“กี่วันแล้วนะ ที่คุณลาเพื่อพักฟื้น” มาเรียถาม ขณะที่นั่งอยู่กับรัสเซลล์ที่รอเบอร์แทรมเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่แพทย์อนุมัติให้กลับบ้านได้
เธอขับรถตรงจากลอนดอนมาถึงนอร์ทธัมเบรียแบบไม่หยุดพักพร้อมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของสก็อตแลนยาร์ด และทันทีที่เสร็จงาน เธอก็ตรงมาหาพวกเขาถึงโรงพยาบาล เธอดูโล่งใจที่เขาอยู่ในสภาพไม่มีรอยขีดข่วนและถามถึงเบอร์แทรมซึ่งอยู่กับเขาในเวลาที่แอดดิงตันบุกเข้ามาถึงบ้านพอดี
“สัปดาห์กว่า ๆ แล้ว” รัสเซลล์ตอบ “ทำไมเหรอครับ”
“ตอนแรกฉันคิดว่าคุณคงจะเบื่อแย่ที่ต้องถูกสั่งให้หยุดทำงาน และอยากหาทางกลับลอนดอนแทบแย่” เธอยกขาขึ้นไขว่ห้าง หยิบกระเป๋าถือขึ้นมาวางบนตักแล้วค้นหาอะไรไปด้วย “แต่ตอนนี้ ฉันคิดว่าคุณคงคิดหนักที่จะกลับลอนดอนมากกว่า”
ถึงอยากจะแย้งว่าไม่มีอะไร แต่เขาก็ยอมรับว่าคำพูดของเธอถูกต้อง เขาจริงจังกับเบอร์แทรมและอยากให้ความสัมพันธ์ที่เริ่มก่อตัวนี้ดำเนินต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งที่ต้องวัดใจกันในเวลาต่อมา คือ การรักษาความสัมพันธ์ระยะไกลในระยะเริ่มต้นเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถ้านับถอยหลัง เวลาที่เขาจะได้ใช้เพื่ออยู่กับชายหนุ่มข้างบ้านที่เขายอมเปิดใจให้เข้ามาในชีวิตก็เหลืออีกเพียงแค่สองสัปดาห์เท่านั้น
“คุณพูดถูก มาเรีย แต่ยังไง เราก็ต้องพยายามหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องของเราให้ได้”
“การใช้คำว่า ‘เรา’ เป็นสัญญาณที่ดี รัสเซลล์” เธอยิ้ม หยิบถุงใส่คาราเมลฟัดจ์ แกะคลิปหนีบกระดาษที่ใช้ปิดปากถุงออกส่งให้เขา “หยิบไปชิ้นหนึ่ง เธอต้องการน้ำตาลที่ดีสำหรับการใช้ความคิดและการตัดสินใจ”
ถึงจะดูเป็นคนแนวรักสุขภาพและสามารถลงแข่งไตรกีฬาได้สบาย แต่เธอก็เป็นคนรักขนมหวานและพกขนมติดตัวเพื่อให้สามารถหยิบออกมากินได้ในเวลาที่ต้องใช้ความคิดได้ตลอดเวลา ถึงจะยังไม่รู้สึกหิวมากนักและอยากได้กาแฟมากกว่า แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเธอ และหยิบเอาคาราเมลฟัดจ์ชิ้นขนาดพอคำออกมาเล็มทีละน้อย มาเรียเองก็ทำเช่นเดียวกัน ถ้าหากคนในแผนก โดยเฉพาะเจนนิเฟอร์ คู่หูของเขามาเห็นเข้า คงหัวเราะท้องแข็งที่เห็นหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานที่แสนจะจริงจังนั่งแทะขนมพลางปรึกษากันเรื่องความรัก
“ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไงกัน มาเรีย” เขาถาม
เธอหันมาหาเขาพร้อมยิ้มขัน ๆ “ถามคนโสดตลอดกาลที่ใส่แหวนแต่งงานเพราะกลัวคนมาจีบอย่างฉันเนี่ยนะ”
“คนที่ยืนอยู่ไกลกว่าย่อมเห็นภาพรวมมากกว่าคนที่อยู่ใกล้นี่ครับ”
มาเรียส่ายหน้าแล้วหัวเราะ ก่อนตอบคำถามของเขาด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่จริงจัง “ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะใช้เวลาสองอาทิตย์ที่มีอยู่กับเขาให้เต็มที่ แล้วพวกคุณก็จะได้คำตอบเองว่า เมื่อถึงเวลาที่จะต้องแยกจากกันแล้ว พวกคุณยังจะคิดถึงกันและอยากติดต่อกันอยู่อีกหรือเปล่า”
