แม้ว่าในวันถัดมา หน่วยพิสูจน์หลักฐานยังขอตรวจตราและสำรวจรอบบ้านของเบอร์แทรมอีกหนึ่งถึงสองวัน และทั้งรัสเซลล์กับเบอร์แทรมใช้เวลาทั้งวันไปกับการให้ปากคำกับทางสก็อตแลนด์ยาร์ดและตำรวจนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ซึ่งเป็นเจ้าของท้องที่ที่เกิดเหตุ แต่พอถึงช่วงเย็น พวกเขาก็ได้เวลาพักผ่อนอยู่ด้วยกันอย่างสงบ ต้องขอบคุณมาเรียที่ไล่ทีมตำรวจที่มาด้วยกันให้ไปนอนโรงแรมแทนที่จะอาศัยบ้านเช่าของรัสเซลล์เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว และปฏิเสธที่จะอยู่กินมื้อค่ำด้วยกัน ถึงเพื่อนร่วมงานของรัสเซลล์จะมองตาละห้อยก่อนจากไปก็ตาม
กิจกรรมช่วงเย็นของพวกเขากลับเข้าสู่ภาวะที่ควรจะเป็น เบอร์แทรมทำอาหาร รัสเซลล์จุดเตาผิง ไม่มีรายการโทรทัศน์ที่น่าสนใจและไม่มีใครที่อยู่ในอารมณ์อยากดูโทรทัศน์ พวกเขาจึงเลือกที่จะนั่งหน้าเตาผิงด้วยกัน จิบเหล้า และพูดคุยเรื่องที่ผ่านมาและเรื่องของแต่ละฝ่ายหลังจากกินมื้อค่ำง่าย ๆ อย่างสปาเกตตี้ผัดใส่บัตเตอร์นัทสไลซ์เป็นเส้นกับไส้กรอกอิตาเลียนใส่ใบเสจและสลัดผักร็อกเก็ตแบบอุ่นใส่แอปเปิลและเมล็ดธัญพืช และไวน์ขาวคนละแก้ว
ตั้งแต่เบอร์แทรมรมห้องทุกห้องด้วยควันของใบเสจในวันนั้น บรรยากาศภายในบ้านก็ยิ่งดูเป็นบ้านมากขึ้น กลิ่นอายของไม้ฟืนและความอุ่นจากเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ในเตาทำให้พวกเขาเลือกที่จะเอาผ้านวมผืนหนามาปูบนพื้นรองนั่งอยู่หน้าเตาผิง ใช้โซฟาอิงหลัง และห่มผ้าควิลท์ผืนใหญ่ที่หอบมาจากบ้านของเบอร์แทรมด้วยกัน
ในช่วงเวลานั้น พวกเขาทำความรู้จักกันมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ยิ้มและหัวเราะด้วยกัน และคุยกันเรื่องแล้วเรื่องเล่า
รัสเซลล์เล่าถึงแฟนหนุ่มที่เขาเคยคบอยู่นานที่สุดแต่แล้วก็เลิกกันไปเพราะไม่มีเวลาให้กันมากพอ เบอร์แทรมเองก็เคยคบกับแฟนสาวสมัยเรียนเอเลเวลแต่ก็เลิกกันไปเมื่อต่างคนต่างเข้ามหาวิทยาลัยกับเพื่อนหนุ่มอีกคนหนึ่งที่เริ่มสนิทและคบหาระหว่างอยู่ชมรมวรรณกรรม คบกันต่อมาจนถึงช่วงเวลาทำงาน แล้วก็ห่างกันไปเพราะงานด้วยเช่นกัน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ต่างคนต่างรู้ว่า การรักษาความสัมพันธ์ในการคบหาโดยมีระยะทางนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ไม่มีโซเชียลมีเดียและระบบสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตที่สะดวกและง่ายดายขนาดอย่างทุกวันนี้ และหัวข้อการพูดคุยของพวกเขาเริ่มจริงจังมากขึ้น เมื่อมาถึงเรื่องกำหนดเวลาที่รัสเซลล์ต้องกลับลอนดอน
“วันสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ที่นี่คือฮัลโลวีนที่กำลังจะถึงนี้” นายตำรวจหนุ่มเอ่ยกับเจ้าของร้านหนังสือที่นั่งชิดกันไหล่ต่อไหล่ “ก่อนหน้านี้ ผมเคยคิดว่าหนึ่งเดือนคงยาวนานสำหรับผมมาก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าช่วงสองอาทิตย์ที่เหลือกลับสั้นเกินไป ไม่รู้เลยว่าจะว่างพอที่จะกลับมาคุณที่นี่ได้เมื่อไหร่”
“คุณมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ผมไปหาคุณได้ เพราะผมมีอิสระทางเวลามากกว่า” เบอร์แทรมยิ้มให้เขา และเอียงศีรษะลงแนบกับศีรษะของคนตัวสูงกว่าที่ค่อย ๆ ไถลตัวลงมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนและอิงศีรษะของตนเองกับไหล่ของเขา “ผมมีญาติอยู่ในลอนดอน มีที่พัก มีเหตุผลที่จะต้องไปที่นั่งบ่อย ๆ อยู่แล้ว นอกจากเรื่องงาน เรื่องเที่ยว เรื่องกิน และต่อไปนี้ ที่จะเพิ่มเข้ามาก็คือเรื่องของคุณและเรื่องของเรา”
“ผมชอบเวลาที่คุณบอกว่าเรื่องของเรา” รัสเซลล์บอก ก่อนเงยหน้าขึ้นรับจูบของเจ้าของไหล่ที่เขาอิงอยู่
“ผมไม่ได้พูดคำว่า ‘เรา’ กับใครมานานแล้วเหมือนกัน ถึงมันจะเร็ว แต่ผมก็อยากพูดอยู่ดี” เบอร์แทรมว่า แต่ไม่ทันพูดอะไรต่อ ก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากหาว “โทษที ผมไม่ได้ตื่นเช้าขนาดวันนี้มานานแล้ว”
“คุณอาจจะเครียดจากการสอบปากคำด้วยละ ต่อให้เป็นพ่อมด แต่นั่นก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่คนไม่คุ้นเคยกับความกดดันและการถูกป้อนคำถามซ้ำซากจะคุ้นเคย” คนข้างกายเขาตั้งข้อสังเกต ใช้ปลายนิ้วแตะระหว่างคิ้วของอีกฝ่าย ขยับตัวเปลี่ยนจากนั่งอิงบ่าของฝ่ายหลัง เอื้อมมือไปหยิบหมอนบนโซฟามาวางบนผ้าห่มที่ใช้ปูนั่ง ดึงตัวอีกคนให้ลงไปนอน “คืนนี้ เรานอนกันหน้าเตาผิงนี่แหละ เดี๋ยวผมจะเติมฟืนอีกหน่อย มันจะได้อุ่นอยู่จนถึงเช้า”
