นายตำรวจหนุ่มมองคนในชุดนอนลายทางกับเสื้อคาร์ดิแกนที่ยืนชงฮอร์ลิกส์ให้ตัวเองกับเขาคนละถ้วย เมื่ออยู่ในชุดแบบนี้ เจ้าของร้านหนังสือเก่ายิ่งดูตัวเล็กเข้าไปใหญ่ แต่คนที่ตัวเล็กกว่าเขาคนนี้กลับทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
ทำไมคุณไม่ให้ผมดูแลคุณแทนล่ะ...
คำพูดนั้นเป็นคำพูดที่ไม่เคยมีใครพูดกับรัสเซลล์มาก่อน ไม่มีใครคนไหนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเสนอตัวปกป้องเขาอย่างที่เบอร์แทรมทำ
เขารู้ว่า อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวปลอบใจอย่างขอไปที แต่คำกล่าวเหล่านั้นเต็มไปด้วยความตั้งใจและมั่นใจว่าสามารถทำได้อย่างที่พูด ทุกสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้ ไม่เพียงแต่ทำให้เขาวางใจ แต่ทำให้เขา ‘เชื่อ’ ว่า เขาจะไม่เป็นไร หากมีคนคนนี้อยู่เคียงข้าง
ก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน เบอร์แทรมทำอาหารเย็นสำหรับพวกเขาสองคน จากนั้นก็ขอตัวไปทำงานในเวิร์กช็อปที่อยู่หลังบ้าน ท่าทางของเจ้าของบ้านอย่างเบอร์แทรมดูจริงจังกว่าที่เคย และท่าทางอย่างนั้นก็ทำให้เขาอยากขยับตัวทำอะไรสักอย่างหนึ่งให้เป็นประโยชน์ขึ้นมาบ้าง แทนที่จะนอนอุดอู้จมอยู่กับความผิดหวังและเหนื่อยหน่ายของตัวเองอย่างที่ผ่านมาตลอดสัปดาห์ก่อน
เขาหยิบโน้ตบุ๊คขึ้นมาต่ออินเทอร์เน็ต ตรวจสอบข่าวที่เกี่ยวข้องกับแอดดิงตันที่เกิดขึ้นตลอดช่วงยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเพิ่มเติมจากที่มาเรียและเจนนิเฟอร์เป็นคนบอกกล่าว จากนั้นก็โทรศัพท์หาคู่หูเพื่อถามไถ่ว่า เธอเป็นอย่างไรบ้าง นับแต่พบเหตุการณ์ประหลาดเกี่ยวกับนกเรเวนตัวนั้น แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองในวันนี้ให้เธอฟัง
ทางลอนดอนยังคงตามหาตัวของแอดดิงตันไม่พบ พ่อแม่ของเขาไม่รู้อะไรทั้งสิ้น แต่รู้ตัวเองแล้วว่า ไม่สามารถปกป้องลูกชายของตัวเอง ไม่สามารถรักษาหน้าตาในฐานะพ่อแม่ที่ดี ไม่มีปัญหาได้อีกต่อไปแล้ว ทั้งสองคนจำต้องยอมรับว่า การพยายามฟ้องตำรวจว่ากระทำกับลูกชายของตัวเองเกินกว่าเหตุไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี
น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่รัสเซลล์พบว่าตัวเองสงบนิ่งกว่าที่เคยเป็น แม้ร่างกายจะยังไม่ฟื้นคืนสภาพจนแข็งแรงเหมือนเก่า แต่สภาพจิตใจของเขากลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาก็แทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เหมือนคนที่ค้นพบหลักยึดหลังจากล้มลงหลายครั้งหลายคราวและอาศัยหลักนั้นพยุงตัวจนลุกขึ้นบนขาของตัวเองได้
เมื่อเบอร์แทรมบอกว่าจะทำเพื่อเขา เขาก็อยากกลับมาทำบางอย่างเพื่อตัวเองบ้าง
สิ่งที่พวกเขารู้สึกต่อกัน อาจยังไม่สามารถเรียกว่าความรัก อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องของแรงดึงดูดระหว่างคนสองคนที่หลงใหลในกันและกัน แต่เป็นความรู้สึกอื่นที่ทำให้สิ่งที่เคยลบกลายเป็นบวก เป็นเมล็ดของต้นไม้ที่เริ่มงอกงามและผลิยอด
ระหว่างที่เบอร์แทรมใช้เวลาของตัวเองอยู่ในเวิร์กช็อป เขาก็ใช้เวลาของตัวเองอยู่ในบ้าน ค่อย ๆ ทำให้ชีวิตที่ว่างเปล่าของตัวเองเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อย ๆ