“คุณไม่คิดว่าเรื่องของเราเร็วเกินไปใช่ไหม”
เธอยักไหล่นิดหนึ่ง และส่งฟัดจ์ชิ้นที่สองเข้าปาก และยื่นถุงให้เขาหยิบขนมไปอีกชิ้นหนึ่ง “จะเร็วจะช้าไม่สำคัญเท่ากับการรักษาเอาไว้ให้นานที่สุดหรอก”
“ขอบคุณนิยายรักที่ฉันอ่านมาตั้งแต่เป็นสาวจนถึงตอนนี้ดีกว่า” เธอว่า “แต่ฉันดีใจที่คุณดูมีความสุขมากขึ้นนะ รัสเซลล์ และคนที่ทำให้คุณยิ้มได้มากขนาดนี้เป็นคนที่คุณควรรักษาเอาไว้ให้ดี”
“แล้วเรื่องแอดดิงตัน คุณจะทำไงต่อ” เขาเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน และทำให้เธออมยิ้ม เพราะมองออกว่าเขาเริ่มเขิน
“รอให้เขาฟื้นก่อน ค่อยตัดสินใจ” ผู้บังคับบัญชาของเขาตอบ “แต่ก็น่าแปลกนะ ที่อยู่ดี ๆ แอดดิงตันก็หมดแรงไปดื้อ ๆ แถมเพ้อระหว่างหมดสติอยู่ตลอดเวลาด้วย คุณแน่ใจนะว่า ไม่ได้ทำอะไรเขาหรือไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาจริง ๆ”
รัสเซลล์สั่นศีรษะแทนคำตอบว่า ไม่มีอะไร “เป็นอย่างที่ผมเล่านั่นละ ไว้คุณลองถามเบอร์แทรมดูก็ได้”
เขารู้ว่านั่นเป็นการโกหกคำโต แต่การบอกความจริงว่า แอดดิงตันถูกวิญญาณของคนที่เขาเคยฆ่ารุมล้อมจนหวาดกลัวสุดขีดถึงขนาดหมดสติไปฟังดูเหมือนเรื่องโกหกมากกว่าเรื่องจริงเสียอีก
“คุณแน่ใจนะว่า เขาไม่ได้โดนวิญญาณหลอนหรือคำสาปอะไรสักอย่าง”
“ฉันล้อเล่นน่ะ” มาเรียหัวเราะ เก็บขนมเข้ากระเป๋า และพยักเพยิดไปทางหนึ่ง “คนที่คุณพูดถึงมาแล้ว”
เมื่อหันไปตามที่เธอบอก เขาก็เห็นเบอร์แทรมเดินตรงเข้ามาหาพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส แม้จะยังดูอิดโรยอยู่บ้าง เพราะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ก็ถือว่าอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดี คุณเคลลีย์ ฉันคือมาเรีย เอ็ดเวิร์ดส์ จากหน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรม แผนกฆาตกรรมและลักทรัพย์ค่ะ” มาเรียลุกขึ้นและยื่นมือให้เบอร์แทรมจับ น้ำเสียงของเธอฟังดูเป็นมิตรราวกับคุ้นเคยกับอีกฝ่ายมาพอสมควร “ฉันเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านของคุณด้วย”
“เบอร์แทรมก็ได้ครับ” เจ้าของร้านหนังสือบอก “ผมเสียใจกับทางตำรวจด้วยที่เสียคนไป พวกเขาเป็นคนน่ารักมาก”
เธอยิ้มให้เขา “ขอบคุณค่ะ แต่ทางเราคงจะต้องสร้างความลำบากให้คุณหน่อย ทั้งเรื่องที่จะต้องขอให้คุณให้ปากคำ และเรื่องที่ทำให้คุณอยู่ในบ้านของตัวเองไม่ได้สักสองสามวัน”
“เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ” เบอร์แทรมยิ้มเจื่อน ที่จริงมีเรื่องที่เขาอยากดูให้แน่ใจอย่างสวัสดิภาพของสมาชิกไร้ร่างที่อยู่ในเวิร์กช็อปซ่อมหนังสือ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้ว “โชคดีที่รัสเซลล์เสนอให้ผมไปพักอยู่ที่บ้านเช่าของเขาที่อยู่ติดกันได้สักพัก”
มาเรียเหลือบตามองเพื่อนร่วมงานแวบหนึ่ง สายตาของเธอพูดชัดทีเดียวว่า ‘ร้ายนะ นาย’ ส่วนรัสเซลล์สบตาตอบได้แวบหนึ่งก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น
