เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มรรคาแห่งธรรมNoi Beleza
Happiness is here and now

  • ใกล้เทศกาลปีใหม่แล้ว
    เรามามีความสุข
    กับสิ่งง่ายๆ ที่เรามีอยู่แล้ว 
    Happiness is here and now
    .
    .
    เราชอบอ่านบทความของ
    พระชาวเวียดนาม ท่าน ติช นัท ฮันท์

    ท่านกล่าวถึงเรื่อง ความสุข..
    การหาความสุขง่ายนิดเดียว
    ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล
    ความสุขอยู่ในปัจจุบัน
    และอยู่กับตัวเรานี่เอง

    คนจำนวนมากเชื่อว่าจะมีความสุขได้
    ต้องมี ‘ข้อแม้’ ของความสุข
    เช่น ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
    มีเงิน มีคนรัก มีบ้าน มีรถยนต์ ฯลฯ
    จึงจะสุขได้

    แต่ความจริงความสุขนั้น
    มิได้มาจากปัจจัยภายนอกเหล่านั้น
    ความสุขอยู่ภายในตัวเราเอง
    เราทุกคนสามารถสุขได้ทันที
    เราทุกคนมีข้อแม้ของความสุขอยู่แล้ว
    ขอเพียงมองให้ถูกมุม

    ท่าน ติช นัท ฮันท์ บอกว่า..
    ลองกำหนดสติ ..
    หายใจเข้าแล้ว..
    เพ่งจิตที่นัยน์ตาของเรา
    มันยังเป็นปกติดี สามารถมองเห็นได้
    หายใจออกแล้วยิ้มให้นัยน์ตาของเรา
    เรามีนัยน์ตามองเห็นสีสันของโลก
    นี่ก็เป็นความสุขแล้ว
    ดังนั้นแค่มีนัยน์ตาสมบูรณ์
    ก็เป็นข้อแม้ให้มีความสุขได้แล้ว

    ลองพิจารณาดูแขนหรือมือของเรา
    มันยังคงอยู่ ใช้งานได้
    ดังนั้นแค่มีแขนมีมือ
    ก็เป็นข้อแม้ให้มีความสุขได้แล้ว

    ลองพิจารณาดูหัวใจเรา
    มันเต้นเป็นปกติ
    เมื่อเราหายใจเข้าออก
    จงยิ้มให้หัวใจของเรา
    หัวใจเรายังเต้นอยู่
    ก็เป็นข้อแม้ให้มีความสุขได้แล้ว

    เหล่านี้ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย
    และธรรมดาอย่างยิ่ง
    แต่คนเรามักมองข้ามสิ่งดี ๆ ที่เรามี
    หันไปมอง..
    ไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่มีมากกว่า
    แทบร้อยละร้อยเป็นวัตถุ

    ถ้ากำหนดดูโลกแบบ
    ‘พอใจในสิ่งที่ตนมี’ นี้
    จะพบว่าเรามีข้อแม้มากมาย
    ที่จะทำให้เรามีความสุข
    ไม่ต้องรอพรุ่งนี้
    เราสุขในนาทีนี้ได้
    ไม่ต้องรอถูกหวย
    หรือได้โบนัสเงินเดือนขึ้น
    ก็สุขได้ ไม่ต้องรอมีคนรัก เราก็สุขได้

    ท่านเขียนในหนังสือ Being Peace ว่า
    “หายใจเข้า กายและจิตฉันสงบ
    หายใจออก ฉันยิ้ม อยู่ในปัจจุบัน
    ฉันรู้ว่านี่คือขณะจิตเดียวเท่านั้น”

    ความสุขอยู่ในปัจจุบันขณะ
    อยู่ในความปกติ อยู่ในเรื่องธรรมดา
    แต่เราต้องรู้จักมอง
    อย่ามัวแต่มองคนอื่น
    มองตัวเราเองนี่แหละ

    มองดูร่างกายของเรา
    แขน ขา นิ้ว มือ ลองขยับมันดู
    หายใจเข้าออก สัมผัสลมหายใจ
    สัมผัสการเต้นของหัวใจ
    สัมผัสความเย็นร้อนที่แตะผิวหนัง
    กะพริบตาแล้วมองไปทั่ว

    นี่คือร่างกายของเรา
    ลึกลงไปในสมอง
    ระบบจิตใจกำลังทำงาน
    เรารู้สึกตัว เราคุมมันได้ด้วยสติ
    แม้ว่าบางครั้งเมื่อเผลอ มันก็คุมเรา
    แต่มันเป็นร่างกายจิตใจของเรา
    ที่เราสามารถทำให้มัน
    อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดได้

    เราเลือกที่จะมีความสุขได้
    และไม่ยากอย่างที่คิด
    ต้นทุนของความสุขไม่แพง
    อย่างที่คนส่วนมากเชื่อ

    นี่ก็คือการพิจารณาความสุขแบบง่าย ๆ
    นี่ก็คือการมองด้านดีของตัวเราและโลก
    นี่ก็คือ ‘น้ำครึ่งแก้ว’
    จะมองด้านบวกก็สุข
    มองด้านลบก็ทุกข์
    มองโลกให้เป็นปัญหา ก็เป็นปัญหา

    เมื่อไม่มีปัญหา
    ก็อย่าหาเหามาใส่หัว
    แว่นตาของเรานั้น
    กรอบเดียวกันใส่เลนส์ใส
    ก็มองเห็นโลกใส
    ใส่เลนส์ดำ ก็มองเห็นโลกดำมืด

    เราเป็นเจ้าของร่างกายของเรา
    รักษามันให้ดี ..
    อย่าให้ไขมันและอนุมูลอิสระ
    พอกพูนจนร่างกายเสียหาย

    เราเป็นเจ้าของจิตใจของเรา
    รักษามันให้ดี
    ไม่ให้ทุกข์โดยไม่จำเป็น
    อย่าเติมอนุมูลอิสระทางใจ
    เข้าไปโดยไม่จำเป็น

    อารมณ์โกรธ กลัว เศร้าหมอง
    ล้วนเป็นธรรมชาติของมนุษย์
    เป็นโปรแกรมที่ถูกฝังมาอย่างนี้
    เมื่อเข้าใจมัน ตามมันทัน
    ก็จะไม่ทุกข์ร้อนกับมัน

    เพราะอารมณ์เหล่านี้
    เกิดและดับตามธรรมชาติ
    ถ้าเรามีสติ มันก็เกิดขึ้นไม่ได้
    ถ้าเราเผลอปล่อยให้มันเกิดมา
    ก็แค่เรียกสติคืนมา

    เฝ้าดูมันโดยไม่ต้องทำอะไรกับมัน
    ไม่ต้องคิดกำจัดมัน
    แค่ปล่อยให้มันหายไปเอง
    เพราะมันจะไปเองตามธรรมชาติ

    เมื่อเข้าใจกลไกการทำงานของอารมณ์
    และข้อแม้ของความสุข
    ก็ไม่มีเหตุผลใด
    ที่เราจะไม่สามารถใช้ชีวิตที่เหลือ
    อย่างมีความสุขและมีคุณค่า

    Cr : หนังสือ ยาเม็ดสีแดง
    คุณวินทร์ เลียววาริณ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in