"เจ้าคิด ว่าเจ้าเป็นคนยังไง?"
คำตอบง่ายง่าย "ข้าก็เป็นข้า" เธอจ้องกลับด้วยดวงตาคมโต เย็นกริบ แต่อมยิ้มเหมือนอะไรสักอย่างที่น่ากลัวและกำลังตรวจสอบเหยื่อที่น่าพึงพอใจ "แต่ผู้คนนั้นมีมาก มีมากคนก็มากความคิด ตามแต่ความถนัดที่พวกเขาชอบคิด บางครั้ง-ข้าจึงเป็นเพียงแค่บางสิ่งที่ไม่เหมือนกันเลยเวลาอยู่ในความคิดของแต่ละคน บ้างก็เหมือน บ้างก็ไม่เหมือนนะ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่รู้จักข้าได้ดีมาก มากกว่าตัวข้า เจ้าลองไปถามเขาดูสิ เพราะหากข้าพูด อาจจะดูเข้าข้างตนเองก็ได้ แต่ข้าน่ะไม่ใช่คนที่ดีหรอกนะ" เธอยิ้มจนเกือบหัวเราะ
..............
เมื่อผมพบเขาคนนั้นจึงต้องเรียกเขาว่าท่าน ตามความเคารพที่มีให้มาโดยตลอด ผมไม่ได้คิดหรอกว่า เขาคนนั้นจะหมายถึงท่านคนนี้ ผมยังแอบคิดมาโดยตลอดว่าบางทีการสอบถามเรื่องแบบนี้จากคนที่เธอแนะนำเอง มันก็อาจดูเหมือนเป็นการเข้าข้างตัวเธอเองไม่ใช่เหรอ แต่นี่ไม่ใช่ เพราะท่านไม่เข้าข้างใครแต่เข้าใจทุกคนมากกว่า ผมไม่จำเป็นต้องเล่าว่าท่านคือใคร แต่เมื่อมีโอกาส
ผมจึงสอบถามท่านถึงเรื่องเธอ "เธอเป็นคนแบบไหนเหรอครับ คือผมสงสัย บางครั้งผมรู้สึกเหมือนมีเธอหลายคนภายในตัวเธอเพียงคนเดียว" ผมถามท่าน
ชายชรายิ้ม "แล้ว เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้างล่ะ ในตอนที่พบกัน" ชายชราถามกลับ
"แปลก เธอเป็นคนที่แปลกครับ.. เหมือนความลับ ดูไม่เป็นมิตรแต่ก็โต้ตอบได้ดี"
ชายชรายิ้มและพยักหน้า ท่านเอ่ยว่า "เธอน่ะ มีหลายบุคลิกนะ ฟังดูอาจแปลกไปหน่อยแต่ก็จริง แต่ละบุคลิกหรือที่เจ้าเรียกว่า หลายคนในคนเดียว มันคือการแสดงออกต่อคนที่เธอพบเจอ ถ้าเธอเห็นใครว่าควรหัวเราะด้วยเธอก็จะหัวเราะ หรือเธอจะยื่นมิตรให้หากอีกฝ่ายเป็นมิตร แต่เธอไม่ค่อยชอบผู้คนนัก เธอชอบความสงบ" ชายชราตอบอย่างใจดีและไม่ลืมที่จะยิ้มเสมอ
"อย่างนั้นเธอคงไม่ชอบผม ถึงดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่" ผมตอบ
"ไม่ใช่หรอกพ่อหนุ่ม" ชายชราปฏิเสธอย่างอารมณ์ดี "แต่นั่นเพราะว่าเธอจริงใจ เพราะว่าจริงใจเจ้าถึงได้มานั่งตรงนี้กับข้าและถามเรื่องเธอ เธอให้เจ้ามาถามข้าใช่ไหม" ชายชรายิ้ม
ผมตอบว่าใช่ ท่านจึงเอ่ยต่อว่า "นั่นเพราะเธอจริงใจต่อเจ้านะพ่อหนุ่มช่างสงสัย การที่เธอไม่ได้พูดเกี่ยวกับตนเองเพราะอยากแสดงความจริงใจว่าไม่ได้ลำเอียง แต่ถ้าเจ้าถามข้าว่าเธอเป็นคนอย่างไร ข้าคงตอบออกไปอย่างง่ายง่ายว่าเธอเป็นคนที่น่าเคารพคนหนึ่ง มีความน่าสงสารและน่านับถือด้วยเช่นกัน เธออ่อนโยนต่ออะไรก็ตามที่เธอห่วงใย ไม่ใช่คนร้ายแม้จะดูดุบ้างบางเวลา" ชายชราหัวเราะ "ลองไปถามเธอสิ ลองฟังว่าเธอจะพูดเหมือนเข้าข้างตนเองหรือเปล่าในมุมมองของเจ้า"
ผมพยักหน้า และอยากรู้ในความหมายที่ท่านบอกว่าเธอ น่าสงสาร
...........
