ต่อมาในช่วงที่ชาวยุโรปขยายอาณานิคมไปทั่วโลก พวกเนเธอร์แลนด์และเยอรมนีก็มายึดครองเกาะนี้ พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็ถูกญี่ปุ่นยึดครอง จนสงครามสิ้นสุดลง เกาะนิวกินีก็อยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติและจากการแทรกแซงของสหรัฐฯ เพื่อป้องกันคอมมิวนิสต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งป่าไม้และแร่ธาตุ อินโดนีเซียเลยมีแผนการจะขยายประชากรไปยังเกาะนิวกินี อินโดนีเซียเข้าครอบครองซีกตะวันตกของเกาะ ตั้งชื่อเป็นจังหวัดอีเรียนจายา ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดปาปัว ส่วนฝั่งตะวันออกได้เอกราชเป็นประเทศปาปัวนิวกินี ในปี ค.ศ. ๑๙๗๕
เกาะนิวกินีเป็นบริเวณที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีนกมากกว่า ๖๕๐ ชนิด แมลง ๒๐๐,๐๐๐ ชนิด พืชกว่า ๒๐,๐๐๐ ชนิด และยังเป็นเขตที่มีวัฒนธรรมและภาษาหลากหลายที่สุดในโลก เนื่องจากมีชนเผ่าอยู่เป็นพัน ต่างก็มีภาษาเป็นของตัวเอง จนนักภาษาศาสตร์บันทึกภาษาได้กว่าพันภาษา โดยครึ่งหนึ่งของภาษาเหล่านั้นมีผู้พูดได้ไม่ถึงหนึ่งพันคน แม้กระทั่งบางหมู่บ้านที่ห่างกันเพียงไม่กี่กิโลเมตรก็มีภาษาที่ต่างกันแล้ว
แต่ดูเหมือนคนภายนอกจะรู้จักเกาะนิวกินีอยู่แค่สองเรื่อง
เรื่องแรกคือเป็นเผ่ามนุษย์กินคน หากทำศึกรบชนะศัตรูหรือจับคนแปลกหน้าได้ จะนำมากินเป็นอาหาร
มีตำนานเล่าว่า สมัยที่มิชชันนารีมาเผยแพร่คริสต์ศาสนาบนเกาะแห่งนี้ พวกเขาถูกพวกชนพื้นเมืองจับได้ ก่อนจะถูกนำไปแล่เนื้อเป็นชิ้นๆ ใส่ลงหม้อดินใบยักษ์ต้มน้ำเดือด เคียงคู่กับผักเผือกมัน เคี่ยวให้เนื้อนุ่ม ปรุงรส ก่อนจะมาแจกจ่ายกินกันทั้งเผ่า สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในเวลานั้น แต่สุดท้ายพวกมิชชันนารีกลับกลืนกินมนุษย์กินคนเสียเอง เพราะปัจจุบันชนพื้นเมืองส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนความเชื่อกลายเป็นชาวคริสต์ไปแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in