เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นระหว่างการชมปราสาททำให้รัสเซลล์จำเป็นต้องเปลี่ยนแผน เขาไม่ได้กลัวหรือเข็ดจนไม่กล้าทำกิจกรรมอื่น ๆ ในปราสาทต่อ แต่สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดหลังผ่านพ้นเหตุการณ์นั้นมาได้ คือ การรีบกลับไปหาใครสักคนที่เขาเชื่อว่าจะมีคำตอบเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้เขาได้
“ผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณที่ปราสาทแล้ว”
นั่นเป็นประโยคแรกที่เบอร์แทรมเอ่ยเมื่อพบหน้าเขาที่ร้านหนังสือเก่า เจ้าของร้านหนังสือเป็นคนเดินมาเปิดประตูให้เขาได้อย่างได้จังหวะราวกับมีญาณวิเศษหยั่งรู้ว่าเขาจะมาถึงเมื่อใด แม้ว่ากล้องวงจรปิดภายในร้านจะทำหน้าที่เหมือนญาณวิเศษได้ แต่เขาก็ยังอดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี
ดูเหมือนว่าข่าวเกี่ยวกับเขาและงูแอดเดอร์ตัวนั้นจะเดินทางมาถึงทุกคนในสถานที่แห่งนี้อย่างครบถ้วนแล้ว
“วันนี้ดูจะเป็นวันที่อากาศดีที่ทั้งผมและงูจะออกมาเดินเล่น” นายตำรวจหนุ่มบอกยิ้ม ๆ
“ไม่ต้องสงสัยเลย” คนฟังยิ้มตอบ ขณะเดินเคียงข้างเขาขึ้นไปยังห้องทำงานที่ชั้นสาม "It is the bright day that brings forth the Adder, and that craves wary walking"
“จากบทละครเรื่องจูเลียส ซีซาร์ของเชคสเปียร์... ใช่ไหม”
คำกล่าวนั้นเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากเจ้าของหนังสือเก่าจำนวนมหาศาลในร้านนี้ได้ เขาเพิ่งเห็นประโยชน์ของการอ่านและจดจำหนังสือคลาสสิกได้ก็คราวนี้
“ใช่... คุณดูไม่ตกใจเท่าไหร่ เท่าที่ผมได้ยินจากคนที่สวนพฤกษศาสตร์มา คุณปลอดภัยดีและตั้งสติรับมือกับงูตัวนั้นได้ไว”
“ผมตกใจพอสมควร เพราะมันเฉียดมาก” รัสเซลล์ยอมรับ หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในเวิร์กช็อปสำหรับสอนการซ่อมหนังสืออย่างง่ายของเบอร์แทรม แม้จะเป็นเวิร์กช็อป แต่ไม่มีมุมไหนเลยที่ปราศจากหนังสือและชั้นวางหนังสือ เพียงแต่หนังสือที่อยู่ภายในห้องนี้เป็นหนังสือที่ได้รับการเก็บรักษาอย่างดี และอีกส่วนหนึ่งเป็นหนังสือชำรุดที่รอการซ่อมแซม
เขาวางมือลงกลางอก เหนือสร้อยคอแฮ็กสโตน “แต่เครื่องรางที่คุณให้อาจจะได้ผล ไม่อย่างนั้นผมอาจจะถูกมันกัดแล้วก็ได้”
เบอร์แทรมเพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ ไม่ออกความเห็นในเรื่องนั้น เดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และหยิบกล่องใส่แซนด์วิชที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นส่งให้
“ปานินี่แฮม อาจจะเย็นเกินไปหน่อยแล้ว ผมซื้อมาเผื่อ คิดว่าคุณยังไม่น่าจะได้กินอะไรมา” เจ้าของร้านหนังสือบอก “คุณจะเอาชาหรือกาแฟดี”
“กาแฟก็ได้ครับ ขอบคุณ”
