เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Wizard Next Doorpiyarak_s
Day 3 : Moonlight
  • หลายชั่วโมงทีเดียวที่รัสเซลล์หลับไปก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแสงสุดท้ายจวนลับขอบฟ้า การได้พักผ่อนใต้ผ้าห่มอุ่นและบนเตียงที่แสนสบายทำให้ความมึนงงและอ่อนล้าจางหายไป ภายใต้แสงสว่างที่ยังหลงเหลือและลอดผ่านกระจกหน้าต่างสองชั้นแบบกันลมและกันความหนาว เขาเพิ่งเห็นห้องนอนของเจ้าของบ้านเป็นครั้งแรก เห็นเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองที่แขวนอยู่อย่างเรียบร้อยบนไม้แขวนที่คล้องกับตะขอบนผนัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นนั้นคือความรู้สึกที่สมกับเป็นบ้านที่คนอาศัยอยู่ ไม่เหมือนสถานที่ที่มีไว้เพียงแค่สำหรับกินอาหาร เปลี่ยนเสื้อผ้า และหลับนอนก่อนที่จะลุกขึ้นไปเผชิญกับเรื่องเฮงซวยสารพัดอย่างที่ประดังเข้ามาอย่างไม่ขาดสายเหมือนเช่นอพาร์ตเม้นท์ของเขา


    เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู และพบว่าเขายึดเตียงนอนของเจ้าของบ้านมาจนถึงเวลาเกือบหกโมงเย็น 
    ควรกลับได้แล้ว เขาไม่ควรรบกวนเวลาของอีกฝ่ายให้มากเกินไปกว่านี้


    ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นช้า ๆ นั่งอยู่พักหนึ่งจนแน่ใจว่าตัวเองไม่มีอาการหน้ามืด จึงค่อยหย่อนขาทั้งสองลงข้างเตียงแล้วยืนขึ้น พยายามเก็บผ้าห่มและที่นอนที่ตัวเองใช้ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ สวมรองเท้า หยิบเสื้อแจ็คเก็บลงมาจากที่แขวน และเปิดประตูออกไปจากห้อง เพื่อกล่าวขอบคุณเจ้าของบ้านที่ให้ความช่วยเหลือ


    ทันทีที่เปิดประตูออกไป กลิ่นของซุปมันฝรั่งและลีกก็ลอยมาแตะจมูก ตามด้วยกลิ่นของขนมปังที่เพิ่งนำออกจากเตา


    “อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อน” เบอร์แทรมโผล่หน้าออกมาจากห้องครัว มือหนึ่งยังสวมถุงมือกันร้อนอยู่ด้วย 


    “ไม่เป็นไร” รัสเซลล์บอก “ไม่ดีกว่า...” 


    “อย่าเพิ่งปฏิเสธ ผมคิดว่าคุณควรรองท้องด้วยอะไรเบา ๆ ก่อนกลับบ้าน จะได้ไม่หน้ามืดไปอีก” 


    “แต่ว่า...”


    “ถ้ามืดแล้ว ผมจะเดินไปส่ง บ้านเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง” เบอร์แทรมบอก “ถึงจะยังไม่เต็มดวง แต่เดินไปดูพระจันทร์ไปก็ไม่เลวเหมือนกัน”


    “นั่นคือสิ่งที่ผมไม่ชอบ...” รัสเซลล์เอ่ยเสียงแผ่ว “มันฟังดูงี่เง่า โดยเฉพาะกับคนที่เป็นตำรวจอย่างผม แต่ผมไม่ชอบพระจันทร์ ไม่ชอบเวลาที่พระจันทร์เต็มดวง หรือช่วงเวลาที่แสงจันทร์สว่างเป็นพิเศษ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกที่จะทำงานใหญ่ในเมืองแทนที่จะเป็นเมืองเล็กหรือชนบท” 


    “Selenophobia หรือครับ” คิ้วของเจ้าของร้านหนังสือเลิกขึ้นสูง น้ำเสียงของเขาแสดงความสนใจมากกว่าขบขันหรือคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งแปลกประหลาด “ผมหมายถึงโรคกลัวพระจันทร์” 


    ตำรวจหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ผมไม่ค่อยสบายใจ อึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเวลาเห็นพระจันทร์ มีคนแซวผมว่า ผมเหมือนมนุษย์หมาป่า”


    “อาจเพราะคุณผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงมาก็ได้ คุณถึงรู้สึกไม่ดีกับมัน” มือของเบอร์แทรมเอื้อมออกมาจับบ่าของเขาแล้วบีบเบา ๆ “ความกลัวของคนเราต่างกัน ความกลัวของคุณไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอก รัสเซลล์” 


    “ขอบคุณ เบอร์แทรม” เขารู้สึกว่าตัวเองยิ้มได้ง่ายขึ้น และตอนนี้ เขาก็กำลังยิ้มให้กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาอีก


    “คุณจะไม่อยู่กินอาหารเย็นกับผมจริง ๆ เหรอ” เจ้าของร้านหนังสือเก่าถามย้ำอีกครั้ง 


    “คือ... ผม...”


