ความจริงเบื้องหลังของเบอร์แทรมทำให้รัสเซลล์ไม่รู้ว่าตนเองควรจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไรถึงจะถูก
มันเป็นความจริงที่เหลือเชื่อ เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดหรือนึกถึง แต่มันก็เป็นไปแล้ว
การรับรู้ว่าเบอร์แทรมสามารถมองเห็น ได้ยิน และสามารถติดต่อกับวิญญาณและสิ่งเหนือธรรมชาติได้ ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า การมีชีวิตที่ต้องรับรู้สิ่งที่อยู่เหนือไปจากความรับรู้ของคนทั่วไปอยู่ตลอดเวลานั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งสำหรับเขาแล้ว นั่นไม่น่าจะเป็นเรื่องสบายเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเบอร์แทรมไม่เพียงแต่รับรู้ ทว่ายังต้องคอยยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหรือเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เป็นประจำ
หากไม่ได้รู้ความจริงจากปาก เขาคงไม่คิดเลยแม้แต่น้อยว่า ผู้ชายที่ดูอารมณ์สุนทรี รักหนังสือ รักการทำอาหารและการกินอาหารอร่อย และชอบงานฝีมืออย่างเบอร์แทรมจะต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้เอาไว้อย่างไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่กับมันต่อไปให้ได้
“ลำบากหรือเปล่า กับความสามารถพิเศษแบบนี้”
คำถามของนายตำรวจหนุ่มที่เจ้าของร้านหนังสือเก่าไม่คาดคิดว่าจะได้ยินทำให้เขายิ้มและส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่หรอก ผมชินกับการมองเห็นและอยู่กับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว” เขาบอก “แต่กรณีของโจนาห์ แอดดิงตัน ไม่ใช่กรณีปกติและไม่ใช่สิ่งที่จะปล่อยไปโดยไม่สนใจได้”
“แล้วคุณคิดว่ายังไง ถ้าจะมีตำรวจมาคอยเฝ้าบ้านของคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานกี่วันก็ไม่รู้” รัสเซลล์เปลี่ยนประเด็นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญพอกัน “ถ้าคุณไม่สะดวก ผมจะกลับไปอยู่ที่บ้านพักที่ผมเช่าอยู่”
สีหน้าของเบอร์แทรมในตอนนี้ครุ่นคิดเหมือนแมวในร้านหนังสือที่มีลูกค้าเดินผ่านไปมาแล้วถูกแวะลูบหัวอยู่เรื่อย ๆ
“ผม... คิดว่าการมีตำรวจเดินไปมาอยู่ในบ้านสักสองสามวันคงไม่เป็นไร” ถึงจะไม่ค่อยชอบใจนัก แต่ที่สุดแล้ว เขาก็ตัดสินใจเลือกในสิ่งที่จำเป็นมากกว่า “ผมไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียว แต่เราคงต้องจัดบ้านใหม่นิดหน่อย แล้วอาจจะต้องซื้อกาแฟกับนมเพิ่มสำหรับตำรวจที่จะมาเฝ้า พวกตำรวจคงไม่รังเกียจที่จะกินพวกบิสกิตหรือไดเจสทิฟใช่ไหม”
ประโยคสุดท้ายนั้นทำให้เบอร์แทรมน่ารักเกินไปมากจริง ๆ และรัสเซลล์เริ่มไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมตัวเองถึงไม่มีปัญหาที่จะอยู่ใกล้คนคนนี้ทั้งที่ที่ผ่านมาเขาระวังตัวแจอยู่เกือบตลอดเวลา และเป็นเจ้าชายนิทราที่ไม่ยอมเปิดตาให้กับความรักใหม่เสียทีอย่างที่มาเรียแหย่อยู่บ่อยครั้ง
