หลายชั่วโมงทีเดียวที่รัสเซลล์หลับไปก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแสงสุดท้ายจวนลับขอบฟ้า การได้พักผ่อนใต้ผ้าห่มอุ่นและบนเตียงที่แสนสบายทำให้ความมึนงงและอ่อนล้าจางหายไป ภายใต้แสงสว่างที่ยังหลงเหลือและลอดผ่านกระจกหน้าต่างสองชั้นแบบกันลมและกันความหนาว เขาเพิ่งเห็นห้องนอนของเจ้าของบ้านเป็นครั้งแรก เห็นเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองที่แขวนอยู่อย่างเรียบร้อยบนไม้แขวนที่คล้องกับตะขอบนผนัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นนั้นคือความรู้สึกที่สมกับเป็นบ้านที่คนอาศัยอยู่ ไม่เหมือนสถานที่ที่มีไว้เพียงแค่สำหรับกินอาหาร เปลี่ยนเสื้อผ้า และหลับนอนก่อนที่จะลุกขึ้นไปเผชิญกับเรื่องเฮงซวยสารพัดอย่างที่ประดังเข้ามาอย่างไม่ขาดสายเหมือนเช่นอพาร์ตเม้นท์ของเขา
เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู และพบว่าเขายึดเตียงนอนของเจ้าของบ้านมาจนถึงเวลาเกือบหกโมงเย็น
ควรกลับได้แล้ว เขาไม่ควรรบกวนเวลาของอีกฝ่ายให้มากเกินไปกว่านี้
ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นช้า ๆ นั่งอยู่พักหนึ่งจนแน่ใจว่าตัวเองไม่มีอาการหน้ามืด จึงค่อยหย่อนขาทั้งสองลงข้างเตียงแล้วยืนขึ้น พยายามเก็บผ้าห่มและที่นอนที่ตัวเองใช้ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ สวมรองเท้า หยิบเสื้อแจ็คเก็บลงมาจากที่แขวน และเปิดประตูออกไปจากห้อง เพื่อกล่าวขอบคุณเจ้าของบ้านที่ให้ความช่วยเหลือ
ทันทีที่เปิดประตูออกไป กลิ่นของซุปมันฝรั่งและลีกก็ลอยมาแตะจมูก ตามด้วยกลิ่นของขนมปังที่เพิ่งนำออกจากเตา
“อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อน” เบอร์แทรมโผล่หน้าออกมาจากห้องครัว มือหนึ่งยังสวมถุงมือกันร้อนอยู่ด้วย
“ไม่เป็นไร” รัสเซลล์บอก “ไม่ดีกว่า...”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธ ผมคิดว่าคุณควรรองท้องด้วยอะไรเบา ๆ ก่อนกลับบ้าน จะได้ไม่หน้ามืดไปอีก”
“ถ้ามืดแล้ว ผมจะเดินไปส่ง บ้านเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง” เบอร์แทรมบอก “ถึงจะยังไม่เต็มดวง แต่เดินไปดูพระจันทร์ไปก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“นั่นคือสิ่งที่ผมไม่ชอบ...” รัสเซลล์เอ่ยเสียงแผ่ว “มันฟังดูงี่เง่า โดยเฉพาะกับคนที่เป็นตำรวจอย่างผม แต่ผมไม่ชอบพระจันทร์ ไม่ชอบเวลาที่พระจันทร์เต็มดวง หรือช่วงเวลาที่แสงจันทร์สว่างเป็นพิเศษ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกที่จะทำงานใหญ่ในเมืองแทนที่จะเป็นเมืองเล็กหรือชนบท”
“Selenophobia หรือครับ” คิ้วของเจ้าของร้านหนังสือเลิกขึ้นสูง น้ำเสียงของเขาแสดงความสนใจมากกว่าขบขันหรือคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งแปลกประหลาด “ผมหมายถึงโรคกลัวพระจันทร์”
ตำรวจหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ผมไม่ค่อยสบายใจ อึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเวลาเห็นพระจันทร์ มีคนแซวผมว่า ผมเหมือนมนุษย์หมาป่า”
“อาจเพราะคุณผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงมาก็ได้ คุณถึงรู้สึกไม่ดีกับมัน” มือของเบอร์แทรมเอื้อมออกมาจับบ่าของเขาแล้วบีบเบา ๆ “ความกลัวของคนเราต่างกัน ความกลัวของคุณไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอก รัสเซลล์”
“ขอบคุณ เบอร์แทรม” เขารู้สึกว่าตัวเองยิ้มได้ง่ายขึ้น และตอนนี้ เขาก็กำลังยิ้มให้กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาอีก
“คุณจะไม่อยู่กินอาหารเย็นกับผมจริง ๆ เหรอ” เจ้าของร้านหนังสือเก่าถามย้ำอีกครั้ง
“ผมไม่ได้กดดันให้คุณต้องอยู่หรอกนะ แต่ผมอยากให้คุณรอผมแป๊บนึง ผมจะแบ่งซุป ขนมปัง แล้วก็เนื้ออบกับผักให้คุณกลับไปกินที่บ้าน”
ความใจดีและความกระตือรือร้นที่จะให้ของเบอร์แทรมทำให้รัสเซลล์ปฏิเสธไม่ออก “มันไม่มากไปหน่อยเหรอครับ ปกติ ผมไม่ใช่คนกินอะไรเยอะเท่าไหร่”
“นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณหน้ามืดวันนี้ก็ได้ รัสเซลล์” อีกฝ่ายแย้ง และสิ่งที่กล่าวตามมาก็จี้ใจดำของเขาราวกับลูกดอกที่ปาเข้าเป้าตรงกลางติด ๆ กันทุกดอก “อาชีพตำรวจสืบสวนอย่างคุณกิน นอนไม่เป็นเวลา โดยเฉพาะเรื่องกิน ผมเดาว่าคุณคงไม่ได้กินอาหารที่เป็นมื้อจริงจังสักเท่าไหร่ แล้วยิ่งเมื่อคุณเสียเลือดมากเพราะได้รับบาดเจ็บ คุณยิ่งควรกินอาหารที่มีคุณค่าให้มากขึ้นเพื่อฟื้นฟูร่างกาย”
มีอะไรบางอย่างในคำพูดนั้นที่เขาสะดุดใจ
“ผมเล่าให้คุณฟังด้วยเหรอว่า ผมได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล”
“เปล่า” ชายเจ้าของบ้านส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม กิริยาท่าทีสงบนิ่งไม่มีพิรุธ ไม่มีอาการตกใจกับการถูกถามเหมือนจับผิด “คุณแค่เล่าว่าคุณป่วยและขอลาพักผ่อนจากงานสืบสวน แต่คุณอย่าลืมสิว่า คนอังกฤษอย่างเราน่ะ หูไวกับเสียงนินทาและข่าวลือต่าง ๆ มากแค่ไหน บังเอิญตอนที่คุณมาที่นี่ใหม่ ๆ มีใครบางคนจำคุณได้จากข่าวอาชญากรรมในหนังสือพิมพ์”
“อา... ผมไม่รู้จะพูดว่ายังไงดีเลยทีนี้”
นั่นคือเหตุผลหลักที่เขาตัดสินใจลาพักมาอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากลอนดอนแทบจะครึ่งประเทศ
“ไม่ต้องกังวลไป ไม่มีใครกล้ารบกวนคุณหรอก ตราบใดที่ยังอยู่ที่นี่”
เป็นคำพูดที่ฟังดูมั่นอกมั่นใจจนคนฟังอดยิ้มไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน คำพูดนั้นฟังดูเหมือนสัญญาว่าจะดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตราบที่เขายังคงอยู่ที่นี่
“คุณนั่งรอผมสักเดี๋ยวนะ” เบอร์แทรมเอ่ย และในที่สุด รัสเซลล์ก็ยอมทำตามโดยไม่มีข้อขัดแย้ง
ความว่าง่ายนี้เป็นเรื่องดี... เพราะยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ เขาก็จะสามารถปกป้องอีกฝ่ายจาก ‘บางสิ่ง’ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
To be continued >>> Fire
ทำไมคุณเจ้าของร้านหนังสือเขาช่างอบอุ่น อ่อนโยนแบบนี้ค่ะ /ใจเหลว