“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยเติมของพวกนี้ลงไปหน่อย” พ่อมดในร้านหนังสือยันตัวขึ้นในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ควานหาถุงผ้าใบหนึ่งที่อยู่ในกระเป๋าแจ็คเก็ตที่ถอดวางอยู่บนโซฟาออกมายื่นส่งให้ “ในถุงมีคาโมไมล์กับลาเวนเดอร์แห้ง กลิ่นของมันจะช่วยให้คุณหลับสบายมากขึ้น”
รัสเซลล์เทดอกไม้แห้งสีม่วงและสีขาวจากถุงลงในฝ่ามือและโยนมันเข้าไปในกองไฟในเตาผิง เพียงชั่วอึดใจ กลิ่นหอมเย็นเฉพาะตัวของลาเวนเดอร์และคาโมไมล์แบบอ่อน ๆ ก็ค่อย ๆ กระจายตัวอบอวลไปทั่วห้อง
“กลิ่นของมันจะช่วยให้คุณผ่อนคลายมากขึ้น และนี่คือหนึ่งในเวทมนตร์เกี่ยวกับพืชและดอกไม้ที่คุณสามารถทำด้วยตัวเองได้” เบอร์แทรมบอก แต่แล้วก็เลิกคิ้วน้อย ๆ เมื่ออีกฝ่ายที่หันกลับมา วางสองมือคร่อมตัวเขาเอาไว้
“แต่ผมคิดว่า เวทมนตร์ของคุณจะให้ผลตรงข้ามมากกว่า เพราะผมยังไม่อยากหลับตอนนี้”
คำพูดนั้นมีนัยบางอย่างที่ไม่ต้องคิดหลายตลบนักก็เข้าใจได้ว่ามีความหมายว่าอย่างไร
“ตายละ...” เจ้าของร้านหนังสือพึมพำในใจ
ที่จริงแล้ว มันไม่ได้ให้ผลตรงข้ามอย่างที่อีกฝ่ายพูดหรอก แต่เป็นผลโดยตรงอีกอย่างที่เขาลืมนึกถึงไปต่างหาก นอกจากจะเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นที่ช่วยให้ผ่อนคลายและลดความเครียด ในบางตำรา ยังมีคนใช้มันเป็นส่วนผสมในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของคู่รักอีกด้วย
โอเค... เขายอมรับว่าทุกอย่างออกจะเร็วเกินไปหน่อย เพราะพวกเขาเพิ่งเริ่มคบกันมาไม่กี่วันและยังไม่ควรเรียกความรู้สึกที่มีต่อกันว่าความรักได้เต็มปาก แต่เขาก็ยอมรับกับตัวเองอีกทีว่า บรรยากาศหน้าเตาผิงตอนนี้เป็นใจมากจริง ๆ
เขาสบตากับคนที่อยู่เหนือร่างและรอรับความยินยอมจากเขาอยู่ แล้วยกสองแขนโอบรอบคอของอีกฝ่าย
“คุณมีของที่เราควรจะใช้อยู่ที่นี่ไหม”
รัสเซลล์ส่ายหน้า “ผมคิดว่าคุณคงยังไม่อยากไปถึงขั้นนั้นหรอก แค่ทำในสิ่งที่เราพอทำได้”
คำตอบนั้นทำให้ริมฝีปากของเบอร์แทรมคลี่ออกเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองใจเต้นแรงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ดีครับ” ดวงตาสีฟ้าของคนพูดเป็นประกายระยับยามยิ้มเย้าพร้อมเอ่ยอนุญาต
“So treat me good… Or else I will trick you the whole life.”
