เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I'll try...overreachpeach.
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน ไม่อยากเป็นแบบนี้ | deep cut
  • "แกอย่าคิดมาก"


    "มึงเป็นคนสำคัญจริง ๆ นะวันนี้ ห้ามเท"


    "อยากเจอแล้วเนี่ย รอนานแล้ว ถึงไหนแล้ว ต้องเลี้ยงข้าวกูนะ"


    "แล้วแกจะทำยังไงต่อ"


    วันนี้เป็นวันนัดสัมภาษณ์งาน (อีกแล้ว) ที่เราเบี้ยวนัดไปเมื่ออาทิตย์ก่อน โดยให้เหตุผลโง่ ๆ ว่าท้องเสีย ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นอะไรเลยแค่ไม่พร้อม เราส่ง e-mail ไปขอโทษพร้อมขอนัดครั้งใหม่ ซึ่งเราก็ได้โอกาสนั้นมา ตอนนาฬิกาปลุกดัง สิ่งที่รู้สึกได้คือตกใจ และคิดว่าจะเทดีไหม ไม่อยากลุกจากเตียงเลย อยากหลับตา นอนนิ่ง ๆ ถอนหายใจแรงมาก เสื้อผ้าที่จะใส่ไปสัมภาษณ์ไม่ได้รีดด้วยซ้ำ เอกสารก็ยังไม่เตรียม จากคอนแทคเลนส์ที่คิดว่าต้องใส่ก็เลือกใส่แว่นแทน ทำทุกอย่างแบบเหนื่อย ๆ เอื่อย ๆ คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะเอาอะไรไปตอบตอนสัมภาษณ์ นั่งที่เก้าอี้อยู่เกือบสิบนาที สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วบอกตัวเองว่า ฮึบสิ อีกแค่วันเดียว วันนี้วันเดียว เดี๋ยวทุกอย่างก็จบ



    เราไปถึงที่ตึกก่อนเวลานัดจริงประมาณสิบนาที รองเท้าที่เคยใส่ประจำช่วงทำงานก็ดันมากัดอีก เลือดไหลจนต้องเอาทิชชู่มาซับไว้ก่อน เราเดินเข้าไปรอสัมฯกับ vice manager มั้ง เป็นต่างชาติ ทุกอย่างในออฟฟิศโคตรผิดกับที่เราคิด เขาใส่เสื้อโปโล กางเกงยีนส์ สักลายมังกรที่แขนข้างขวาเลยมาจนถึงข้อศอก เอ้อ ในขณะที่เราใส่ casual business outfit แต่เอาเหอะ มาสัมฯให้จบ ๆ ไป คำถามทั่วไป ไม่ตื่นเต้น ไม่หวือหวา เป็นคำถามที่ตอบได้ แค่รู้สึกว่ากูตอบไม่ตรงเนื้องานเขาอีกแล้ว เราไม่รู้ว่าจริง ๆ บริษัทนี้ ตำแหน่งนี้ทำอะไร ซึ่งเราแถไปนั่นแหละ สรุปก็คือเฟล สัมฯเสร็จในเวลายี่สิบนาที ทุกอย่างโอเค มีแค่เราที่ไม่โอเค พยายามยิ้ม ยกมุมปากเวลาพูดให้ไม่ดูหน้าบิ้ง สบตาเขาตลอด ติดแค่พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ลน แบบลิ้นพันกัน ไม่รู้เพราะยังไม่ตื่นจากยาเมื่อคืนรึเปล่า แต่เอาเหอะ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร


    หลังจากสัมฯเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว ตัดสินใจไป kino ด้วยอารมณ์ไหนไม่รู้ อยากได้หนังสืออ่าน อยากใช้เงิน อยากไปเดินเล่นคนเดียว ตอนนั้นสิบโมงครึ่ง บรรยากาศห้างและร้านหนังสือที่ดีมาก เงียบ คนน้อย เสียงไม่ดัง เราอยู่ในนั้นเกือบชั่วโมงและได้หนังสือมาสองเล่ม พอดีกับที่เรานึกขึ้นได้ว่าต้องไปรับคะแนน TOEIC ต่อ ในใจคิดว่าคะแนนก็น่าจะโอเคมั้ง เรียนเอกอิ้งมาด้วย ใคร ๆ ก็บอกว่าเราทำได้อยู่แล้ว 


    กลับมาถึงห้อง ใช้คัตเตอร์กรีดเปิดซองแล้วหยิบใบคะแนนออกมา อื้ม ผิดหวังจัง คะแนนน้อยกว่าที่คิดไว้มาก เสียใจ เสียดายเงิน เห็นคะแนนตัวเองตอนนั้นโคตรอยากฉีกกระดาษตรงหน้าทิ้งเลย ทำไมอะ ทำไม ตอนนั้นน้ำตาไหล ร้องไห้ไวมาก เหมือนกด switch ไฟหรือเปิดก็อกน้ำล้างหน้า ประมาณนั้นเลย ทุกอย่างเริ่มผุดเขามาในหัว ไม่ได้คิดแค่เรื่องคะแนนแล้ว แต่คิดว่าอีกแล้ว ทำไม เราโฟกัสอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ ใช่ไหมวะ มือสั่นมาก โกรธตัวเองมาก เกลียดตัวเองมาก


