เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Melancholic CloudsLast P on the Street
Castle of Glass

  • เหตุผลที่เขียนหนะเหรอ..?

    E.M. Cioran นักปรัชญาชาวโรมานเนียเคยกล่าวไว้ว่า การเขียนหนังสือมันก็คือการเลื่อนความตายออกไปก่อน ฉันก็คงคิดแบบนั้นหละมั้ง

    เป็นอีกวันที่ฉันกำลังนั่งจดจ่ออยู่หน้าโน้ตบุ๊ค เฝ้าหาว่าอะไรที่ควรเขียน เธอเองก็คงเคยรู้สึกว่ามันมีบางอย่างติดค้างอยู่ในอกแต่เอาออกมาไม่ได้เป็นคำพูด แป้นเคอร์เซ่อที่กระพริบครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนเรียกร้องการพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า ฉันได้แต่ถอนหายใจ จุดบุหรี่มวนที่สาม ก่อนจะเปิด random เพลงใน spotify 

     Take me down to the river bend
    Take me down to the fighting end
    Wash the poison from off my skin
    Show me how to be whole again

    เพลง Castle of Glass ของ Linkin Park ดังขึ้นมา เสียงของนักร้องที่ตายไปแล้วทำให้ฉันเหม่อเล็กน้อยตอนพ่นควันบุหรี่ เนื้อเพลงมันช่างอธิบายอารมณ์อะไรบางอย่างตอนนี้ของฉันได้เหมาะเจาะเสียเหลือเกิน ฉันตัดสินใจที่จะบันทึกความรู้สึก ณ ตอนนั้นลงไปบนโน้ตบุ๊ค 

    เธอเคยรู้สึกเป็นพิษกับตัวเองไหม?

    บางทีสมองของเราก็ผลิตสารพิษออกมา เคลือบร่างกายของฉันเอาไว้ทั้งหมด เหมือนเป็นขนมเคลือบน้ำตาลดูน่ากิน ฉันรู้สึกได้ถึงความคิดภายใน เสียงเล็กๆเบาๆที่คอยกระซิบแทรกเสียงอื่นๆในหัวขึ้นมา เจ้าเสียงตัวร้ายตัวนั้นคอยบรรยายทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมองเห็นผ่านสายตาตนเองให้เป็นไปตามใจของมัน 

    ฉันอยากจะชำระล้างมันออกไป ถ้ามีแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ใกล้ๆสักที่ก็ดีสิ ให้ฉันได้จุ่มร่างกายเปื้อนมลทินของฉันลงไป ชำระล้างทุกความชั่วช้าโสมมออกไป เปลี่ยนฉันให้กลับมาเป็นคนเต็มคนเหมือนเดิม 

    แต่ถ้าแม่น้ำนั้นมีจริง แล้วฉันจุ่มตัวลงไปแต่ไม่ได้กลับขึ้นมาเพราะว่าร่างกายฉันทั้งหมดมันคือสิ่งที่ชั่วช้าเสียเองหละ? ถ้าไม่ใช่ความผิดของเสียงในหัว แต่เป็นตัวของฉันเอง จิตใจของฉันเองหละที่ควรถูกกำจัด? 

    Cause I'm only a crack in this castle of glass
    Hardly anything there for you to see
    For you to see


    แก้วหน้าที่ของมันคือเป็นภาชนะ แต่หากแม้มันมีรอยแตกร้าวเพียงเล็กน้อยคุณค่ามันก็ลดลงทันทีถึงแม้ว่ามันยังจะทำหน้าที่ได้ดีเช่นเดิมก็ตาม ฉันก็คงเหมือนกัน มีรอยแตกร้าวเล็กๆน้อยๆ มันกระจายอยู่รอบๆ ค่อยๆขยายตัวไปตามกาลเวลา หากแต่ก็ไม่เคยบาดใครจนเลือดตกยางออก

    แต่แค่นี้ ฉันก็หมดค่าไปเสียแล้ว... 

    ไม่มีอะไรให้เธอมาสนใจดูหรอก ฉันมันก็แค่แก้วแตกๆ ฉันเคยได้ยินว่ามีช่างซ่อมแก้วได้แม้ว่ามันจะร้าวแค่ไหน แต่คนทั่วไปก็คงไม่เสียเวลากับแก้วใบนึงขนาดนั้น ถ้าทำร้าวก็โยนทิ้งแล้วซื้อใหม่ 

    แก้วที่ไม่สมบูรณ์แบบฉัน ฉันก็สงสัยเหลือเกินว่าทำไมฉันถึงไม่ตกแตกแหลกสลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมถึงยังต้องอยู่ทั้งที่แบกรับบาดแผลรอยแตกไว้แบบนี้ 

    บางทีอาจจะเพราะแก้วมันไม่มีขาและมันพูดไม่ได้ ทำได้แค่รอให้มีคนไปเผลอปัดมันตกแตกกระจายไปกับพื้น ถ้ายังไม่ถึงวันนั้น มันก็ต้องแบกรอยแตกร้าวต่อไป ไม่ว่าจะอยู่บนโต๊ะหรือในถังขยะก็ตาม

    เธอลองสังเกตดูแก้วน้ำข้างตัวดูบ่อยๆสิ ลองฟังเสียงเรียกร้องจากมันดู แล้วตัดสินใจซะนะว่าจะพยายามถนอมรอยแตกร้าวของมัน หรือจะผลักมันให้ตกจากขอบโต๊ะให้พ้นๆไปซะ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in