สมมุติว่าเราสร้างกำแพงเสร็จแล้ว
เราสังเกตว่าอิฐก้อนหนึ่งไม่ตรง
อารมณ์เราเสีย
แต่เมื่อเราดูภาพรวม
เห็นว่า ๑ ใน ๑,๐๐๐ ไม่ตรง
อีก ๙๙๙ ก้อนตรง ใช้งานได้ดี
เราจึงปล่อยวางความรำคาญใจได้
เป็นอันว่าอิฐก้อนเดียว
มองด้วยภาพรวม ถึงจะไม่ตรงก็ไม่เป็นไร
.
.
ในอีกกรณีหนึ่ง เราผลิตเครื่องจักร
มีส่วนประกอบ ๑,๐๐๐ ชิ้น
พอทำเสร็จแล้วปรากฏว่าชิ้นหนึ่งเสีย
มองโดยภาพรวมก็เป็นแค่ ๑ ใน ๑,๐๐๐
แต่ถึงจะเป็นเพียงส่วนน้อยมาก
ก็ยังมีผลทำให้เครื่องจักรทำงานไม่ได้
.
.
ในการมองศีลธรรม ..
คนส่วนมากมองว่าเหมือนกำแพง
มองว่าผิดศีลในเรื่องเล็กน้อย
ก็ไม่มีความหมายอะไรมาก
เหมือนอิฐก้อน ๑ ใน ๑,๐๐๐ ที่ไม่ตรง
แต่พระพุทธเจ้าให้เราเข้าใจว่า
ศีลธรรมเหมือนเครื่องจักรมากกว่า
ถึงจะเป็นแค่ส่วนปลีกย่อย
ก็ทำให้ระบบศีลธรรมทั้งหมดพังได้
ใช้งานในการพัฒนาตนไม่ได้
Cr บทความ : พระอาจารย์ชยสาโร
ในสังคมปัจจุบัน
มีคนละเลยศีลธรรมขั้นพื้นฐานกันมาก
มีคดีหลอกลวงเรื่องการลงทุน
การได้ผลตอบแทนที่มากเกินจริง
ได้เพียง 2-3 เดือนแรก
หลังจากนั้นเงินที่ลงทุนไปก็สูญเปล่า
อันนี้ผิดศีลข้อ 2 ..การลักทรัพย์
เป็นการเบียดเบียนในทรัพย์ผู้อื่น
ผิดศีลข้อ4 การโฆษณาชวนเชื่อ
พูดโกหกหลอกลวง
ให้ผู้คนแห่มาลงทุน และสูญเงิน
ขณะเดียวกันผู้ลงทุน
ก็ขาดสติปัญญาไตร่ตรอง
มีความโลภ อยากได้ทรัพย์ที่เกินจริง
จึงรับผลกรรมนั้นไปตามเหตุปัจจัย
.
.
การมีสติ สมาธิ ปัญญา
มีเหตุผลต่างๆในการดำรงชีวิต
จะช่วยให้เรารอดพ้น
จากวงจรอบายมุข สิ่งไม่ดีต่างๆ
หากคบคนพาล พาลพาไปหาผิด
ให้คบบัณฑิต..บัณฑิตพาไปหาผล ..นั่นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in