    “ผมไม่ได้กดดันให้คุณต้องอยู่หรอกนะ แต่ผมอยากให้คุณรอผมแป๊บนึง ผมจะแบ่งซุป ขนมปัง แล้วก็เนื้ออบกับผักให้คุณกลับไปกินที่บ้าน” 


    ความใจดีและความกระตือรือร้นที่จะให้ของเบอร์แทรมทำให้รัสเซลล์ปฏิเสธไม่ออก “มันไม่มากไปหน่อยเหรอครับ ปกติ ผมไม่ใช่คนกินอะไรเยอะเท่าไหร่”


    “นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณหน้ามืดวันนี้ก็ได้ รัสเซลล์” อีกฝ่ายแย้ง และสิ่งที่กล่าวตามมาก็จี้ใจดำของเขาราวกับลูกดอกที่ปาเข้าเป้าตรงกลางติด ๆ กันทุกดอก “อาชีพตำรวจสืบสวนอย่างคุณกิน นอนไม่เป็นเวลา โดยเฉพาะเรื่องกิน ผมเดาว่าคุณคงไม่ได้กินอาหารที่เป็นมื้อจริงจังสักเท่าไหร่ แล้วยิ่งเมื่อคุณเสียเลือดมากเพราะได้รับบาดเจ็บ คุณยิ่งควรกินอาหารที่มีคุณค่าให้มากขึ้นเพื่อฟื้นฟูร่างกาย”


    มีอะไรบางอย่างในคำพูดนั้นที่เขาสะดุดใจ


    “ผมเล่าให้คุณฟังด้วยเหรอว่า ผมได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล” 


    “เปล่า” ชายเจ้าของบ้านส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม กิริยาท่าทีสงบนิ่งไม่มีพิรุธ ไม่มีอาการตกใจกับการถูกถามเหมือนจับผิด “คุณแค่เล่าว่าคุณป่วยและขอลาพักผ่อนจากงานสืบสวน แต่คุณอย่าลืมสิว่า คนอังกฤษอย่างเราน่ะ หูไวกับเสียงนินทาและข่าวลือต่าง ๆ มากแค่ไหน บังเอิญตอนที่คุณมาที่นี่ใหม่ ๆ มีใครบางคนจำคุณได้จากข่าวอาชญากรรมในหนังสือพิมพ์” 


    “อา... ผมไม่รู้จะพูดว่ายังไงดีเลยทีนี้” 


    นั่นคือเหตุผลหลักที่เขาตัดสินใจลาพักมาอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากลอนดอนแทบจะครึ่งประเทศ
    “ไม่ต้องกังวลไป ไม่มีใครกล้ารบกวนคุณหรอก ตราบใดที่ยังอยู่ที่นี่” 


    เป็นคำพูดที่ฟังดูมั่นอกมั่นใจจนคนฟังอดยิ้มไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน คำพูดนั้นฟังดูเหมือนสัญญาว่าจะดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตราบที่เขายังคงอยู่ที่นี่ 


    “คุณนั่งรอผมสักเดี๋ยวนะ” เบอร์แทรมเอ่ย และในที่สุด รัสเซลล์ก็ยอมทำตามโดยไม่มีข้อขัดแย้ง


    ความว่าง่ายนี้เป็นเรื่องดี... เพราะยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ เขาก็จะสามารถปกป้องอีกฝ่ายจาก ‘บางสิ่ง’ ได้ง่ายยิ่งขึ้น 



    To be continued >>> Fire 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
salmonrism (@salmonrism)
เหมือนรัสเซลล์มีคนดูแลไปอีกคนเลยค่ะตอนนี้ เป็นคนป่วยที่น่าตีแท้ๆ
piyarak_s (@piyarak_s)
@salmonrism ตอนนี้คนป่วยเริ่มว่าง่ายละค่ะ 555
salmonrism (@salmonrism)
@piyarak_s จริงเลยค่ะ น่ารักเชียว?
ยย.เองจ้า (@two64okeydokey)
ยังไม่ทันได้จิบซุป แต่รู้สึกถึงมันไปแล้วค่ะ ดีจริงๆเลยนา
piyarak_s (@piyarak_s)
@two64okeydokey ถ้าได้จิบซุปด้วย นอกจากอุ่นแล้ว ก็จะอิ่มด้วยนะคะ XD
mkamaboko (@mkamaboko)
น่ารักมากเลยค่ะะะะ แบบน่ารักๆๆๆๆ ร้องไห้แล้ว น่ารักจัง
piyarak_s (@piyarak_s)
@mkamaboko แง ขอบคุณค่ะะะะ
bullettransth (@bullettransth)
ดูแลดีอย่างนี้อีกหน่อยอาจจะไม่ได้อยู่แค่ข้างบ้านกันแล้วมั้งคะ ///-///
piyarak_s (@piyarak_s)
@bullettransth รอดูความคืบหน้าในอนาคตได้เลยค่ะ XD
smile515903 (@smile515903)
ยิ่งอ่านก็ยิ่งน่ารักค่ะ ;-;
ทำไมคุณเจ้าของร้านหนังสือเขาช่างอบอุ่น อ่อนโยนแบบนี้ค่ะ /ใจเหลว
piyarak_s (@piyarak_s)
@smile515903 แง ขอบคุณที่ชอบคุณเจ้าของร้านหนังสือค่ะะะ เขาเป็นคนนุ่มฟูแบบแพนเค้ก ><