อาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า หากไม่ใช่ปืนเอชเคก็คือปืนลูกซอง อายุใช้งานเกินสิบปี ล้าสมัยกว่าอาวุธอย่างอาก้าหรือคาร์บินของบรรดานายพราน ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้ใช้ชีวิตในป่าสมบุกสมบันมากกว่าทหาร ตำรวจ และเสี่ยงภัยเช่นเดียวกัน
แต่ที่แย่ไปกว่านั้น คือพวกเขาต้องหาซื้อลูกกระสุนจากตลาดมืดเอง ในราคาลูกละ ๕ บาทสำหรับกระสุนปืนเอชเค และ ๒๐ บาทสำหรับกระสุนปืนลูกซอง เพราะระบบราชการอันโบราณด้วยระเบียบคร่ำครึ ทำให้ไม่มีใครกล้าทำเรื่องขอเบิกลูกกระสุน เพราะยิงแต่ละครั้งต้องทำเรื่องชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นในการขอเบิกกระสุน และต้องเก็บปลอกกระสุนมาให้ครบด้วย
เหตุผล ความจำเป็น และปลอกกระสุนอาจจะใช้ได้กับสนามซ้อมยิงปืน แต่ไม่ใช่ชีวิตจริงกับการปะทะกันในป่าลึก
แถมเวลาเจอผู้ต้องสงสัยในป่าก็ห้ามยิงก่อน ต้องโดนยิงก่อนจึงมีสิทธิ์ตอบโต้ ซึ่งทำให้ความตายปรากฏขึ้นที่ป่าทุ่งใหญ่ฯ มาแล้ว
“เมื่อสองปีก่อน มีรายงานว่าพรานชาวม้งที่ลักลอบล่าเสือโคร่งตามใบสั่งในป่าห้วยขาแข้ง จะผ่านมาทางป่าทุ่งใหญ่ พวกเราได้รับมอบหมายให้ไปดักจับ ตอนนั้นมืดแล้ว พอพรานม้งห้าคนโผล่ออกจากป่า เพื่อนผมเป็นหัวหน้าชุดก็ร้องตะโกนให้หยุดจะทำการตรวจค้น ปรากฏว่าพรานเอาปืนอาก้ากราดใส่ทันที เพื่อนตายสองคน บาดเจ็บอีกสามคน เรายิงสวนไป แต่พรานตายไปคนเดียว ที่เหลือหนีรอด”
เจ้าหน้าที่เหล่านี้ทราบดีว่าทุกครั้งที่เกิดการปะทะ พวกเขาเสียเปรียบเสมอ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นรายต่อไปที่ต้องสังเวยเพื่อปกป้องป่าผืนนี้
ใกล้เที่ยงคืน ทุกคนแยกย้ายกันไปนอนเปล
มีแต่ความมืดมิดบนพื้นดิน แต่เมื่อมองขึ้นท้องฟ้า ดาวนับแสนดวงระยิบระยับส่องประกายเป็นทางช้างเผือกพาดผ่านฟ้าคืนนั้น
ทางยิ่งมืด ยิ่งเห็นดาวพราวแสง
ชีวิตยิ่งมืดมน เพียงแค่ขอเงยหน้า
ยิ่งเห็นแสงสว่างอยู่รำไร
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in