    เราหยิบคัตเตอร์อันเดิมที่ใช่กรีดซอง ดันใบมีดออกมาอีกนิดหน่อย
    เรากรีดมันลงไปที่ต้นขาตัวเอง เอาแบบที่คิดว่าไม่ต้องเลือดไหลเยอะมาก ให้พอรู้สึกว่าเจ็บก็พอ
    เรากรีดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ไปประมาณสิบกว่ารอบ ผิวเริ่มแดงเหมือนโดนพลาสติกขูด เหมือนรอยถลอก
    เราร้องไห้พร้อมกับเสียงในหัวที่บอกว่า อีกแล้วนะxx เป็นแบบนี้อีกแล้ว ยูทำอะไรไม่เคยสำเร็จเลย
    เราไม่สนแล้วว่าตอนนั้นจะเลือดไหลไหม จะแสบไหม เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกท่ี่เราทำแบบนี้
    เรากรีดต้นขาตัวเองมาเจ็ดแปดครั้งได้ ไม่เจ็บมากแต่ทำให้รู้สึกว่า เราโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง 
    เราด่าใครไม่ได้นอกจากตัวเราเอง เราทำอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เราแก้ไขสิ่งที่ผ่านมาไม่ได้ และเรา
    ยังอยู่ตรงนี้ นี้คงเป็นเหตุผลที่เราทำอะไร (ที่คนอื่นคิดว่างี่เง่า เรียกร้องความสนใจ) แบบนี้ไป...

    ตอนเย็นเรามีนัดกับเพื่อนที่สยาม กะจะเทเพื่อนไปแล้วประมาณเจ็บสิบเปอร์เซนต์ ด้วยความที่ว่าหลังจากทะเลาะกับตัวเองเสร็จ ก็เหนื่อย กินยาไปสองเม็ด ฝันแบบแย่ ๆ เหมือนเคย เราตื่นเพราะเพื่อนโทรมาตาม ก่อนเวลานัดด้วยนะ โอเค ฮึบอีกรอบ ตัดสินใจทำการ์ดโง่ ๆ สามใบ แต่ตั้งใจทำมากนะ เขียนข้อความ แพคไปพร้อมกับชารสลินจี่ มะม่วงแล้วก็ลาเวนเดอร์ ความคิดตอนนั้นคือ อยากทำให้เพื่อน เผื่อว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก อย่างน้อยถ้ามีการ์ด คงเก็บไว้คิดถึงกันได้ละมั้ง อื้ม ความคิดนี้อีกแล้ว 


    เราคิดอยากตายอยู่ทุกวัน เราอยากทำให้แต่ละวันจบไปแบบเร็ว ๆ แต่ทุกอย่างมันคือภาพช้า ทุกอย่างดูว่างเปล่า ไร้จุดหมาย ต่างกับเพื่อนที่กำลังจะมีงานทำ มีครอบครัว มีอะไรหลาย ๆ อย่างเข้ามาในชีวิต แต่สำหรับเรา เอาแค่ว่า เพื่อนชวนมาก็จะเทอยู่แล้ว เราไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น ก่อนหน้านี้มันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว พอไปเจอเพื่อนยิ่งทำให้รู้ว่า เราเป็นอะไรหน่วง ๆ ให้เพื่อนอยู่ตลอด เพื่อนพยายาม please เรา สนใจเราในแบบที่เราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้ หรือเราแค่คิดมากไปเองแต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีเลย เพื่อนทุกคนดีมากในแบบของตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีใครผิด ทุกคนทำให้เราหัวเราะได้ ทำให้เรากินข้าวได้ ทำให้เราไปนู่นไปนี่ หาอะไรทำได้ มันผิดเองที่เรารู้สึกแย่ เราอยากหนีออกไปจากตรงนั้นเอง แต่อีกใจก็บอกกับตัวเอง แบบที่หมอบอก


    "ถ้าลองไปกับเพื่อนจะเป็นยังไง หนูจะรูู้สึกยังไงเหรอ" 


    "ไม่โอเค หมายถึงว่า หนูไม่โอเคเอง เพื่อน..." (เรากำลังจะพูดต่อว่าเพื่อนทุกคนดีหมด ไม่ได้อะไร)
    เราพูดยังไม่ทันจบหมอก็ถามกลับไวมาก 


    "แล้วใครตัดสินว่าไม่โอเค" หมอถามย้ำ


    "หนูไม่โอเคเองนั่นแหละค่ะ" เราตอบไปด้วยน้ำเสียงเบาและเหนื่อยมาก


    13/06/2018


    ใช่ มันคือลูปเดิมที่เราหนีไม่พ้น
    เราไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตตอนนี้ มันคือความว่างเปล่า
    เราไม่อยากทำให้ใครรู้สึกไม่ดี เราไม่ได้อยากเรียกร้องความสนใจ (แม้ว่ามันจะเหมือนมากก็เหอะ)
    เราอยากบอกทุกคนว่าเราโอเค เราอยากอยู่คนเดียว แต่อีกใจก็บอกอยู่ว่า เฮ่ i'm here 



    ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Cha-ame (@Cha-ame)
อย่าโทษตัวเองเลยค่าาา
มันก็มีหลายๆปัจจัย คุณเองอาจจะยังไม่ชินข้อสอบ กับเวลาจริงๆด้วยเปล่า
เราเป็นนะ สอบไปตอนแรกตื่นเต้นจนทำไม่ได้ ไม่มีสมาธิ พอหลังๆ ง่วงซะงั้น ??
นี่จะไปสอบอีกยังคิดอยู่ ทำไงจะได้คะแนนเพิ่ม
overreachpeach. (@debbyjudycooper)
@Cha-ame ขอบคุณนะคะ คราวหน้าคะแนนคงดีกว่านี้ อ่านนสเพิ่มไปด้วยกันนะคะ :)
Cha-ame (@Cha-ame)
@debbyjudycooper โอเชเลยค่าา :)