รัสเซลล์ โธมัสแน่ใจว่า เพิ่งรู้จักกับเบอร์แทรม เคลลีย์ เจ้าของร้านหนังสือมือสองและหนังสือเก่าสำหรับสะสมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ในเวลานี้ เขาพบว่าผู้ชายคนนั้นกำลังนั่งมองเขาอยู่ ในขณะที่เขากำลังนอนอยู่บนเตียงใต้ผ้าห่มควิลท์ผืนใหม่เอี่ยมที่ทั้งอุ่นทั้งนุ่ม และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้อยู่ในบ้านของตัวเอง
“คุณฟื้นแล้ว” ชายหนุ่มกล่าว
หมายความว่า เขาหมดสติไประหว่างที่สนทนากับอีกฝ่ายขณะเดินกลับไปยังที่พักอย่างนั้นหรือ
“อย่าเพิ่งลุก คุณควรนอนต่อ” เคลลีย์จับไหล่ของเขาและผลักเบา ๆ ให้เอนหลังกลับลงไปนอนเหมือนเดิม “คุณหน้ามืดระหว่างเดินกลับบ้าน เล็บกับปากคุณซีด มือเท้าเย็นมาก”
“ยังดีที่คุณไม่พูดว่า ผมตื่นเต้นกับข่าวดีของตัวเองจนเป็นลม”
เคลลีย์หัวเราะ และเอื้อมมือไปดึงชายผ้าห่มควิลท์ให้คลุมเท้าของเขาที่โผล่ออกมาจากปลายผืนผ้าห่ม
“คุณตัวสูงเกินไปหรือไม่ผ้าห่มของผมก็สั้นไปหน่อย”
เขารู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนขึ้นมานิดหน่อย เมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าและรอยยิ้มกระจ่างของอีกฝ่าย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้นมากเท่ากับความเอาใจใส่ของคนตรงหน้า ทั้งที่เขาเป็นคนแปลกหน้าที่รู้จักกันอย่างผิวเผิน แม้จะเรียกได้ว่าเป็นคนข้างบ้านกันก็ตาม แต่ทว่าเขาไม่ใช่เพื่อนบ้านที่ดีเลย เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาจมจ่อมอยู่กับความอึดอัดขัดข้องและอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเอง
คำถามของเคลลีย์ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ และเพิ่งรู้ตัวว่า เขากำลังเหม่อมองมือของอีกฝ่ายที่วางอยู่เหนือผ้าห่มที่คลุมเท้าของเขาเอาไว้ สัมผัสที่ส่งผ่านผ้าห่มที่เย็บขึ้นจากผ้าสีต่าง ๆ ด้นเป็นลายตารางเต็มผืนอย่างประณีตเป็นความอบอุ่นในแบบที่เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าเคยสัมผัส
“ผม...” เหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ “ผมอดนึกถึงตอนเป็นเด็กไม่ได้...”
“ทำไมหรือครับ” เสียงของชายเจ้าของร้านหนังสือเก่านุ่มนวล แม้ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เล่า แต่บางอย่างที่อยู่ในน้ำเสียงนั้นกลับกระตุ้นให้เขาอยากเปิดใจในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะพูดกับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนได้อย่างประหลาด
“ผมเคยกลัวมาก ๆ ถ้าตื่นมาเจอว่า ผ้าห่มไม่คลุมเท้า” เขาพูดออกมาแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “มันเป็นความกลัวแบบเด็ก ๆ กลัวว่าถ้าเท้าโผล่ออกมาจากผ้าห่มแล้วจะมีปีศาจหรือตัวอะไรน่ากลัวมาจับเท้า แต่คงเป็นเพราะเท้าเย็นมากกว่า เลยรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรมาจับ”
เป็นเรื่องน่าตลก เป็นเรื่องจริงจังของเด็ก ในขณะที่เป็นเรื่องไร้สาระเหลือเกินสำหรับผู้ใหญ่
“ผมก็เคยรู้สึกแบบนั้นนะ” เคลลีย์บอก “แม่เคยบอกผมว่า ให้ซ่อนเท้าไว้ในผ้าห่มให้ดี ๆ จะได้ปลอดภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็นและโชคร้ายทั้งหลายจะได้ไม่มาเยือน”
รัสเซลล์อดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ “ผู้ใหญ่หลอกให้เรากลัวจะได้ไม่เป็นหวัด เพราะห่มผ้าไม่เรียบร้อยมากกว่า”
เคลลีย์ยิ้มให้เขา “คุณควรจะนอนพักต่ออีกสักหน่อย ผมจะไปอุ่นซุปมันฝรั่งกับลีกมาให้”
“ไม่ต้องก็ได้ แค่คุณพาผมจากในป่ามาถึงบ้านก็รบกวนคุณจะแย่อยู่แล้ว” เขารีบลุกขึ้นปฏิเสธ แต่ผลที่ได้รับกลับมาคือ หน้ามืดจนศีรษะแทบจะคะมำไปข้างหน้า “แย่ชะมัด ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก คุณโธมัส เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง พักให้สบายเถอะ”
