It's just a bad day, not a bad life.
28/04
ที่บ้านโทรมาหาเราช่วงเย็น ๆ เราหลับไม่รู้เรื่อง ตื่นอีกทีก็เจอแจ้งเตือน 5 missed call ไป
เราโทรกลับ ยังไม่ทันพูดอะไรทางนั้นก็สวนกลับมาว่า ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รับสาย โทรหาหลายครั้งแล้วเราตอบไปด้วยเสียงเนือยมากว่า xxนอนอยู่ สิ่งที่ได้ยินต่อมาคือ
"นอนกินบ้านกินเมืองแบบนี้ แล้วมันจะไปได้อะไร "
"งานนี่ยังจะสมัครอยู่ไหม นอนทั้งวันแบบนี้จะรอดเหรอ... "
ตอนนั้นเราเกือบจะร้องไห้แล้ว เราบอกว่าเพิ่งไปส่งเอกสารมา เหนื่อย เลยนอน ตอนนั้นแย่มาก แย่มากจริง ๆ ในวันที่เราเหนื่อยมาก แต่ไม่มีใครรู้และพร้อมที่จะ judge เราอยู่ตลอด ให้คำแนะนำแนวผู้ใหญ่ยุคเบบี้บูมเมอร์แบบนี้ไปเรื่อย ๆ หลังจากวางสาย เราอาเจียน มือสั่น ทำอะไรไม่ถูก เลยคิดว่าวันรุ่งขึ้นจะ walk-in ไปหาหมอแล้วถามว่า what's wrong with me again เราอยากรู้แค่นั้น
29/03
วันนี้เรามีสอบ IC3 ตอนบ่ายโมงที่มหาลัย ตึกสอบอยู่ที่เดียวกับที่ที่จะไปหาหมอด้วย ดีไปอีก เพื่อความชัวร์ เราโทรไปถามก่อนว่าไม่ได้นัดหมอแต่ขอ walk-in เข้าไปได้ไหม ปลายสายบอกว่า วันนี้คุณหมอคิวเยอะ พี่เขาถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม เราเลยบอกว่างั้นขอไปหาหมอชั้นล่างดูก่อนก็ได้ค่ะ พี่เขาก็พูดดีบอกว่าโอเค ถ้ายังไงให้แวะมาได้ เราสอบเสร็จตอนบ่ายสามเกือบสี่โมง เพื่อนข้าง ๆ สอบผ่านทุก cert. เราไม่ผ่านซักใบ แย่ว่ะ พี่ที่คุมสอบก็บอก ไม่เป็นไรน้อง คนเราถนัดไม่เหมือนกัน โอเค ได้ค่ะพี่ หนูจะโอเคกับมัน หนูจะไม่เอาตัวเองไปเทียบกับคนในห้องที่สอบผ่านกันอย่างน้อยก็คนละหนึ่งใบ เราพยายามบอกตัวเองแบบนั้น ย้ำ ๆ ไปว่าเราไม่ถนัดเรื่องแบบนี้ เราอาจจะถนัดอย่างอื่นก็ได้ เราเดินจากห้องสอบ ลงไปหาหมอทั่วไป C/U bpm 120+ อีกแล้ว คุยกับหมอไม่ถึงสองนาที บอกหมอว่าคลื่นไส้ อาเจียนไปเมื่อคืน มือสั่น หมอสั่งยาแก้คลื่นไส้มา 5 เม็ด โอเค โอเคหมอ เราเดินไปรับยาแล้วขึ้นไปหาหมอชั้น 3 พี่ที่เคาท์เตอร์บอกว่าต้องรออีกหน่อยนะ เราบอก งั้นหนูลงไปหาอะไรกินก่อนนะคะแล้วจะขึ้นมาใหม่
เราลงไปซื้อน้ำส้มบวกแอปเปิ้ลปั่นที่ร้านประจำ ทุกอย่างโอเค แต่เรากินได้ 1/4 ของแก้วเองมั้ง ตอนนั้นจะอาเจียนอีกแล้ว กินไม่ลงเลยทิ้งขยะ แล้วขึ้นไปรอหมอ จนถึงห้าโมงครึ่ง หมอออกมาจากห้องตรวจ สะพายเป้ ท่าทางรีบมาก ตอนนั้นเหมือนมีสัมมนาอะไรซักอย่างอีกห้องอยู่ด้วย เดาว่าหมอต้องไปทำงานต่ออีก พี่ที่เคาท์เตอร์รีบตามหมอไปแล้วยื่นแฟ้มเหลืองให้หมอ หมอเรียกเราไปตรงโต๊ะใกล้ ๆ แถวนั้น ในใจตอนนั้นคิดว่าไม่น่าเลยกู หมอดูรีบมาก แต่หมอก็ไม่ได้ทิ้งเราไปไหนอะ
