแต่เพียงว่าทั้งสองจะปลอดภัย
หลังจากการหาอย่างยาวนาน ก่อนที่ร่างกายของคริสโตเฟอร์เองจะไม่ไหวเขาจึงตัดสินใจว่ายกลับมาพักที่เรือ และตอนนั้นเองที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นหลานชายนอนนิ่งอยู่บนเรือ น้ำตาของเขาไหลอย่างไม่อายใจนึงเขาก็ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นว่าหลานชายของเขาปลอดภัย แต่อีกทางก็เศร้าสุดใจเพราะเขาก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนรักของเขาคงไม่รอดระยะเวลานานขนาดนี้ถ้าเพื่อนเขารอด ป่านนี้ก็คงเจอตัวหรือมานอนหมดแรงอยู่ข้างหลานชายของเขาไปแล้ว
ข้าจะคิดถึงเอ็งเสมอ ไอ้เพื่อนรัก….
จาก คริสโตเฟอร์
ถึง ดีแลน
จากการฟังเรื่องราวทั้งหมดเข่าทั้งสองข้างของโจก็ทรุดลงกับพื้น ลุงดีแลนเป็นเหมือนลุงแท้ ๆอีกคนที่คอยช่วยเหลือและดูแลเขามาตลอด ในชีวิตของโจมีคนสำคัญอยู่ไม่กี่คน ลุงคริส พี่นิค ไอ้มาร์ เธอคนนั้น และแน่นอนคนสุดท้ายคือลุงดีแลน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ในขณะนี้น้ำตาของเด็กหนุ่มจะค่อยๆ หยดลง หยดแล้วหยดเล่า เวลากว่าชั่วโมงของโจถูกใช้ไปการนั่งร้องไห้ ส่วนตัวของคริสโตเฟอร์เองก็ใช้เวลาดังกล่าวในกอดปลอบประโลมหลานชายของเขาให้หยุดร้องไห้รวมถึงปลอบตัวเองด้วยเช่นกัน
แม้เรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นจะบั่นทอนใจของทั้งสองมากแค่ไหนแต่อย่างไรซะชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป ในเมื่อการออกหาปลารอบนี้พวกเขาไม่ได้อะไรกลับมาเลยขนาดแค่ชีวิตของพวกเขายังเกือบเอากลับมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เวลาในตอนนี้ผู้เป็นลุงจึงต้องหาทุกวิธีทางในการหาเงินก่อนที่เงินเก็บที่มีอยู่จะหมดไปเสียก่อน ดังนั้นหลังจากอยู่คุยกับผู้เป็นหลานชายเสร็จเขาจึงต้องรีบออกไปหางานทำให้ได้เร็วที่สุด
“ไอ้นิคไอ้มาร์ ข้าฝากมันด้วย ส่วนเอ็งไอ้โจพักผ่อนซะจะได้หายเร็ว ๆ” มือใหญ่ของลุงวางลงมาบนหัวของโจ
“ข้าจะรีบหาย ข้าจะรีบไปช่วยลุงหาเงิน”
"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in