ชายเจ้าของบ้านประคองเขาให้ค่อย ๆ เอนหลังลงนอน ความมั่นคงของมือทั้งสองและกำลังแขนของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกว่า แม้ชายหนุ่มผู้นี้จะไม่ใช่คนตัวใหญ่มากนัก แต่ก็แข็งแรงอย่างน่าทึ่ง ถึงอย่างนั้นก็น่าประหลาดใจอยู่ดีที่อีกฝ่ายสามารถพาเขามาถึงที่นี่ได้ราวกับไม่มีอุปสรรคอันใดเลยแม้แต่นิดเดียว
“รัสเซลล์... เรียกผมว่ารัสเซลล์ก็ได้” เขาบอก
“เบอร์แทรม” เจ้าของบ้านบอก “ผมไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกผมว่าเบิร์ทเท่าไหร่”
“ได้ ขอบคุณมาก เบอร์แทรม” เขายิ้มให้ ในขณะที่อีกฝ่ายยิ้มตอบ และขอตัวออกไปจากห้อง
รัสเซลล์มองตามแผ่นหลังของเบอร์แทรมจนลับหายไปจากประตู ระบายลมหายใจยาว และหลับตาลงอีกครั้ง
ความอบอุ่นของผ้าห่มควิลท์ผืนใหญ่ที่นุ่มสบายทำให้เขาผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาสามารถหลับตาลงได้สนิททั้งที่ไม่ได้กินยานอนหลับหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาสามารถนอนหลับได้ยาวนานมากพอที่จะไม่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหงุดหงิดและมึนงงไปตลอดทั้งวัน
เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้ฝันร้าย และฝันนั้นดีงามเกินกว่าจะเป็นความฝันด้วยซ้ำไป...
---------------------------------------
“นั่นเป็นควิลท์ผืนใหม่เอี่ยมที่คัสซานดร้าส่งมาให้เชียวนะ”
“แล้วไงล่ะครับ” เบอร์แทรม เคลลีย์ตอบกลับไปยังเจ้าของเสียงที่ปราศจากร่างกาย
‘พวกเขา’ วนเวียนอยู่ในสตูดิโอสำหรับซ่อมและทำหนังสือที่แยกออกไปด้านหลังของบ้าน ‘คน’ เหล่านี้ไม่มีอันตราย ไม่สร้างความรำคาญ แต่ในบางครั้ง ก็ช่างซักช่างสังเกตตามประสาพวกว่างงานและไม่ต้องทำงานอีกต่อไปมากเกินไปหน่อย
“ผู้ชายคนนั้นสมควรได้รับมันนะ เธอทำถูกแล้ว เบอร์แทรม” เสียงของสุภาพสตรีอีกคนหนึ่งดังมาจากชั้นหนังสือเก่าสำหรับสะสมทางตะวันตกของห้อง “เขาดูไม่มีความสุขและดูอ่อนแอมาก”
เธอพูดถูก... รัสเซลล์ โธมัสอ่อนแอทั้งด้านจิตใจและร่างกาย ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีเลย และนั่นคือเหตุผลที่เขาตัดสินใจยกผ้าห่มควิลท์ผืนใหม่เอี่ยมที่ญาติสาวของเขาส่งมาให้จากเคมบริดจ์ให้อีกฝ่ายหนึ่งใช้ห่มนอน
พลังของความตั้งใจดีที่แฝงอยู่ในทุกฝีเข็มที่เย็บด้นด้วยมือลงไปบนผืนผ้าที่ซ้อนกันสามชั้นจะช่วยเยียวยาความทุกข์และความป่วยไข้ของคนที่ได้ห่ม และถ้าหากคนคนนั้นได้หลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่มควิลท์เป็นครั้งแรกและฝันไป ความฝันนั้น ไม่เพียงเป็นความฝันที่ดี แต่จะเป็นความฝันที่จะเป็นจริงในอนาคต
“เขาจะได้แต่งงานภายในหนึ่งปีข้างหน้าด้วยหรือเปล่า คนที่ได้ห่มผ้าควิลท์ผืนใหม่จะได้แต่งงานภายในหนึ่งปีข้างหน้าด้วย” อีกเสียงหนึ่งลอยมาในอากาศพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักตามมาอีกหลายเสียง
แต่แล้วเสียงเหล่านั้นก็เงียบลง เมื่อชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ ออกมา
“มีเรื่องอะไรน่าหนักใจเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอย่างนั้นหรือ คุณเคลลีย์”
“มีบางอย่างที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้ และดูเหมือนว่าบางสิ่งที่ที่ว่าจะตามหาเขาจนเจอแล้ว”
“เธอรับมือกับสิ่งนั้นได้ใช่ไหม เพราะเธอเป็น...”
เขาโบกมือห้าม ก่อนที่เสียงจากร่างโปร่งแสงนั้นจะทันได้กล่าวให้จบประโยค
To be continued >>> Day 3 : Moonlight
ผ้าห่มควิลท์นั่นคงจะทั้งหนาทั้งอุ่น ตอนนอนคงไม่ต่างอะไรจากมีคนมากอด
ขอให้คนอ่อนแอกลับมาแข็งแรงไวๆ ค่ะ