แสงแดดลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนั่งเล่น ไฟในเตาผิงราไปหมดแล้ว เหลือเพียงขี้เถ้าอุ่น ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ กลิ่นหอมนุ่มนวลของไม้เชอรี่ยังลอยอวลอยู่ในบรรยากาศ ในขณะที่รัสเซลล์ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น แต่ยังคงขดตัวอยู่ในผ้าห่มที่คลุมซ้อนกันสองชั้น
ไม่อยากเชื่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นเรื่องจริง ทั้งเรื่องงานที่คลี่คลายไปได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งเรื่องที่เขาได้พบกับใครคนหนึ่งที่ทำให้ช่วงเวลาที่รู้สึกเหมือนเผชิญพายุอยู่ตามลำพังกลายเป็นช่วงเวลาที่ไม่โดดเดี่ยวจนเกินไป
เมื่อคืนนี้ เขากลับเป็นรัสเซลล์ โธมัสคนที่เขาคิดว่าจะไม่สามารถกลับไปเป็นได้อีกแล้วตลอดชีวิตอีกครั้ง
เขาไม่สามารถจดจำได้แน่ชัดนักว่า เขาบอกเล่าเรื่องราวอะไรของตัวเองให้ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นั้นฟังบ้างระหว่างการสนทนาบนโต๊ะอาหาร แต่เขาพบว่า เขาสามารถหยุดโทษตัวเองที่ไปช่วยคู่หูเกือบจะช้าเกินไปและประมาทเกินไปจนทุกอย่างเกือบพังพินาศหลังจากการสนทนานั้นเอง และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดน้อยลง
คนคนนั้นไม่ได้เอ่ยปลอบ ไม่ได้บอกเขาว่าอย่าคิดมาก ไม่ได้พูดในสิ่งที่หลายคนพูดแต่ทำเองไม่ได้ เขาคนนั้นเพียงแค่บอกให้เขาเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาลออกมา ส่งซุปร้อน ๆ กับขนมปังทำเองนุ่ม ๆ ให้เขา บอกให้เขากินอาหาร และกล่าวกับเขาว่า ในสถานการณ์ที่เขาเผชิญในวันนั้นเป็นเรื่องยากลำบาก ไม่มีใครรู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ในเมื่อผลออกมาอย่างที่เห็นแล้ว ไม่มีอะไรดีกว่าปล่อยให้มันเป็นไปในแบบที่มันเป็น คนอื่นอาจคาดหวังว่าเขาจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ไม่มีใครอื่นที่รู้ดีเท่ากับเขาอีกแล้วว่า สิ่งที่ทำลงไป ถึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุดที่เขาสามารถจะทำได้ในตอนนั้นแล้ว
คำว่าเขาได้ทำในสิ่งที่สมเหตุสมผลสำหรับสถานการณ์นั้นแล้วเป็นเหมือนกุญแจที่ปลดล็อกโซ่ตรวนทางความรู้สึกที่ผูกรัดเขาเอาไว้กับความสงสัยในความสามารถของตัวเองและคำว่า ‘ควรจะทำได้ดีกว่านี้’ ได้จนหมดสิ้น
ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่มีเบอร์แทรมอยู่ด้วยเหมือนเป็นโมงยามที่เขารู้สึกเหมือนตัวเองต้องมนตร์ ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำสิ่งใดมากมายไปกว่าการทำให้เขายิ้มออก หัวเราะได้ และรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้มาก่อน เป็นช่วงเวลาที่อีกฝ่ายเหมือนปัดเป่าเอาความทุกข์ที่ครอบงำจิตใจของเขาออกไปเพียงแค่โบกมือ
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงพยายามทำทุกทางให้อีกฝ่ายไปให้พ้นหน้า และตั้งข้อสงสัยด้วยว่าอาจพยายามเข้าหาเขาด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ไม่มีทางให้เข้าใกล้และเข้ามาทำอะไรหลายอย่างในบ้านที่เขาพักอาศัยด้วยซ้ำ แต่นี่ เขาปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวที่เคยหวงกันเอาไว้แม้กระทั่งกับคู่หูของตัวเองอย่างที่ไม่เคยยอมให้ใครมาก่อน
รัสเซลล์ยันตัวลุกขึ้นจากเตียงโซฟา ม้วนผ้าห่มที่ใช้ห่มนอนไปกองไว้ด้านหนึ่งแล้วเอาหมอนวางทับ ลุกขึ้นจากที่นอนหน้าเตาผิงเดินขึ้นบันไดไปยังห้องน้ำที่ชั้นสองของบ้าน แปรงฟัน ล้างหน้า แล้วยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก
เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาเริ่มคิดว่าควรจะโกนหนวดโกนเคราให้เรียบร้อยก่อนแวะไปหาใครคนนั้น
อากาศช่วงสายของต้นฤดูใบไม้ร่วงไม่จัดว่าหนาวเย็นมากนัก แต่รัสเซลล์ก็ตัดสินใจสวมแจ็คเก็ตกันลมสำหรับเดินเขาทับเสื้อสเวตเตอร์ที่สวมอยู่อีกชั้นหนึ่ง หยิบเอากล่องทัปเปอร์แวร์ที่เบอร์แทรมใส่อาหารมาส่งให้เขาถึงบ้านที่ล้างและเช็ดให้แห้งติดมือออกมาด้วย และตรงไปยังบ้านของคนที่เดินมาส่งเขาเมื่อคืนนี้
ทำนองเดียวกับบ้านเดี่ยวที่ปลูกอยู่บนที่ดินในเขตชนบททางตอนเหนือของอังกฤษหลายที่ แม้จะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนบ้าน แต่บ้านของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันมากนัก ต้องใช้เวลาเดินอยู่พอสมควร
บ้านของเบอร์แทรมถือว่าเป็นบ้านขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับบ้านหลายหลังที่ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน มีสตูดิโอสำหรับทำงานเกี่ยวกับการซ่อมแซมและขึ้นเล่มหนังสืออยู่ในสวนหลังบ้าน และด้วยเหตุผลที่บ้านหลังนี้เป็นทั้งที่อยู่และที่เก็บสินค้าในกิจการร้านหนังสือเก่าด้วยส่วนหนึ่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่บ้านหลังนี้มีรั้วที่ค่อนข้างสูงและมิดชิดกว่าบ้านหลังอื่น แม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่ได้เลี้ยงสุนัขหรือสัตว์อื่นเอาไว้ก็ตาม
ความจริง เขาเคยเดินผ่านหน้าบ้านหลังนี้มาหลายครั้งระหว่างที่ออกไปเดินเล่นฆ่าเวลาและพยายามจัดการกับอารมณ์ของตัวเองที่ถูกพักงานและกำลังจะถูกผู้ต้องหาฟ้องให้ได้ แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา เขาไม่ได้ใส่ใจสังเกตรายละเอียดของบ้านข้างเคียงหลังนี้มาก่อน
บ้านของเบอร์แทรม เคลลีย์เป็นบ้านเก่าแก่ที่ถูกดัดแปลงมาจากโรงนาเก่าที่สร้างขึ้นมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน บรรยากาศของบ้านเก่าทำให้บ้านหลังนี้ดูเหมือนบ้านร้างเมื่อมองแค่ผิวเผิน แต่เมื่อสัมผัสกับบรรยากาศแท้จริงภายในบ้านและตัวตนของเจ้าของบ้านแล้ว รัสเซลล์อดคิดไม่ได้ว่า บ้านหลังนี้ให้อารมณ์เดียวกับเสื้อสเวตเตอร์ขนสัตว์เก่า ๆ ที่ยังคงสภาพดีและให้ความอบอุ่นแก่คนที่อาศัยอยู่ได้เป็นอย่างดี
อบอุ่นเหมือนกับชายคนนั้นที่ดูเป็นศิลปินเต็มตัว แจ่มใส เปิดเผย แต่แฝงไว้ด้วยความน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
