เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Wizard Next Doorpiyarak_s
Day 22 : Soft
  •  “เสียงที่คุณได้ยินคือเสียงของเอลิซาเบธ แต่ไว้ผมจะอธิบายทีหลังว่าเธอเป็นใคร” เบอร์แทรมบอก

      
    เสียงของวิญญาณสาวกรีดร้องดังจนคนที่ไร้สัมผัสทางวิญญาณอย่างรัสเซลล์ได้ยินด้วย ย่อมหมายถึงสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน สถานการณ์ของเหล่าวิญญาณที่อยู่ในห้องทำงานหลังบ้านของเขาน่าเป็นห่วง แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าเป็นห่วงมากพอกัน 


    “รัสเซลล์ คุณช่วยดูหน่อยว่า ตำรวจที่อยู่นอกบ้านเราเป็นยังไงบ้าง”


    ความจริง แม้เบอร์แทรมจะไม่บอกให้ทำ นายตำรวจหนุ่มก็ตรงดิ่งไปที่หน้าต่างบานที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดและเป็นหน้าต่างบานที่สามารถมองออกไปเห็นตำรวจที่เฝ้ารักษาความปลอดภัยอยู่ข้างนอกได้ถนัดที่สุด แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น


    ไม่ทันร้องบอกเจ้าของบ้านว่า เขาไม่เห็นใครที่ควรจะอยู่ประจำ ณ ตรงนั้น เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนที่วิ่งออกไปยังสนามหน้าบ้านจากนั้นก็เป็นเสียงทึบ ๆ ของบางสิ่งที่หล่นหรือล้มลงกระทบพื้น ตามมาด้วยเสียงร้องแผ่ว ๆ ของผู้ชายก่อนเงียบหายไปอย่างกะทันหัน


    “เบอร์แทรม คุณอยู่ในบ้านนะ ผมจะออกไปดูข้างนอกว่าเกิดอะไรขึ้น” รัสเซลล์ร้องบอกคนที่เดินเข้ามาหา ยกแขนขึ้นกันอีกฝ่ายให้ถอยออกไป 


    “แต่ข้างนอกนั่นมันอันตรายเกินไป” 


    “อย่าลืมสิว่าผมเป็นตำรวจ” 


    เบอร์แทรมรับฟังและไม่ซักไซ้อะไรอีก “ระวังตัวด้วย” 


    รัสเซลล์พยักหน้ารับ ตบบ่าของอีกฝ่ายเบา ๆ แทนคำขอบคุณและปลอบใจว่าไม่ต้องเป็นห่วง


    เขายอมรับว่าการไม่มีอาวุธและการทำหน้าที่เจ้าหน้าที่สืบสวนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้พกอาวุธเป็นความเสี่ยง แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากออกไปดูให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะหากมีสิ่งใดที่เขาสามารถทำหรือแก้ไขได้ เขาจะได้ทำได้ทันทีเพื่อทำให้ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นลดลงบ้าง


    ถึงแอดดิงตันเลือกที่จะไม่ปะทะโดยตรง แต่ใช้เวทมนตร์ คาถา หรือแม้กระทั่งคำสาปกับเขาแทนที่จะเป็นการใช้อาวุธหรือกำลัง แต่เขากลับไม่รู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลมากนัก แม้จะเคยเห็นสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามทำมาก่อนและเกือบจะทำร้ายเขาสำเร็จก็ตาม อาจเพราะความไม่รู้จึงคาดเดาไม่ได้และไม่กลัวประการหนึ่ง แต่อีกเหตุผลที่ทำให้เขาไม่หวาดหวั่นกับการถูกจู่โจมด้วยอำนาจลึกลับ และเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดก็คือ เบอร์แทรม


    ชายหนุ่มที่อ่อนโยนนุ่มนวลคนนั้นเป็นเหมือนปราการที่แข็งแกร่งสำหรับจิตใจของเขาได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากหนักแน่นว่าจะดูแล เขาก็ไม่เคยสงสัยและยอมวางใจอีกฝ่ายอย่างเต็มที่และไม่มีเงื่อนไข ในครั้งนี้ก็เช่นกัน 


    นายตำรวจหนุ่มค่อย ๆ เปิดประตูออก แนบตัวกับบานประตูอาศัยเป็นเครื่องกำบังก่อนที่จะก้าวออกไปภายนอกบ้านและปิดประตูเอาไว้ตามเดิม 