คนได้รับคำชมยิ้ม “คุณก็รู้ว่า ผมทนไม่ได้หรอก ถ้าเห็นใครต้องอยู่แบบอดอยาก”
“ให้ตายสิ ผมชอบคุณเป็นบ้าเลย”
พ่อมดตรงหน้าของเขาหัวเราะ ถึงจะดูเขิน แต่ก็ไม่ได้หลบ เมื่อเขาดึงตัวเข้าไปกอดและจูบที่ริมฝีปาก
ความตึงเครียดและความรู้สึกเหมือนอยู่บนความไม่แน่นอนก่อนหน้าที่พุ่งสูงเหมือนชิงช้าที่ถูกไกวเต็มแรงค่อยผ่อนลงมาจนแทบจะนิ่งสนิท
แม้จะยังไม่ค่อยสบายใจนักที่เบอร์แทรมต้องเผชิญกับความเสี่ยงทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคดีมาก่อน แต่เขาก็ยอมรับความช่วยเหลือของอีกฝ่าย และได้แต่หวังว่า ฝ่ายตำรวจอย่างเขาจะได้รับข่าวคราวและความคืบหน้าเกี่ยวกับฆาตกรหลบหนีอย่างโจนาห์ แอดดิงตันได้ก่อนฝ่ายของเบอร์แทรม
“บ่ายนี้ คุณอยากนอนพักไหม เราจะได้กลับบ้านกัน” รัสเซลล์เขี่ยผมออกจากหน้าผากของชายหนุ่มตรงหน้า สีหน้าของเบอร์แทรมดูดีขึ้นจากเมื่อเช้านี้มาก แต่เขาก็อยากจะแน่ใจว่าอีกฝ่ายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากใช้พลังไปมากเอาการ
“ดีเหมือนกัน ผมอยากพักสักงีบ แล้วก็ยังมีงานเข้าเล่มกับย้อมลายหินอ่อนบนขอบหน้าหนังสือที่เวิร์กช็อปหลังบ้านรออยู่นิดหน่อยด้วย”
“ย้อมลายหินอ่อนบนขอบหนังสืองั้นเหรอ”
“ครับ คุณน่าจะเคยเห็นขอบกระดาษหนังสือเก่าหรือรองปกในของหนังสือเก่าที่เป็นลายหินอ่อนมาบ้าง” เบอร์แทรมบอก
เมื่อได้พูดถึงสิ่งที่ตัวเองหลงใหลอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าที่แจ่มใสขึ้นมากแล้วดูสดชื่นยิ่งขึ้นไปอีกด้วยความกระตือรือร้นอยากเล่า
“มันเป็นเทคนิคที่มีการทำมานานตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 แล้ว แต่มาเป็นที่นิยมมากในการทำหนังสือช่วงศตวรรษที่ 19 มันทำให้หนังสือสวยขึ้นและส่วนผสมของสีน้ำมันกับวุ้นจากสาหร่ายทะเลทำให้หนังสือทนทานและอยู่นานแค่ไหนก็ดูไม่โทรมมากด้วย ถ้าคุณสนใจ จะไปดูวิธีทำที่เวิร์กช็อปก็ได้”
“เอาสิ แต่คุณต้องไปพักก่อน” รัสเซลล์บอกและลุกขึ้นเดินนำอีกฝ่ายออกไปจากห้องเวิร์กช็อป โดยมีเจ้าของที่ทำงานนั้นเดินตามออกมา และลงบันไดไปยังชั้นล่างด้วยกัน
เจ้าของร้านหนังสือเก่าแวะพูดคุยกับพนักงานในร้านเล็กน้อย สองสาวดูจะดีใจที่เจ้านายตัดสินใจที่จะไปพักให้เต็มที่และบอกว่า ถ้ายังไม่ดีขึ้น พวกเธอสามารถจัดเวรกันเองได้ แล้วจะโทรศัพท์หรือส่งข้อความแจ้งเขาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตารางงานเอง พร้อมกับสำทับว่าไม่ต้องเป็นห่วง มิหนำซ้ำยังมีการฝากฝังให้รัสเซลล์ที่กลายเป็นเพื่อนหนุ่มของเจ้าของร้านไปตามความเข้าใจของทุกคนเรียบร้อยแล้วช่วยดูแลเขาให้ด้วย