นายตำรวจหนุ่มกดกริ่ง แต่รออยู่พักใหญ่ ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากคนในบ้าน และไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ
เขากดกริ่งซ้ำ และตะโกนเรียกชื่อ
คำตอบที่ได้รับคือความเงียบ
“เบอร์แทรม! ได้ยินผมหรือเปล่า” เขาร้องถาม
ตั้งใจจะเรียกอีกครั้ง แต่เสียงของเขากลับขาดหายไป เมื่อมือที่เอื้อมไปจับประตูรั้วเพื่อทรงตัวระหว่างชะเง้อมองเข้าไปภายในกลายเป็นผลักประตูที่ไม่ได้ลงกลอนเอาไว้ให้เปิดออก
นาทีนั้น เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
รัสเซลล์ตรงเข้าไปยังประตูหน้าบ้าน เคาะเรียก และทันทีที่จับลูกบิดประตูหน้าบ้านหมุนทดสอบ ประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออกจนเขาเกือบเสียหลักถลาเข้าไปภายใน
ข้างในบ้านยังอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ไม่มีความผิดปกติใด ๆ ทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ไม่มีการตอบรับจากคนในบ้าน ไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่น ทว่าที่ข้างตู้เก็บรองเท้าที่ข้างประตูมีรองเท้าหุ้มข้อที่เบอร์แทรมสวมเมื่อวานตกอยู่เหมือนถูกถอดออกอย่างลวก ๆ และสลัดทิ้งเอาไว้ในสภาพอย่างนั้น
พฤติกรรมที่ว่าดูไม่น่าจะเป็นนิสัยปกติของชายหนุ่มที่เขาเพิ่งทำความรู้จักเมื่อวาน และสิ่งที่แสดงให้เห็นผ่านสภาพบ้านและรองเท้าที่ถูกถอดทิ้งเอาไว้กำลังบอกเขาว่า เจ้าของรองเท้าคู่นี้เหนื่อยล้าอย่างหนักหรืออาจไม่สบายเสียจนต้องพยายามพาตัวเองเข้าบ้านโดยไม่สนใจว่าจะปิดล็อกหรือทำสิ่งใด ๆ เพื่อป้องกันความปลอดภัยของตัวเองเช่นที่คนทั่วไปต้องทำ
ก่อนจากกัน เบอร์แทรมยังดูแข็งแรงดี แต่หลังจากที่ผละจากกันไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพบเจอสิ่งใดหรือไม่
รัสเซลล์ร้องเรียกเจ้าของบ้านอีกครั้ง และตัดสินใจถือวิสาสะเข้าไปสำรวจภายในบ้าน เพื่อที่จะได้รู้แน่ชัดว่า เจ้าของบ้านยังสบายดีอยู่หรือเจ็บไข้ได้รับอันตรายอย่างใดหรือไม่
เดินเพียงไม่กี่ก้าวจากประตู นายตำรวจหนุ่มก็แทบจะกระโจนเข้าไปหาบุคคลที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาทันที
เบอร์แทรม เคลลีย์นอนขดตัวอยู่บนพื้นพรมหน้าโซฟาในห้องนั่งเล่น เสื้อผ้าที่สวมยังคงเป็นชุดเดิมที่เขาเห็นเมื่อวาน ทั้งเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมสีเบจทับเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลเข้มและกางเกงยีนลูกฟูกสีดำ ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท และไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลยว่า มีคนบุกรุกเข้ามาในบ้านของตนเองและเข้ามาใกล้ในระยะแค่มือเอื้อม
To be continued >>> Day 6 : Tranquil
คุณเคลลีย์อาจจะต้องใช้พลังงานหนักจนเหนื่อย?
เป็นfictoberสั้นๆ แต่ว่าตามสไตล์ของคุณ มันอบอุ่นและก็มีกลิ่นอายที่น่าค้นหา ชอบสำนวนการเขียนของคุณpiyarak
ขอบคุณมากค่ะที่ พาเข้าไปในโลกของคุณ :)
fictober แต่ละตอนอาจจะสั้นๆ หน่อย เพราะปั่นแบบรายวันจริงๆ ดีใจที่ชอบนะคะ