หมอเปิดแฟ้มแล้วถามว่า
"เป็นยังไงคะ"
เราบอกว่าเราอาเจียนเมื่อคืน หมอบอกว่าถ้าเป็นเพราะยามันน่าจะเป็นก่อนหน้านี้นะ เราบอกหมอว่า หนูต้องกลับบ้าน ที่นี้เราเริ่มน้ำตาคลอ มือสั่น ปากสั่นแบบพูดต่อไม่ได้ หมอรีบลุกแล้วบอกว่าไปคุยกันในห้อง (หมอเดินไปไวมาก หมออออ รอหนูด้วยค่ะ ไปไม่ถูกแล้ว) น้ำตาไหลก่อนเดินไปถึงห้องอีก หมอพูดอะไรไม่รู้เยอะมาก เราจับใจความไม่ได้ทั้งหมด ถามเยอะมาก แบบมาก ๆ หมอถามว่าตอนเด็กอยากเป็นอะไร เราบอกว่าอยากเป็นแอร์ฯ หมอถามว่าทำไมถึงอยากเป็น เราบอกว่าตอนนั้นไม่ได้คิดไร บอกแม่ แม่ยังหัวเราะเลย แล้วตอนนี้ล่ะ หมอถาม เราบอกว่าไม่พร้อม หมอถามว่ามันไม่พร้อมยังไง เราบอกว่าต้อง grooming ต้องใช้เงิน หมอบอกอยากให้กู้มากเลย เรารีบปัดไปว่าแค่นี้ก็เป็นล้านแล้ว หมอบอกเอาไปทำอะไรตั้งล้านหนึ่ง (อันนี้หมอน่าจะฟังไม่ชัด) งง ๆ ดี เราจะสื่อว่าแค่นี้ที่บ้านก็เป็นหนี้มากพออยู่แล้ว เราบอกอีกว่าทุกครั้งที่เปิดให้ walk-in จะตรงกับวันนัดตลอด
"คนอื่นเขาไม่รู้ว่าหนูผ่านมาบ้าง แต่วันนี้หนูอยากเปลี่ยนวิธีคิดไหม
หนูให้กำลังใจคนนี้ด้วย"
หมอจิ้มไหล่เราอีกแล้ว สะอื้นหนักไปอีก เราบอกว่าเราไม่อยากอยู่ใกล้ใครเพราะ radiate อะไรแย่ ๆ ออกไปตลอด หมอบอกก็ใช่ไง ถ้าคุณซึมเศร้า (นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้จากปากหมอเลยนะ) หงุดหงิดแบบนี้อยู่ การกลับบ้านของเรามันคือ trigger ชั้นดีเลยล่ะ ไหนจะเรื่องญาติ เรื่องทำงาน เรื่องน้อง ทุกอย่างมันปั่นร่วมกันหมดจนแยกไม่ออกว่าเราควรทำยังไง หมอบอกว่าถ้าเขาตายคุณก็สบายละ น่ะ หมอ มันก็ไม่ใช่แบบนั้น ในใจยังรู้สึกผิดอยู่ที่ทำอะไร ช่วยอะไรไม่ได้เลย แต่หมอบอก มันคนละอย่างกัน คุณต้องแยกให้ออก คุณต้องดูแลข้างในคุณก่อน ถึงจะไปดูแลคนอื่น เขาไม่แคร์คุณ คุณก็ไม่ต้องไปแคร์เขา เอาจริงถ้าเราทำแบบนั้นได้ เราจะมาร้องไห้ สะอื้นเป็นวรรคเป็นเวรต่อหน้าหมอแบบนี้เหรอวะ หมอถามว่าคุณเกลียดตัวเองใช่ไหม เราตอบว่ามาก แบบ real-timing สุด หมอถามตรงไหน เราตอบทุกอย่าง ยิ่งอธิบายยิ่งไร้สาระ ยื้ดเยื้อ เหน่ื่ือยมาก... หมอยื่นทิชชู่ให้ตลอดช่วงที่คุยประมาณสิบแผ่นได้ หมอเช็ดน้ำตาให้ เราเห็นหมอมองมาที่มือเราและเห็นว่าเรากำลังจิกมือตัวเองและร้องไห้ไปด้วย
หมอประคองมือเราที่กำทิชชู่อยู่ ลูบ ๆ แล้วพูดว่า
"คนนี้ล่ะ ดูแลเค้าหน่อย"
หมอเอามือแตะที่ไหล่ จิ้มที่ขา กุมมือเราหลายรอบมาก เราสะอื้นหนักมาก เหมือนจะอาเจียนบวกเป็นลมด้วยซ้ำ มันเป็นลูปเดิมที่เราไม่รู้ว่าจะพูดกับหมอยังไง เล่าไม่ออก