นายตำรวจหนุ่มยิ้ม และโน้มตัวลงไปหาคนเบื้องล่าง
ถ้าจะถูกคนตรงหน้าหลอกหลอนไปตลอดชีวิตไม่แย่หรอก แต่ถึงอย่างนั้น เขาเลือกที่จะทำดีกับพ่อมดข้างบ้านที่เข้ามาในทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป และทำให้ฤดูใบไม้ร่วงกลายเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขามากกว่า
======== THE END ========
ส่งท้าย: ในที่สุดก็จบจนได้ เป็นฟิคโทเบอร์ที่เขียนแบบวันต่อวันจริง ๆ เพราะฉะนั้น เวลามีอะไรมากแทรกจนเขียนไม่ได้ ก็เลยจำเป็นจะต้องเลื่อนออกไปบ้าง ถึงจะเลยวันที่ควรจะจบไปนิดหน่อย แต่ก็จบจริงๆ แล้วค่ะ เย้ XD
ต้องขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่แวะมาอ่านและแวะมาคุยกันทั้งในมินิมอร์และในทวิตเตอร์นะคะ ได้อ่านทุกคอมเมนต์ และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรที่ดีและมีความหมายมากไปกว่าคำว่าขอบคุณจริงๆ เพราะการได้รู้ว่ามีคนอ่าน ได้รู้ความคิดเห็นของคนอ่านเป็นเรื่องที่ทำให้คนเขียนมีกำลังใจมากจริงๆ นะ ><
หวังว่าปีหน้าจะได้พบกันใหม่ค่ะ :)
สนุก ตื่นเต้น แล้วก็มีมุมหวานๆ น่ารักๆ ของทั้งคุณพ่อมดและคุณตำรวจให้ได้ฟินเป็นระยะ แบบเนื้อเรื่องมันตัดสลับระหว่างความดาร์กกับความหวานได้ลงตัว ทำให้ไม่เครียดเกินไประหว่างอ่านทั้งที่โดนฆาตกรตามล่าแท้ๆ แต่รู้สึกว่าเค้าสองคนจะผ่านมันไปได้แน่ๆ พี่ๆ ผีในบ้านก็น่ารักด้วย แอบรออ่านตอนพวกเค้าโผล่มาด้วยเหมือนกัน 555
คุ้มที่ตามมาอ่าน หยุดยาวนี้คุณนักเขียนทำให้เราได้อ่านเรื่องสนุกๆ มีคุณภาพเยอะเลย จนงงกว่าก่อนหน้านี้ตัวเองไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมไม่รู้จักคุณให้เร็วกว่านี้ แต่ว่าเราก็ทำงานหนักมาก คงเป็นจังหวะเวลานี้พอดีที่พอได้พักแล้วได้มาฮีลตัวเองด้วยงานเขียนของคุณ ขอบคุณนะคะ ขอให้รวมเล่มได้สำเร็จ ถ้าเรื่องราวของคุณพ่อมดได้ไปอยู่ในแผ่นกระดาษ เวลาอ่านคงมีมนต์ขลังขึ้นอีก จะซื้อหนังสือแน่นอนค่ะ :)
ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่เขียนจนจบ ชอบบบบ ไว้ถ้ามีเวลาเราจะมาตามอ่านเรื่องอื่นอีกนะคะ
ไว้มีโอกาส เดี๋ยวเราไปตามอ่านของคุณแพรวบ้างค่ะ ><
ขอบคุณที่มาอ่านและมาคุยกัน เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ เลยค่ะ :)
จบได้น่ารักและเขินมากเลยค่ะ
จินตนาการบรรยากาศหน้าเตาผิงตาม ต้องอบอุ่น (จนอาจจะเริ่มร้อนในไม่ช้า ><)
คุณพ่อมดไม่ทริคคุณตำรวจหรอกค่า ทรีทกันน่ารัก อบอุ่นไปเรื่อยๆดีกว่าเนอะ
ขอบคุณ คุณpiyarakอีกครั้งที่ถ่ายทอดเาื่องราว พาคนอ่านเข้ามาสู่โลกของหนุ่มๆนะคะ :))
ขอบคุณเช่นกันนะคะ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดเลย ><
และในส่วนของ...เรื่องราวหน้าเตาผิงนั้นนนนน เขินมากค่ะ 5555555 ยิ้มจนคนข้างๆ มองหน้าแปลกๆ ไปหมดแล้ว แงแอ
ขอบคุณที่เขียนนะคะ สนุกมากเลย เป็นเรื่องราวสืบสวนสอบสวนที่ปนไปด้วยความลึกลับเข้ากับธีมเดือนตุลาดีจริงๆ ค่ะ อ่านแล้วลุ้นไปกับทั้งคู่แล้วก็หิวไปด้วยพร้อมๆ กัน 5555
แง ควรจะจัดเรทเป็น nsfw มั้ยคะเนี่ย XD
ขอบคุณที่มาอ่านและคอมเม้นต์ตลอดจนจบเลยนะคะ ><