“ฉันขอตัวไปทำงานก่อน ส่วนรัสเซลล์ คุณหยุดพักอีกหนึ่งวัน ช่วยเบอร์แทรมจัดการเรื่องที่พักกับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ถ้าจะเข้าไปเก็บของที่บ้านออกมา ก็อย่าลืมแจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่กำลังทำงานอยู่ด้วยนะ”
มาเรีย เอ็ดเวิร์ดส์กล่าวลาพวกเขาและผละไป ส่วนรัสเซลล์กับเบอร์แทรมเดินออกจากโรงพยาบาลทางอีกประตูหนึ่งที่ใกล้กับรถที่รัสเซลล์จอดเอาไว้และใกล้กับโรงพยาบาลมากกว่าเพื่อที่เบอร์แทรมจะได้ไม่เดินจนเหนื่อยเกินไป
“เจ้านายคุณน่ารักดี ผมชอบเธอ” เบอร์แทรมบอกขณะเดินไปกับคนที่มารับ
รัสเซลล์พยักหน้า “คนอื่นมองว่าเธอเป็นแม่มด แต่ผมคิดว่าเธอเป็นเจ้านายที่ดีทีเดียวละ”
“แม่มดที่ดีก็มีนะ” คนข้างตัวของเขาหัวเราะเบา ๆ
“เหมือนที่คุณเป็นพ่อมดที่ดีใช่ไหม” นายตำรวจหนุ่มโอบบ่าของเจ้าของร้านหนังสือเลิกคิ้วน้อย ๆ เป็นเชิงถาม อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มให้และโอบเอวเขาขณะเดินไปด้วยกัน
“คุณอยากไปซื้อเสื้อผ้าหรือของใช้อะไรสักนิดไหม เราจะได้แวะร้านสะดวกซื้อในเมือง” เขาถาม
“ดีเหมือนกัน แต่เรื่องเสื้อผ้าของผม ยังไงก็คงต้องกลับไปเก็บที่บ้านหรือไม่อย่างงั้นก็ต้องซื้อใหม่”
“ถ้าคุณไม่คิดจะไปไหน คุณยืมเสื้อผ้าของผมใส่ไปก่อนก็ได้ ถึงมันจะใหญ่ไปหน่อยก็เถอะ”
“เสื้อผ้าก็พอไหว แต่ถึงยังไงผมก็ต้องมีกางเกงในที่ใหม่และสะอาดและพอดีตัวใช้นะ รัสเซลล์”
คำประท้วงนั้นของเบอร์แทรมทำให้คนฟังหัวเราะพรืด ในขณะที่คนพูดก็หัวเราะตามไปด้วย
ถึงบรรยากาศและหัวข้อเรื่องจะไม่ค่อยส่งเสริมให้เกิดอารมณ์โรแมนติกสักเท่าไหร่ แต่ในเสี้ยวนาทีที่สบตากัน พวกเขาต่างรู้สึกว่าพวกเขาควรทำสิ่งนี้
รัสเซลล์รวบตัวของเบอร์แทรมมากอด ก่อนจูบเขาที่ริมฝีปาก ในขณะที่ฝ่ายหลังโอบแขนรอบคอเขาและรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ มีแวบหนึ่งที่รัสเซลล์คิดว่าอีกฝ่ายทำจมูกฟุดฟิดก่อนที่จะจูบเขาตอบอย่างจริงจังอีกครั้ง
“จูบของคุณมีรสชาติเหมือนขนม” เจ้าของร้านหนังสือตั้งข้อสังเกต เมื่อผละจากกัน “เหมือนคาราเมล”
แน่นอนละ คาราเมลฟัดจ์สองชิ้นที่มาเรียแบ่งกึ่งบังคับให้เขากิน
เบอร์แทรมไม่ตอบ หัวเราะเบา ๆ จูบเขาที่มุมปากซ้ำอีกรอบหนึ่ง ก่อนเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งข้างใน
รัสเซลล์มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะเดินอ้อมรถไปประจำยังที่นั่งคนขับ แล้วขับรถออกไป
ถึงจะมาทีหลังไปนิด สายไปหน่อย แต่การมาของมาเรียก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาก
ทุกอย่างเลยจริง ๆ และแแน่นอน เขาหมายความรวมถึงคาราเมลฟัดจ์ของเธอพวกนั้นด้วย...
To be continued >>> Day 28 : Haunted/Paranormal
บางที นิยายก็ช่วยเราได้นะคะ ฮา
/จิบอเมริกาโน่ด้วยความอิจฉาตาร้อน
คุณมาเรียเท่มาก ขอบคุณนิยายรักที่อ่านมาตั้งแต่สาวๆ ด้วยคนค่ะ 55
ดีใจที่ชอบมาเรียนะคะ ><