มีดในมือของโจนาห์ แอดดิงตันเป็นประกายสะท้อนแสงจันทร์ที่สว่างขึ้น เลือดหยดรินลงมาจากใบมีดโลหะที่ใช้เป็นอาวุธสังหาร เขาก้าวข้ามศพของตำรวจ มุ่งตรงมายังชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่พยายามจะยันตัวลุกขึ้นและพยายามหาทางหนีที่ไล่เพื่อเอาชีวิตของตัวเองให้รอด
“คราวก่อน ฉันแทงแกไปแค่สองแผลใช่ไหม คราวนี้ ฉันจะไม่ทำพลาดอย่างที่เคยทำมาอีก”
เขาแสยะยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงกลืนน้ำลายและลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงด้วยความอึดอัดของนายตำรวจหนุ่ม
รัสเซลล์ โธมัสที่จู่โจมเขาอย่างไม่รู้จักคำว่าหวาดกลัวกำลังแสดงทีท่าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
ความกลัวในดวงตาของเหยื่อเป็นอาหารชั้นเลิศ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความอิ่มเอมทางจิตวิญญาณ และเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาละเว้นการทรมานเหยื่อก่อนสังหารไม่ได้
โจนาห์สืบเท้าเข้าหารัสเซลล์ ฝ่ายหลังรีบลุก แต่กลับสะดุดขาตัวเองจนเสียหลักหงายหลังล้มลงไปกับพื้น
แน่นอนที่สุด ไม่มีโอกาสดีไปกว่านี้อีกแล้ว
อาชญากรหลบหนีเงื้อมีด เตรียมพุ่งตัวเข้าใส่ตำรวจที่เคยทำให้เขาต้องถูกควบคุมตัว อยากฟังเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายจนแทบจะทนไม่ไหว
แต่เขากลับกลายเป็นฝ่ายที่ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อฝูงนกเรเวนที่ตามปกติแล้วไม่ใช่สัตว์หากินกลางคืนกรูลงมาจากเบื้องบนและกลุ้มรุมเขาจนต้องปัดป้องไม่ให้ถูกนกตัวใหญ่สีดำสนิทเหล่านี้โจมตี
จะงอยปากสีดำแหลมคมของพวกมันจิกเฉียดเข้าใกล้ดวงตาของเขาอย่างน่าหวาดเสียว เขาพยายามแกว่งมีดในมีฟาดฟันนกที่รุมล้อมแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล ไม่มีนกตัวไหนที่ล่าถอย ไม่มีนกตัวไหนที่เขาแทงถูกได้รับบาดเจ็บหรือตายลงเลยแม้แต่ตัวเดียว และยิ่งไปกว่านั้น แม้จะรู้สึกเจ็บปวด แต่ไม่มีร่องรอยบาดแผลปรากฏขึ้นบนร่างกายเลยแม้แต่น้อย
เขายืดตัวขึ้น โบกมือข้างที่ถือมีด ภาพนิมิตของฝูงนกเรเวนที่จู่โจมเหล่านั้นก็หายวับไป
“มายากลของแกหลอกฉันไม่ได้หรอก”
“ผมรู้ แต่อย่างน้อยก็ซื้อเวลาจากคุณได้”
เสียงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่นุ่มนวล กังวานขานตอบกลับมา และชายหนุ่มคนนั้นก็กำลังประคองร่างของรัสเซลล์ที่เสียหลักล้มไปก่อนหน้านี้ให้ลุกยืนขึ้นได้
“ดูเหมือนแกจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เหมือนพวกเศษสวะที่นอนตายอยู่ตรงนั้น” น้ำเสียงของโจนาห์แสดงความสนเท่ห์แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงความสนใจ และค่อนข้างพึงพอใจกับการได้พบใครบางคนที่ ‘เป็นเหมือนกัน’