ตอนนี้ เขาเริ่มจับทางได้แล้วว่า อาหารคือสิ่งที่อีกฝ่ายใช้สำหรับปลอบประโลมจิตใจของคนอื่นแทนคำพูด ซึ่งเขายอมรับว่า แนวคิดที่ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อท้องอิ่มของเบอร์แทรมเป็นแนวคิดที่ดี และเป็นการเยียวยาจิตใจที่ได้ผลอยู่ไม่น้อย
เจ้าของร้านหายไปจากห้องครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกลับเข้ามาพร้อมกับถ้วยกาแฟสองใบ สำหรับเขาใบหนึ่ง สำหรับตัวเองอีกใบหนึ่ง กลิ่นหอมของกาแฟที่อยู่ในห้องที่มีกลิ่นอายของหนังสือเก่าเป็นกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก
“คุณดูมีอะไรอยากถาม” เบอร์แทรมนั่งลงบนม้านั่งตรงหน้าเขา “คุณกินให้เสร็จก่อนหรือจะกินไปคุยไปก็ได้”
รัสเซลล์กัดแซนด์วิชที่ทำจากขนมปังปานินี่อบไปคำหนึ่ง ถึงจะไม่ใช่อาหารฝีมือเบอร์แทรม แต่มันก็อร่อย
“คุณพอจะมีคำอธิบายสำหรับเรื่องนกเรเวนของเจนนิเฟอร์และงูแอดเดอร์ที่ผมเจอบ้างหรือเปล่า”
“ในด้านโชคลาง ทั้งนกเรเวนและงูแอดเดอร์เป็นลางร้าย” เจ้าของร้านหนังสือกล่าว มีความจริงจังอยู่ในน้ำเสียง “การพบเห็นสัตว์สองชนิดนี้ มีความหมายว่าอาจมีคนใดคนหนึ่งที่เธอหรือคุณรู้จักต้องมีอันเป็นไป แต่ถ้าเป็นความเชื่อของพวกดรูอิด งูแอดเดอร์เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ เพราะพวกงูมีการลอกคราบ เพราะฉะนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป”
“ผมคิดว่า คนที่ส่งนกเรเวนกับงูแอดเดอร์มาหาเราคงไม่ใช่คนรักสงบอย่างพวกดรูอิด”
“มันเป็นจดหมายขู่จากคนที่กำลังหลบหนีและกำลังตามหาพวกคุณอยู่” เป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา ไม่มีการอ้อมค้อมหรือปลอบใจทั้งนั้น แต่ด้วยบุคลิก นิสัย และสายตาของคนพูดที่สบตากับเขาในอาการสงบและครุ่นคิดราวกับรับเอาปัญหาของเขามาเป็นธุระของตัวเองด้วยทำให้อุ่นใจมากกว่าจะวิตกกังวล “นี่เป็นคำอธิบายในกรณีที่คุณจะยอมเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ถ้าคุณต้องการคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ผมเองก็จนใจ”
“ตอนนี้ ผมไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นวิทยาศาสตร์หรือเปล่า” รัสเซลล์บอก “ผมแคร์ความปลอดภัยของเจนนิเฟอร์ มาเรีย แล้วก็คุณมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่ผมไม่มีความรู้พอที่จะต่อกรกับคนอย่างแอดดิงตัน ถ้าหมอนั่นใช้เวทมนตร์ได้จริง ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเริ่มต้นจากการอ่านหนังสือเล่มไหน หรือจะต้องทำอะไรเพื่อที่จะดูแลทุกคนที่สำคัญกับผมและรับมือกับการจู่โจมของคนที่ผมก็ไม่มีปัญญาจะคาดเดาสิ่งที่เขาจะทำต่อไปได้”
“แต่ผมรู้ในสิ่งที่คุณไม่รู้” เบอร์แทรมกล่าว “ทำไมคุณไม่ให้ผมดูแลคุณแทนล่ะ”
To be continued >>> Day 15: Pajamas
อยากให้เขาทำความรู้จักกับหมูกระทะนะคะ