เวลาเราทำบุญ ทำทาน
เราชอบกรวดน้ำกัน
จริงๆแล้ว เพื่อ..
ขอให้การให้นี้ จงชำระจิตเราให้สะอาด
ดุจดั่งที่เรากรวดน้ำจากคนโทหรือแก้ว
ไม่เหลือน้ำแม้เพียงหยดเดียว
เปรียบดั่งเพื่อ..
ขอให้ความโลภในใจเรานี้หมดไปฉันนั้น
เรายินดีในการให้อย่างเกื้อกูล
การให้อย่างแท้จริง
จิตจะสูง สว่าง และ กว้าง
ตรงข้ามกับ จิตต่ำ ดำมืด และแคบ
รักคน..ความรักทั้งจักรวาล
จิตพระอรหันต์ไร้พรมแดน
แผ่บุญกว้าง ทั่วสากล และจักรวาล
ไม่มีเอกภพ ไม่มีการแทรกแซง
ไม่แบ่งมนุษย์ สัตว์
ต่างมีส่วนร่วมกัน
เป็นหนึ่งเดียวกันของจักรวาล
.
.
ดังนั้นการพัฒนาจิตมนุษย์ จนจิตไร้พรมแดน
1. สรรพสิ่งล้วนอิงอาศัยกัน
เราต้องเข้าใจ อิทธิปัจจยตา
เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
แท้จริงแล้ว มนุษย์เป็นกันและกัน
ไม่แบ่งแยก เป็นส่วน เป็นเสี้ยว
ธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ ฟ้า ป่าเขา
เราเรียกเค้าว่าสิ่งแวดล้อม
เพราะมนุษย์ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง
ทุกอย่างล้อมรอบตัวเรา
เราจึงทำลายเค้าได้
ยกเว้นตนเอง
แท้จริง ไม่มีอะไรแยกเป็นเอกเทศ
ทุกสิ่งล้วนอิงอาศัยกัน
เราไม่กล้าทำร้ายตัวเอง
แต่เราทำลายสิ่งแวดล้อม
เราเคยลองคิดไหมว่า
ออกซิเจนมาจากไหน
ออกซิเจน มาจากต้นไม้
ต้นไม้งามได้ มาจากดิน
ดินดี มาจากปุ๋ย
ปุ๋ย มาจากไส้เดือนพรวนดิน
เราก็ต้องรดน้ำ ต้นไม้ถึงงาม
น้ำก็มาจากก้อนเมฆรวมตัวกัน
ตกลงมาเป็นสายฝน
สายฝนรวมตัวเป็นแม่น้ำลำคลอง
สายน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตเรา
แค่เราเห็นสิ่งหนึ่ง เราจะเห็นสิ่งต่างๆ
ล้วนมีที่มาที่ไปในสิ่งนั้น
โลกทัศน์แบบองค์รวม
เรานี้แหละคือส่วนหนึ่งขององค์รวม
เราไม่กล้าทำลาย ทำร้ายใคร
เราจะดูแล เพื่อส่วนรวม
เราไม่แยกจากสิ่งอื่น
.
.
2. ฝึกเมตตาแบบสากล ทะลุสมมติบัญญัติ
เรารักคนได้ทั้งโลก
ฝึกแผ่เมตตาจากจิตใจทุกวัน
ยามเราทอดตาไปทางไหน
สัตว์ คน ล้วนเป็นญาติพี่น้องกัน
เวลามองใคร..
ให้มองเป็นหลายมิติ
วัยสูงกว่า ก็มองว่าเป็นพ่อแม่
วัยสูงรองลงมา ก็เป็นลุงป้าน้าอา
วัยเท่ากัน ก็เปรียบเหมือนเพื่อนฝูง
วัยน้อยกว่า ก็เหมือนลูกหลาน
สูง ต่ำ ดำ ขาว ล้วนเป็นญาติ
เราทำร้ายใครไม่ได้
เพราะเหมือนทำร้ายตัวเอง ครอบครัวตัวเอง
เราจะไม่แยกเขา แยกเรา
ให้มองทะลุสัจธรรม
ทะลุสมมติว่า หน้าตาอย่างนี้ คนไทย
ห่มผ้าเหลืองอย่างนี้ คือพระในพุทธศาสนา
มองทะลุ เครื่องแบบ สีผิว
เพศ ศาสนา เชื้อชาติ
ทุกคนล้วนเป็นคนเหมือนกัน
มองทะลุ สมมติบัญญัติ
สู่สัจธรรมแทัจริง
ทุกคนเป็นสิ่งมีชีวิต
ต่างมีความต้องการพื้นฐาน
รักสุข เกลียดทุกข์ กลัวตาย
ต้องการความอยู่รอด
เราไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร
เราต้องการสิ่งใด
เค้าต้องการเหมือนกัน
เมื่อขยายเมตตาเป็นสากล
เราล้วนเท่ากัน
ต้องการสุข ไม่ทุกข์ เหมือนกัน
.
.
3. โลกทั่งผองเชื่อมโยง เป็นครอบครัวเดียวกัน
ในสังสารวัฏ..
ไม่มีใคร ไม่เคยเป็นญาติกันมาก่อน
เราไม่ทำร้ายใคร
ไม่มีใครคู่ควรแก่การโกรธ เกลียดชัง
เราต่างเป็นบุตร เป็นพ่อแม่กันมาก่อน
เราเป็นบุตรธิดาของโลก
เราควรมีความรัก ความเกื้อกูลกัน
We are the one
We are the world
ความรักของเราแผ่ขยาย ให้ทุกคน
ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า
"เมตตาธรรมค้ำจุนโลก"
เราต่างมีกันและกันในสรรพสิ่ง
เราต่างอิงองค์อื่นอีกหมื่นหมาย
เราต่างถ้อยธำรงจึงทรงกาย
เราต่างคล้ายเป็นส่วนหนึ่งที่ถึงกัน
Cr : พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
โครงการสามเณรปลูกปัญญาธรรม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in