“ผมเป็นคนธรรมดา แล้วก็เป็นเจ้าของบ้านที่คุณบุกรุกเข้ามาด้วย” ชายหนุ่มเจ้าของคำพูดนั้นใช้แขนกันให้นายตำรวจหนุ่มซึ่งตัวสูงใหญ่กว่าตัวเองให้ถอยไปยืนอยู่ด้านหลัง
“แกเป็นเจ้านายของภูตผีที่พยายามขัดขวางฉันไม่ให้เข้าไปในบ้านของแกสินะ”
“ผมไม่ใช่เจ้านายของพวกเขา พวกเขาแค่พยายามปกป้องที่อยู่อาศัยของตัวเองและคนที่อยู่ภายในบ้าน และคุณก็ทำร้ายพวกเขา ซึ่งผมไม่โอเคกับเรื่องนี้เอามาก ๆ”
“แกเป็นใครกันแน่ แล้วมายุ่งกับเรื่องนี้ได้ยังไง”
“ผมเป็นเจ้าของบ้านนี้ รัสเซลล์เป็นเพื่อนผม คุณฆ่าคนในบ้านผม แล้วจะให้ผมไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้ได้ยังไง”
แวบหนึ่ง รัสเซลล์อดรู้สึกไม่ได้ว่า ถ้าหากนี่เป็นฉากในพระคัมภีร์ เบอร์แทรมก็เป็นตัวละคนฝ่ายพระเจ้าที่กำลังทำตัวเหมือนงูที่หลอกล่ออีฟให้หลงกลเข้ามาใกล้และเด็ดผลแอปเปิ้ลที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอและอดัมไปตลอดกาลเสียเอง
ในเวลานี้ เจ้าของร้านหนังสือเก่าที่แสนใจเย็นและพูดจาน่ารักกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่แม้จะยังคงสุภาพกับคนอื่นแต่สำนวนที่ใช้ต่อปากต่อคำนั้นไม่ลังเลเลยที่จะยั่วโมโหฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่ท่าทางการพูดนั้นเหมือนการพูดธรรมดาหรือถามตอบกันในเรื่องดินฟ้าอากาศเท่านั้น
ในสถานการณ์มืดมนและไม่อาจรู้ได้เลยว่า ในช่วงเวลาแห่งการรอคอยความช่วยเหลือจากบุคคลที่เรียกไปจะมาถึงเมื่อใด คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของรัสเซลล์สงบนิ่งได้อย่างน่านับถือ แต่ในเวลาเดียวกัน บรรยากาศบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นรอบตัวพวกเขาก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังที่ขวางกั้นระหว่างเขากับฆาตกรที่มุ่งเอาชีวิตของเขา แต่แผ่นหลังและไหล่ของคนตัวเล็กกว่าก็ดูแข็งแกร่งมากพอที่จะแบกรับทั้งเขาและสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ทั้งหมด ด้วยพลังอำนาจบางอย่างที่แม้ไม่อาจมองเห็นได้แต่ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน
“แล้วเราจะได้รู้กัน” แอดดิงตันเหยียดยิ้ม
“รู้ว่าคุณเลียนแบบศาสตร์คืนวิญญาณของเคลลีย์ได้สำเร็จแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์ภูมิใจกับมัน อีกน่ะเหรอ”
To be continued >>> Day 25 : Beast
คุณพ่อมดสู้เขานะ ซีนเท่ๆต้องมาแร้ว !
การได้ปกป้องคนสำคัญนี่ทำให้ทุกคนเท่มากกว่าเดิมอีกร้อยเท่าเลยค่ะ!
เอาเลยค่ะคุณเบอร์แทรม โชว์ไปเลยว่าเคลลีย์ของแท้น่ะเป็นยังไง!
ชวนให้อยากรู้เรื่องราวปมในตระกูลเข้าไปอีก
ขอกรี๊ดเบอร์แทรม ฮืออออ คุณพ่อมดเท่จังเลยยยยย