    อากาศนอกบ้านเย็นยะเยือก สายลมฤดูใบไม้ร่วงแม้ไม่บาดลึกเหมือนลมฤดูหนาวแต่ก็ทำให้สั่นสะท้านเมื่อสัมผัสได้เช่นกัน ลมหายใจอุ่นที่ปะทะกับอากาศกลายเป็นควันสายยาว แต่เขากลับรู้สึกว่าหายใจได้ไม่ค่อยเต็มปอดเท่าใดนัก จังหวะการเต้นของหัวใจก็ถี่เร็วขึ้นจนต้องยกมือขึ้นกดบนหน้าอก ก่อนที่มือของเขาจะแตะถูกสิ่งที่พอจะทำให้อุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง คือ สร้อยแขวนแฮ็กสโตนที่เบอร์แทรมคล้องคอให้เขาสวมเอาไว้เป็นเครื่องรางป้องกันภัย


    รัสเซลล์ใช้มือหนึ่งกุมสร้อยผ่านเสื้อแจ็คแก็ตที่สวมกันลมเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งปล่อยว่างสำหรับใช้ป้องกันตัวหรือทำสิ่งอื่นที่จำเป็นต้องทำได้ทัน และค่อย ๆ สืบเท้าลงบันไดหน้าบ้างไปยังสวน ซึ่งควรจะเป็นที่ที่ตำรวจที่มาเข้าเวรรักษาความปลอดภัยควรจะอยู่ แต่กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น 


    ใต้แสงจันทร์ที่ทำให้เขาอึดอัดและแสงของไฟจากโคมรั้ว รัสเซลล์เห็นร่างของตำรวจสองนายนอนจมกองเลือดอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้าน 


    ชายหนุ่มสบถในใจก่อนจะรีบตรงดิ่งไปยังจุดที่ตำรวจทั้งสองนอนอยู่ คนหนึ่งดูไม่มีความหวังที่จะช่วยเหลืออีกต่อไปแล้ว เพราะคอของเขาถูกปาดจนขาด ดวงตาเบิกค้างไร้ลมหายใจ แต่อีกคนหนึ่ง ยังพอมีความหวังที่จะช่วยเหลือได้ เพราะเขามองเห็นควันสีขาวของลมหายใจที่ปะทะกับความเย็นของอากาศลอยขึ้นมาจากร่างที่นอนหงาย โดยมีมีดปักคาอยู่บริเวณกระดูกไหปลาร้า เสียบทะลุส่วนที่อ่อนและบางของเสื้อกันกระสุนเข้าไป แม้จะเป็นตำแหน่งที่เฉียดใกล้หลอดเลือดบริเวณดังกล่าวจนน่ากลัว แต่ถ้าได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็ยังมีโอกาสรอดชีวิต 


    “ชู่ว อย่าเพิ่งพูดอะไร” เขาแตะริมฝีปากห้าม ตำรวจที่นอนอยู่บนพื้นไม่ให้ขยับตัวหรือพูดอะไร และหยิบเอาวิทยุสื่อสารบนบ่าของอีกฝ่ายที่ส่งเสียงครืดคราดขึ้นมาเรียกกลับไปยังศูนย์วิทยุสื่อสารเพื่อแจ้งเหตุและเรียกหน่วยฉุกเฉิน 


    เขายอมรับว่าเขาหวาดระแวงและพยายามมองไปรอบตัวเพื่อสังเกตหาความผิดปกติและร่องรอยของอาชญากรที่เห็นได้ชัดเจนว่า รุกล้ำเข้ามาในเขตบ้านที่เขาอาศัยอยู่เรียบร้อยแล้ว แต่ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มแจ้งเหตุนั้น รอบตัวกลับมีแต่ความเงียบงัน ปราศจากความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีลางบอกเหตุหลายอย่างเกิดขึ้นจนแทบรับมือไม่ทัน


    แม้จะอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดจากทั้งสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ รัสเซลล์ก็ยังพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น ตั้งสติ และหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงมาเพื่อติดต่อหามาเรีย ผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรง 


    ในระหว่างที่รออีกฝ่ายรับสายอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งที่เหมือนดังมาจากอีกฟากฝั่งของโลก เป็นเสียงของหญิงชราที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน สำเนียงของเธอไม่เหมือนสำเนียงพูดของคนในยุคปัจจุบัน


    “ระวัง!!! ดูทางซ้าย!!!” 


    เสียงร้องเตือนนั้นดังขึ้น ก่อนถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหญิงชราคนเดิม ในวินาทีเดียวกับที่รัสเซลล์มองตามทิศทางที่เธอบอก เขาก็เห็นร่างหนึ่งซุ่มซ่อนอยู่บนคาคบไม้เหนือศีรษะ และร่างนั้นก็กระโจนลงมาหาเขาจากที่สูง กระแทกเข้ากับร่างของเขาที่กำลังจะลุกยืนขึ้นเต็มแรงจนล้มกลิ้งไปด้วยกัน


    ถึงจะถูกกระแทกจนจุกและเจ็บร้าวในบริเวณอกและท้องที่เคยถูกแทงบาดเจ็บ แต่เขาก็รีบพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาโดยเร็วที่สุดและพุ่งเข้าใส่คนที่ทำร้ายเขาอย่างบ้าระห่ำจนคิดไม่ถึง ทว่าดูเหมือนจะช้าเกินไป เพราะอีกฝ่ายตรงไปถึงตัวของตำรวจที่นอนอยู่บนพื้นแล้ว


    “อย่า!!!” 