โจนาห์ แอดดิงตันฆ่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ประจำรถพยาบาล ชิงรถยนต์เพื่อหลบหนี จากนั้นก็ทิ้งรถเอาไว้เนื่องจากน้ำมันหมด จากนั้นก็ไม่มีใครติดตามร่องรอยของเขาได้อีก จุดสุดท้ายที่พบรถจอดทิ้งไว้ คือ เมืองหนึ่งในแถบมิดแลนด์ แต่เขาไม่ได้กลับบ้านไปหาพ่อแม่ และรัสเซลล์ก็ไม่คิดว่าแอดดิงตันจะกลับไปในที่ที่ทำให้เขากลายเป็นฆาตกรอีกแน่
มีอย่างหนึ่งที่เบอร์แทรมเดาถูกระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน คนที่พยายามแสวงหาอำนาจมืดและพลังในการควบคุมธรรมชาติอย่างแอดดิงตันไม่น่าจะเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว และที่แย่ไปกว่านั้น คือ เขาถูกคนในครอบครัวคอยควบคุมจนต้องการที่จะสลัดตัวเองออกจากสภาวะนั้น แล้วแสวงหาวิธีการที่ตนเองจะสามารถควบคุมชีวิตตัวเองและผู้อื่นบ้าง ส่วนพ่อแม่ของแอดดิงตันเองก็ไม่ได้ช่วยเหลือลูกชายเพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่หรือความรัก แต่เป็นการปกป้องตัวเองและการรักษาหน้า ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองทั้งนั้น
เมื่อไม่มีครอบครัวให้กลับ เส้นทางที่แอดดิงตันจะมุ่งต่อไป หากไม่เน้นการเอาตัวรอดก็ต้องเป็นการกลับมาแก้แค้น
นกเรเวนและงูแอดเดอร์ที่เจนนิเฟอร์และเขาพบต่างเวลาและต่างสถานที่เป็นคำบอกใบ้ถึงแผนการต่อไปของฆาตกรผู้หลงใหลในศาสตร์มืดคนนี้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพียงแต่คำถามต่อไปของเขายังไม่มีคำตอบ
ระหว่างเจนนิเฟอร์กับเขา โจนาห์ แอดดิงตันเลือกที่จะลงมือกับใครก่อน
เจนนิเฟอร์เป็นเหยื่อที่มีลักษณะตรงกับเหยื่อที่แอดดิงตันเคยเล่นงานมาก่อนก็จริง แต่ในเวลาเช่นนี้ การคุ้มกันที่ทางสก็อตแลนด์ยาร์ดจะจัดให้ตำรวจสาวย่อมหนาแน่นและสามารถทำได้ในทันที เพราะเธออยู่ในสถานที่ที่ยากแก่การเข้าถึงอย่างโรงพยาบาล และการย้อนกลับไปที่เมืองหลวงอย่างลอนดอนไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลย
ทางเลือกที่เหลือและเหมาะสมที่สุด ถ้าเขาเป็นแอดดิงตัน คือ ตามล่าคนที่อยู่นอกเมือง อยู่ในเขตที่ห่างไกลผู้คน และคนคนนั้นย่อมเป็นตัวเขาเองที่ออกมาพักฟื้นและพักงานอยู่ในแถบนอร์ทธัมเบรีย การติดต่อขอกำลังคุ้มกันจากตำรวจท้องที่มีความลำบากกว่าในลอนดอน ซึ่งในเวลานี้ เขาก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากตำรวจนอร์ทธัมเบอร์แลนด์เลย
ไม่มีใครที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นทวงแค้นเท่ากับเขาอีกแล้ว เว้นแต่มีคนโชคร้ายไปขวางทางแอดดิงตันโดยไม่รู้ตัว
ในช่วงเวลาที่เขากลายเป็นเป้าหมาย เขาก็พบว่าตัวเองไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว มีคนที่เคยเป็นแค่คนแปลกหน้าที่อยู่ข้างบ้านมาอยู่เคียงข้างและยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างไม่คาดฝันตั้งแต่ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัวเสียอีก และคนที่ยื่นมือมาหาเขาเป็นเพียงเจ้าของร้านหนังสือเล็ก ๆ ในเมืองเล็ก ๆ เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้านหนังสือเก่าเล็ก ๆ คนนี้ก็ทำให้เขาอบอุ่นใจได้ยิ่งกว่ากำลังตำรวจทั้งกองเสียอีก
