รัสเซลล์ โธมัสไม่ชอบพระจันทร์และไม่ชอบแสงจันทร์ และนั่นทำให้เขาดูเหมือนมนุษย์หมาป่าที่กลัวตัวเองจะแปลงร่าง เขาไม่รู้เหตุผลที่ตัวเองเป็นเช่นนี้แน่ชัดนัก เขาพยายามนึกแล้ว แต่ความทรงจำในช่วงเวลานั้นเหมือนจะหายไปเหมือนไม่อยากจำ หลังจากแม่เสียชีวิตไป เขาก็พบว่าตัวเองไม่ชอบคืนวันพระจันทร์เต็มดวง มันอาจเป็นกลไกป้องกันตัวจากความทรงจำเลวร้าย ทว่าบางทีก็ชวนหงุดหงิดใจที่นึกหาเหตุผลที่ควรนึกได้ไม่ออก
อย่างไรก็ตาม การเดินเล่นในสุสานใต้แสงจันทร์ไม่ใช่เรื่องน่าอึดอัดหรือชวนจิตตกอีกต่อไป เมื่อมีเบอร์แทรม เคลลีย์อยู่กับเขาด้วย เหมือนในวันแรกที่พวกเขาพบกันและเบอร์แทรมอาสาเดินไปส่งเขาถึงบ้านพัก เพื่อที่จะไม่ต้องเดินกลับภายใต้แสงสว่างของสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจตามลำพัง ถึงอย่างนั้น การเดินเล่นในสุสานก็ออกจะเป็นกิจกรรมที่แปลกพอสมควรอยู่ดี
หลังจากนำรถของเบอร์แทรมไปจอดไว้ที่บ้านพักของเขา เอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของอีกฝ่ายไปเก็บ แล้วขับรถของเขาเข้าเมืองไปด้วยกัน แวะที่ร้านหนังสือให้พนักงานในร้านได้เห็นหน้านายจ้างที่กลายเป็นหนึ่งในหัวข้อข่าวใหญ่ของเมืองท่องเที่ยวเล็ก ๆ ที่แทบไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้นเลยสักหน่อยให้พวกเธอได้คลายใจกันบ้าง จากนั้นพวกเขาก็ทำตามคำแนะนำของเอลิซาเบธด้วยการไปกินมื้อค่ำที่ร้านอาหารไทยที่อยู่ไม่ห่างจากที่ตั้งของร้านหนังสือมากนัก เชฟหนุ่มชาวไทยและสามีชาวอังกฤษของเขาทำให้มื้อค่ำนั้นเป็นมื้อพิเศษด้วยการเลี้ยงไวน์พวกเขาคนละแก้วและลดราคาอาหารมื้อนั้นให้เพื่อแสดงความยินดีที่ผ่านพ้นเรื่องน่าตกใจที่กลายเป็นข่าวดังของเมืองมาได้ หลังจากนั้น เบอร์แทรมก็ชวนเขาแวะที่เดินเล่นในสุสานด้วยกันสักครู่หนึ่ง
ถึงการเดินเล่นท่ามกลางป้ายหลุมศพจะเป็นกิจกรรมที่แปลกและการเผชิญหน้ากับแสงจันทร์เป็นเรื่องที่รัสเซลล์ไม่ชอบนัก แต่เมื่อมีคนที่ทำให้เขาอุ่นใจได้เสมออยู่ข้างกาย จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะปฏิเสธ
สุสานประจำเมืองมีช่วงเวลาเปิดที่แน่นอนและเวลาปิดที่ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ คือ จะปิดประตูสุสานในยามที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นต้นไป แต่ด้วยความคุ้นเคยและด้วยฐานะของสมาชิกชมรมอนุรักษ์สุสานท้องถิ่น ทำให้เบอร์แทรมสามารถพาเขาเข้าไปในสุสานได้
กิ่งก้านของต้นไม้ที่ปลูกไว้เป็นแนวตลอดทางเดินระหว่างสุสานเป็นร่มเงาที่พรางแสงจันทร์เสี้ยวที่สาดส่องลงมา เมื่อไม่ต้องสัมผัสกับแสงจันทร์มากนักทำให้เขาสามารถเดินเล่นได้อย่างไม่กังวล และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ การมีใครอีกคนเดินอยู่เคียงข้าง แม้จะไม่ได้พูดกันอะไรมากมายก็ตาม
“ทำไมคุณชอบเดินในสุสานล่ะ ทั้งที่สามารถมองเห็นผีได้” รัสเซลล์ถาม “ผมคิดว่าคุณชอบความสงบซะอีก”
“ผมชินกับการมองเห็นวิญญาณแล้วละ อีกอย่าง พวกเขาไม่ได้มาวุ่นวายกับผมเท่าไหร่ ผมเลยเดินเล่นได้อย่างสงบ” เบอร์แทรมตอบยิ้ม ๆ และยื่นมือออกมาให้เขาจับ “เมื่อก่อนผมเคยกลัวนะ แต่พอผมค่อย ๆ ทำความคุ้นเคย การเดินเล่นในสุสานก็เป็นเรื่องธรรมดา และสุสานก็เป็นสถานที่ผมจะหาความสงบได้”
“คุณทำยังไงถึงได้หายกลัว”
ระหว่างที่ถามคำถามนั้น เขารู้สึกว่ามือของเบอร์แทรมที่จับมือของเขาเอาไว้กำลังแผ่ความอบอุ่นมาสู่มือของเขาท่ามกลางสายลมเย็นของค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วง แสงไฟสลัวและแสงจันทร์ทำให้เจ้าของที่จับมือของเขาเอาไว้ดูดึงดูดสายตาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ความหวาดหวั่นที่เกิดจากการมองเห็นดวงจันทร์และแสงของมันค่อยเบาบางลงไป เมื่อรู้สึกว่าแสงจากดวงจันทร์ที่ฉายส่องลงมาทำให้คนที่ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเขาสวยงามเพียงใด
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายหนุ่มอีกคนบอก หัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นเขาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “แม่ของผมจับมือของผมเดินเล่นในสุสานแบบที่เรากำลังทำอยู่นี่แหละ ท่านทำให้ผมรู้สึกว่าการมองเห็นวิญญาณมากมายไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด ท่านสอนผมให้ดูความสวยงามของงานประติมากรรมและงานแกะสลักบนป้ายหลุมศพ ทำความรู้จักกับต้นไม้ที่ปลุกอยู่ในสุสานและขึ้นแทรกระหว่างหลุมศพเก่าแก่ และเรื่องราวของคนที่อยู่ในหลุมศพแต่ละหลุมที่น่าสนใจไม่แพ้เรื่องราวของบุคคลสำคัญของโลก มีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายที่ความกลัวทำให้เรามองไม่เห็น”
“เพราะฉะนั้น คุณก็เลยทำในสิ่งที่แม่คุณเคยทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นใช่ไหม”
เบอร์แทรมยิ้ม “แล้วคุณรู้สึกกลัวแสงจันทร์และพระจันทร์น้อยลงหรือเปล่าล่ะ”
เขาพยักหน้า “นั่นอาจเป็นเพราะมีคุณอยู่ และการเดินเล่นในสุสานกับคุณก็เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็อยากให้คุณจำความรู้สึกนี้ไว้ เวลาที่เราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่คุณต้องเดินหรือทำงานอยู่ใต้แสงจันทร์” เจ้าของร้านหนังสือเก่าบอก “เพราะมีคนที่อยากให้คุณสามารถชื่นชมความสวยงามของพระจันทร์และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์ได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือกังวลอีกต่อไป”
“คนที่จากคุณไปในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นคนที่คุณรักมากและท่านก็รักคุณมากเช่นเดียวกัน”
น้ำเสียงนุ่มนวลของเบอร์แทรมยามกล่าวประโยคที่ใช้ขยายความนั้นทำให้รัสเซลล์จับความนัยบางอย่างได้
“คุณรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่แม่ผมเสียได้ยังไง” เขาถาม “คุณเห็นท่านอย่างงั้นเหรอ”
ชายหนุ่มข้างกายเขาพยักหน้า กระชับมือที่จับมือกับเขาอยู่ให้แน่นขึ้น
“ท่านยังคงแวะเวียนมาหาคุณด้วยความเป็นห่วง ผมเห็นท่านเป็นบางที แต่ในเวลานี้ ท่านไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ฝากคำพูดมาให้ผมบอกกับคุณว่า ท่านภูมิใจในตัวคุณ ดีใจที่คุณเป็นนักสืบอย่างที่คุณอยากเป็นมา และท่านอยากให้คุณมีความสุข”
“ขอบคุณ เบอร์แทรม” หากเป็นเมื่อก่อนนี้และหากยังไม่รู้จักคนที่อยู่ด้วยกันในเวลานี้ เขาคงไม่เชื่อ แต่ในเวลานี้ เขาเชื่อคำพูดของเบอร์แทรมจนหมดใจ “ตอนนี้ ผมอยากให้ท่านรู้ว่าผมมีความสุขและกำลังจะมีความทรงจำใหม่ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่กับแสงจากพระจันทร์และดวงจันทร์น้อยลงแล้วละ”
เจ้าของร้านหนังสือมองเขายิ้ม ๆ และท่าทางอย่างนั้นทำให้เขาอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
“คุณจะไม่ถามหน่อยเหรอว่า ทำไม” นายตำรวจหนุ่มว่า
คนฟังเลิกคิ้วก่อนที่จะเอ่ยถามเขากลับไป “ทำไมล่ะ”
ความทรงจำที่อยู่ในรอยจูบอบอุ่นท่ามกลางความมืด แสงจันทร์ และหลุมฝังศพจะเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมได้เลยของเขาอย่างแน่นอน รัสเซลล์ โธมัสแน่ใจอย่างนั้น
To be continued >>> Day 31 : Halloween (ตอนจบ)
ความทรงจำใหม่ดีๆ เพราะคุณ ;-;
น่ารักจัง
ยังไม่อยากให้จบเลยค่า
รู้สึกช่วงนี้multiple lost นิยาย ซีรี่ จบหลายเรื่อง (นับเป็นmultiple lostได้ไหมคะ5555)
ขอบพระคุณคุณpiyarakนะคะ
เดี๋ยวตอนพรุ่งนี้ รีบมาเกาะขอบเลยค่ะ :)
เรื่องนี้เขียนมายาวที่สุดสำหรับปีนี้เลยค่ะ เพราะปกติเป็นคนเขียนอะไรยาวๆ ไม่เป็น
ขอบคุณที่มาอ่านเช่นกันนะคะ ><