    เสียงร้องห้ามของเขาไม่เป็นผล ในทางตรงข้าม เสียงร้องของเขาทำให้เจ้าของร่างสูงเกะกะ แต่แข็งแรงอย่างเหลือเชื่อของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นอาชญากรหลบหนียิ่งพึงพอใจและหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงว่าใครจะได้ยินในขณะกระชากมีดออกจากร่างของตำรวจที่ยังมีชีวิตอยู่ 


    ตำรวจนายนั้นกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด บิดเร่าด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด แม้จะพยายามใช้มือกดปิดปากแผลที่ถูกเปิดออก แต่ของเหลวสีแดงข้นก็พุ่งทะลักออกมาไม่หยุด จนมือทั้งคู่ของเขาแดงฉาน เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลเจิ่งนองบนพื้นทางเดินเป็นแอ่งสะท้อนแสงจันทร์เบื้องบน ร่างของเขากระตุกเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากเวลาผ่านไปเพียงอึดใจก่อนที่จะแน่นิ่งไปตลอดกาล


    โจนาห์ แอดดิงตันหัวเราะคิกคักในสถานการณ์ที่เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกขานหัวเราะไม่ออก สองมือกำแน่น และได้แต่มองอีกฝ่ายตอบกลับไป โดยไม่มีคำพูดใดที่สามารถล่วงพ้นริมฝีปากออกมาได้แม้แต่คำเดียว


    แม้จะมองไม่เห็นพลังอำนาจที่แฝงอยู่ในตัวของบุคคลอันตรายตรงหน้า แต่เขาก็สามารถรับรู้ถึงพลังนั้นได้ผ่านแฮ็กสโตนที่แขวนอยู่ใต้เสื้อใกล้กับอกของเขาซึ่งกำลังสั่นระริกและส่งคลื่นความร้อนวาบให้สัมผัสได้อย่างชัดเจน


    รอบตัวของแอดดิงตันมีคลื่นพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น แต่เข้มข้นมากพอที่คนไร้สัมผัสของเขาจะรับรู้ถึงความปั่นป่วน ความชั่วร้าย ความขมขื่น ที่กดดันและบีบคั้นให้คลื่นไส้จนแทบจะอาเจียนออกมา 


    เขาเคยสัมผัสความรู้สึกนี้มาก่อนในเวลาที่เขาบุกเข้าไปช่วยเจนนิเฟอร์ แต่ในเวลานั้น ความรู้สึกที่เคยสัมผัสได้จากตัวอีกฝ่ายรุนแรงกว่านั้นหลายเท่า 


    แอดดิงตันจ้องมองเขาที่ในยามนี้คุกเข่าอยู่กับพื้น นิ่งงันราวกับถูกมนตร์สะกด


    ริมฝีปากของฆาตกรหลบหนีค่อย ๆ คลี่ออกเป็นรอยยิ้ม


    “นักสืบรัสเซลล์ โธมัส ในที่สุด เราก็เจอกันจนได้” 


    To be continued >>> Day 23 : Baking



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
salmonrism (@salmonrism)
ร้ายสมกับเป็นฆาตกรจริงๆเลยค่ะ ไม่รู้จะเอาใจช่วยยังไงดี แต่หวังว่าจะสู้ได้จนกว่าจะมีใครมาช่วยนะคะ
bullettransth (@bullettransth)
โอ๊ยยยย ลุ้นไม่ไหวแล้ววว แฮ็กสโตนคุ้มครองนะพ่อ
smile515903 (@smile515903)
ระวังตัวด้วยค่ะ! แผลยังไม่หายดี!
โอ้ยๆ กำลังเสริมจะมาทันมั้ยๆๆๆ

เป็นห่วงทุกคนในบ้านนะคะ แล้วนี่แอดดิงตันเข้ามาได้ยังไงกันคะเนี่ย
piyarak_s (@piyarak_s)
@smile515903 แอดดิงตัวเดินเข้ามาเฉยๆ นี่เลยค่ะ 5555

จะมาช่วยกันทันไหมต้องรอดูกันต่อไปนะคะ ><
smile515903 (@smile515903)
@piyarak_s เดินเข้ามาเฉยๆ!!!!!