แค่เห็นเบอร์แทรมกลับเข้ามาในบ้าน บอกให้เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าระหว่างที่ทำอาหารรอเขากลับมา นั่งกินอาหารเย็นด้วยกัน ใช้เวลาหน้าโทรทัศน์ด้วยกัน ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน และชงเครื่องดื่มร้อนที่ช่วยให้เขาหลับสบายขึ้นมาให้ในเวลานี้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองพร้อมรับกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว
“ขอบคุณ เบอร์แทรม” นายตำรวจหนุ่มรับแก้วฮอร์ลิกส์ร้อนที่อีกฝ่ายส่งให้มาถือไว้ รอสักพักหนึ่ง ค่อย ๆ จิบเครื่องดื่มที่ทำจากมอลต์ผสมนมรสหวานอ่อน ๆ พลางมองคนชงที่หย่อนตัวลงนั่งข้างเขา ประคองแก้วไว้ด้วยสองมือ แล้วดื่มเครื่องดื่มส่วนของตัวเองเช่นกัน
“ทำไมจ้องผมแบบนั้นล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” เจ้าของร้านหนังสือเก่าหันมามองและเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไร แค่อยากมองหน้าคุณเฉย ๆ” เขาบอก และขยับตัวเข้าไปชิดคนข้างตัว
เบอร์แทรมดื่มฮอร์ลิกส์จนหมด แล้ววางแก้วลงบนโต๊ะรับแขก เอื้อมแขนโอบไหล่เขาเอาไว้ แล้วลูบผมด้านหลังศีรษะของเขาเบา ๆ พร้อมเอ่ยถามด้วยความห่วงใย “คุณโอเคแน่นะ”
รัสเซลล์ยิ้มให้ “ผมโอเค ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลตั้งแต่ตอนที่คุณบอกว่าจะดูแลผมแล้ว”
ริมฝีปากของเจ้าของร้านหนังสือคลี่ออกเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ โดยไม่พูดอะไร และค่อย ๆ เผยอรับเมื่อคนที่นั่งอยู่ด้วยกันโน้มตัวลงไปหาและแนบริมฝีปากของตัวเองเหนือริมฝีปากของเขา
คราวนี้ ไม่เหมือนครั้งแรกหรือครั้งไหนที่พวกเขาจูบกัน
รัสเซลล์ประคองหลังของเบอร์แทรมให้เอนลงไปกับโซฟาที่อาจจะแคบไปสักหน่อยสำหรับผู้ชายสองคน ก่อนจะก้มลงจูบอีกฝ่ายอีกครั้ง ในขณะที่มือของชายหนุ่มที่อยู่ด้านล่างก็ไม่ได้ผลักไส แต่กลับยึดกุมเสื้อของเขาไว้ข้างหนึ่ง ส่วนนิ้วยาวของมืออีกข้างนั้นสอดแทรกในกลุ่มผมของเขายามที่โน้มศีรษะของเขาลงมาให้แนบชิดกันมากขึ้น
“ผมยังไม่พร้อมสำหรับอะไรที่มากกว่านี้นะ รัสเซลล์” เสียงกระซิบปนหอบหายใจของคนข้างล่างเอ่ยขึ้นหลังจากริมฝีปากของต่างคนต่างเป็นอิสระจากกัน "แต่ถ้าคืนนี้คุณอยากนอนด้วยกัน ผมก็ไม่ว่าอะไร"
“ได้... ผมรอได้ สำหรับตอนนี้ แค่นอนกอดคุณก็พอแล้ว” เขาตอบรับ จูบแผ่วเบาเหนือรอยยิ้มของอีกฝ่าย แล้วลดกายลงแนบเหนือร่างของเบอร์แทรมที่กอดเขาเอาไว้หลวม ๆ และจูบเขาที่หน้าผาก
“คุณเชื่อใช่ไหมว่า ผมจะดูแลคุณได้” เจ้าของร้านหนังสือถาม
เขาสอดแขนโอบรอบตัวของเจ้าของคำถามนั้น
“เชื่อสิ... ผมเชื่อคุณยิ่งกว่าเชื่อตัวผมเองซะอีก”
To be continued >>> Day 16: Enchanted
อ่านตอนนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนดู CSI อยู่เลยค่ะ
ปล. จูบกันอีกแล้ว!
ปล.อีกที ชุดนอนคุณเบอร์แทรมมน่ารักกกก ;-;
ความรู้สึกและความคิดที่ว่า มีคนจะปกป้องของคุณตำรวจ และความเชื่อใจในตัวคุณพ่อมด เป็นบรรยากาศที่ดีจังค่ะ
บทนี้แทรกความหวานเบาๆในความกดดัน :))