บ่ายวันนั้น เป็นบ่ายที่สงบสุขที่สุดตั้งแต่เกิดเรื่องเป็นต้นมา พวกเขาแวะไปซื้ออุปกรณ์สำหรับทำอาหารเย็นและอาหารเช้า กาแฟ นม และขนมขบเคี้ยวเพิ่มเติมสำหรับตำรวจที่จะมาคอยรักษาความปลอดภัยให้ เบอร์แทรมกลับมานอนพักที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ส่วนรัสเซลล์อ่านหนังสือที่อ่านค้างอยู่ใกล้ ๆ กัน โดยเปิดโน้ตบุ๊กค้างเอาไว้เผื่อตรวจสอบข่าวสาร และรอโทรศัพท์จากตำรวจท้องที่นอร์ทธัมเบอร์แลนด์ที่จะติดต่อมาเกี่ยวกับการเข้าเวรและรายละเอียดเกี่ยวกับอาชญากรหลบนี
อย่างไรก็ตาม หลังจากช่วงเวลาที่เงียบสงบผ่านไปได้พักใหญ่ ความสงบสุขที่เคยมีอยู่ก็เปลี่ยนแปรไปเป็นอย่างอื่น เมื่อโทรศัพท์ของรัสเซลล์สั่นเตือนขึ้นมาพร้อมกับที่เบอร์แทรมลืมตาขึ้นและผุดลุกขึ้นจากท่านอนมาเป็นนั่ง
“เจ้าหน้าที่สืบสวนโธมัส ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน เราจะส่งเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไปหา” เสียงจากปลายสายที่แนะนำตัวว่าเป็นสารวัตรฝ่ายสืบสวนของกองกำลังตำรวจนอร์ทธัมเบรีย
อีกฝ่ายแจ้งว่ามีเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอดดิงตัน โดยมีคนพบคนที่มีลักษณะแบบเขาที่คลีสบี้ ใกล้กับเดอแรม มีคนตายเพิ่มอีก เรากำลังตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางที่เขาจะมุ่งไป เพราะคราวนี้ เขาจอดรถทิ้งไว้ แต่ไม่มีกรณีขโมยรถเพิ่มเติม เป็นไปได้ว่าเขาอาศัยรถสาธารณะหรือแย่กว่านั้นคือชิงรถไปพร้อมคนขับ
“ถ้าเป็นไปได้ เวลาคุณกับพาร์ทเนอร์ของคุณจะออกไปไหน ให้แจ้งกับทางตำรวจที่ไปเฝ้าด้วย” ปลายสายสำทับ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต่างทำงานในอาชีพเดียวกัน แต่การเรียกเบอร์แทรมว่าเป็นพาร์ทเนอร์ของเขาก็ทำให้เขาอดเขินไม่ได้ ถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็วของพวกเขาจะดูจริงจังมากพอที่จะเรียกอีกฝ่ายว่าอย่างนั้นได้ก็ตาม
“ได้ครับ แล้วผมจะระวัง” รัสเซลล์ตอบและกล่าวขอบคุณที่อีกฝ่ายโทรศัพท์มา
เมื่อวางสาย เขาก็หันไปหาเบอร์แทรมที่ยังคงอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา ดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มหลับลง ใบหน้าสงบนิ่งนั้นดูเหมือนตั้งใจเงี่ยหูฟังบางสิ่งที่เขามองไม่เห็น ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมองเขา สีหน้ามีร่องรอยของความกังวล
นายตำรวจหนุ่มแทบผงะ เมื่อเห็นอักษรเขียนด้วยเลือดที่ปรากฏอยู่บนท่อนแขนด้านในของเจ้าของร้านหนังสือเก่า
เป็นเลือดที่ไม่รู้ที่มา แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เลือดของเบอร์แทรม
คำที่ปรากฏอยู่บนนั้นมีสามคำ คือ “คลีสบี้” “อาล์นเมาท์” และ “ล้างแค้น”
“แอดดิงตันกำลังตรงมาหาเราที่นี่ น่าจะถึงภายในวันนี้ เหลือแค่ยังไม่รู้ว่า เขาจะรู้ว่าคุณอยู่กับผมเมื่อไหร่”
To be continued >>> Day 20 : Movie Night
การสื่อสารนี้ มีความปลอดภัย ไม่ต้องห่วงคุณพ่อมดนะคะ ><
แอบเขินตรงพาร์ทเนอร์ด้วยคนค่ะ แง้กกกก