"หายใจลึก ๆ ซ้ำ ๆ ลึกกว่านั้นอีก หายใจเข้าตามหมอนะ หายใจออกยาว ๆ"
หมอพูดแบบนี้วนไปพักหนึ่ง เป็นความรู้สึกที่แย่มาก เหมือนทุกอย่างพัง เราหายใจไม่ทัน มือสั่น ปากสั่น น้ำตาไหล เราไม่ได้พูดอะไรเลย แต่หมอนั่งมองเราอยู่ตลอด หมอบอกสั่งน้ำมูกหน่อย เช็ดน้ำตาหน่อย คือหมอทนเรามาเกือบชั่วโมงในสภาพแบบนี้ได้ยังไง ในใจเราพยายามบอกตัวเองอยู่ว่า ยู พอที หยุดจิกมือตัวเองได้แล้ว หยุดสะอื้น หยุดร้องไห้ซักทีสิ นี่กะแค่มาถามหมอว่าทำไมถึงอาเจียนแค่นั้นเอง ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปแล้ววะ กว่าจะตั้งหลักได้ หยุดสะอื้น แต่น้ำตายังไหลอยู่ หมอบอกว่านี่เราคุยกันมาเกือบชั่วโมงแล้วนะ
เราบอกหมอว่าเราเหนื่อย
เราบอกหมอว่าเรารู้สึกผิดที่พูดคำนั้นไป
เราบอกหมอว่าทุกครั้งที่กินยาก็อยากกินให้หมดแต่คิดว่าไม่น่าตาย
เราบอกหมอว่าเราฝันร้าย ฝันถึงอุบัติเหตุ ฝันว่า overdose แล้วไปโผล่ใน ER
เราบอกหมอว่าทุกอย่างมีแต่เรื่องไม่ดี ทำให้เราเหนื่อยมาก อธิบายไม่ถูก
หมอปลอบเราดีมาก แต่ในใจก็คิด (อีกแล้ว) หมอก็พูดได้ไง
หมอบอกว่าชีวิตเราขึ้นอยู่กับคนอื่นมากไป น้องคุณก็แย่ ไม่มีใครแคร์เขาเหมือนกัน
หมอบอกว่า ที่นี้ เราเอาตัวเองให้ดีก่อนได้ไหม เอาข้างในให้ดีก่อน ใครจะเป็นยังไง จะว่ายังไงช่างเขา หมอบอกว่า เราดูแลคนนี้ก่อนได้ไหม หมอกุมมือเรารอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
ทุกนาทีที่ผ่านไปเราสบตาหมอแบบนับครั้งได้ เราไม่อยากสู้แล้ว เบื่อคำนี้มาก ตอนนั้นรู้สึกเป็นคนเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้ หมอบอกมันไม่ใช่ความผิดคุณเลย จัดการเรื่องกฎหมายให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็รีบกลับมาอยู่หอ หางาน อื้อ เนี่ย หมอก็พูดได้อยู่ดี เราก็อยากให้เป็นแบบนั้น แต่ conditions ทั้งกับตัวเองและหลายอย่างรอบตัว เราเป็นหนี้บุญคุณใคร เหมือนเราต้องตามไปใช้ให้หมด สุดท้ายเราก็แค่เด็กไม่ดีคนหนึ่ง หมอบอกว่าคุณแข็งแต่คุณไม่ได้ก้าวร้าว again หมอบอกเดี๋ยวมันจะดีขึ้น เราบอกว่าหนูก็คิดแบบนั้นมาตลอดแต่มันก็เป็นแบบเดิม หมอกุมมือเราอีกรอบ หมอถามว่าคุณได้กำลังใจจากใครบ้าง เราบอกไม่มี จริง ๆ มันมีแหละแต่มันไม่ถึงอะ ยังหน่วงอยู่ หมอบอกว่า หมออยากช่วย คนนี้ หมอให้กำลังใจ คุณเข้มแข็งมาถึงตอนนี้ คุณเก่ง คุณเรียนจบอะไร ที่ไหน จะรับปริญญาไหม เราตอบว่า เฉยๆ หมอบอก เอ้า งั้นคุณจะภูมิใจตอนไหน ตอนคุณจบ Harvard เหรอ คุณมีวันนี้ แค่นี้ก็ดีแล้ว คุณไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ใช่ความผิดคุณ ไปจัดการเรื่องที่บ้านให้เรียบร้อย เราเงียบไปซักพัก แบบสะอื้นอยู่ไม่รู้จะพูดอะไร หมอบอก เริ่มร้องไห้น้อยลงละ ดีขึ้นไหม หมอถามว่าตอนกลับบ้านคุณกลับยังไง เราบอกว่านั่งรถไฟ หมอบอกงั้นก็นั่งนานเลยสิ นอนเลยใช่ไหม แล้วตอนนอนอยู่คุณทำอะไร เราบอกว่าก็เล่นมือถือไปเรื่อย หมอบอกนี่ไง หาความสุขให้ตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง นี่คุยมานานแล้ว เราเพิ่งจะรู้สึกตัว หมอเหลือบมองนาฬิกา
"หิวไหม" เราพยักหน้า (ความหิวไม่เคยปราณีใคร 5555)
"ป่ะ ไปหาอะไรกินกัน"
ตอนนั้นเราพอจะรู้เลยว่าคุยกันมานานจริง เราเริ่ม calm ลง หมอรีบคว้ากระเป๋าเป้สีดำ ปิดไฟ เปิดประตู เดินผิวปากออกไปอย่างไว เราแบบ เห้ยหมอออ นี่ยังจูนไม่ทันเลย ทำไมหมอจัดการความรู้สึกตัวเองได้ดีขนาดนี้วะ หมอเจอคนไข้มาสิบกว่าคน เล่านู่นนี่ให้ฟัง อยากบอกหมอว่าหมอเก่งมาก ๆ โคตร ๆ แบบมาก ๆ หมอเหน่ื่อย เรารู้สึกได้ เราก็เหนื่อยเหมือนกัน
ตัดมาที่เคาท์เตอร์ พี่เขาถามอะไรซักอย่างจำไม่ได้เลย มือกำทิชชู่แน่นมากเพราะเยอะมาก กลัวทำหล่น น้ำตายังไหลอยู่ รีบเดินออกไปเข้าห้องน้ำ อาเจียนอีกรอบ อยู่ในห้องน้ำประมาณ 20 นาที เริ่มตั้งสติได้เลยเดินออกมา สั่งบอนชอน เอ้อ มู้ดสวิงไปอีก บอนชอนจะเยียวยาทุกอย่าง เดินไปเซเว่นต่อ เหมือนน้ำตาจะไหลอีกแล้ว กลางเซเว่นเลย สุดท้ายกลับมานอนร้องไห้ต่อที่ห้อง มึนหัวมาก รอรับของตอนสองทุ่มครึ่งแต่มีสายเข้าบอกว่าคนรับออร์เดอร์ไม่มาส่ง แปลว่าอะไรวะ นี่เริ่มหงุดหงิดอีก ก็ขอโทษกันไป ต้องรออีกหนึ่งชั่วโมง เราบอก อีกชั่วโมงเลยเหรอคะ ปลายสายรีบสวนกลับมาว่า ลูกค้ารอนะคะ ครั้งนี้ไม่คิดบริการ เอ้อ ดีไปอี๊ก แต่พอพี่เขามาส่งก็กินไม่ลง ไปนั่งตรงระเบียงใกล้กับบันไดหนีไฟต่อ คือจะบิ๊วตัวเองอีกแล้ว ทำตัวเองอีกแล้ว ตั้งแต่สามทุ่มจนถึงห้าทุ่มครึ่ง จนเพื่อนโทรมาพอดี ถามว่าเป็นยังไงบ้าง เรากลั้นไม่ร้องไห้แบบ ยู ฮึบนะ หยุด พอได้แล้ว แต่ทำไม่ได้ สรุปก็คือร้องไห้ใส่เพื่อนพร้อมตัดสายไป
สิ่งที่ได้จากหมอวันนี้ก็คือ เรายังตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเรายังรู้สึกแบบนี้ ทำไมเรายังอาเจียนอยู่เรื่อย ๆ ทำไมต้องคิดลบตลอด ทำไมต้องพาตัวเองจม ทำไม ทำไม และทำไม ในเมื่อการไปหาหมอก็ไม่ได้มีใครบังคับเราไป แต่พอไปหามันกลับรู้สึกแย่กว่าเดิม หรือเราคิดมากไปเอง ทั้ง ๆ ที่หมอก็ช่วยเราอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่มันจะโอเคขึ้น อีกนานไหม เราเริ่มรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ
พูดแล้วหิววววว ....