ผมเจอเธออีกครั้ง ในสถานที่ที่มีหนังสือมากมายไม่รู้จบ หอสมุด
ผมยิ้ม เธอยิ้มตอบ จากนั้นจึงรื้อหนังสือกองโตสูงกว่าตนเองต่อไปโดยไม่สนใจผม ผมทักทายเธอและชวนคุยเล็กน้อย เธอจึงคุยด้วยโดยไม่ได้ปฏิเสธการสนทนากับผม ผมจึงเล่าเรื่องที่ได้พบและพูดคุยกับท่านให้เธอฟัง แต่ไม่ได้บอกว่าท่านให้ผมมาถามเธออีกครั้งด้วยตนเอง เธอหัวเราะชอบใจ ตรงนี้เธอดูน่ารักคล้ายคล้ายเป็นการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะทำตาวาววับ
"แล้วเจ้าคิดอย่างไร" เธอถามผม
ผมจึงได้โอกาสตอบกลับด้วยคำถาม "ข้าคิดว่า อยากจะลองฟังเจ้าพูดด้วยตนเองบ้างน่ะ จะได้ไหม" แล้วลองยิ้มเจ้าเล่ห์เท่าที่จะทำได้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะทำทำไม เธอเปลี่ยนสีหน้าทันที ชั่วขณะหนึ่งเหมือนผมเห็นความเศร้าวิ่งผ่านดวงตาเธอ แต่แล้วเธอก็ยิ้มฝืนฝืนก่อนบอกว่า
"ไม่กลัวข้าเข้าข้างตนเองเหรองัย" เธอพูด
"ไม่หรอก" ผมตอบ "ถึงจะเข้าข้างตนเองก็อยากลองฟัง" ผมทำหน้าตาจริงใจสื่อออกไปเต็มที่
เธอยิ้มเบาเบาและพยักหน้าก่อนบอกว่า "เจ้าน่ะมันไร้สาระนะ รู้ตัวหรือเปล่า" เธอหัวเราะ "เพียงเรื่องเล็กเล็กเจ้าก็ทำดูให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่นิสัยหรือตัวตนข้า เจ้าก็ดูจะอยากรู้จนเกินไป" เธอหัวเราะอีกครั้งแต่ดังกว่าเดิม และนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดเหมือนพึ่งคิดได้ ว่าทำไมผมต้องอยากรู้เรื่องของเธอมาก ผมนิ่งเงียบไปเล็กน้อย "ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าไม่ถือ เจ้าไม่ได้อยากรู้จนน่าเกลียดหรือแสดงกิริยาที่น่าสงสัย แต่เจ้าเป็นเพียงคนช่างสงสัยใคร่รู้ ดีนะว่าเป็นข้า ข้าจึงเข้าใจ" ผมมองเธอ หญิงสาวตัวเล็กเล็กที่ผอมบาง มีผมยาว ยาวมากสีดำสนิทในชุดที่ไม่ว่าจะวันไหนไหนหรือเมื่อไหร่ก็จะเป็นสีดำสนิทเสมอ เธอพูดว่า
เข้าใจ
......
ข้าน่ะ
"เป็นสิ่งที่ยึดมั่น ยึดถือ ในสิ่งที่เชื่อและศรัทธาเสมอ ข้าเคารพอย่างสงบเงียบภายในตัวตนและดวงใจของข้า ไม่ได้พล่าม หรือเอ่ยเชิงลอยแต่หนักทางโอ้อวดให้ผู้ใดฟัง รับรู้ และได้ยิน ข้าก็คือข้า เป็นสิ่งที่ถูกมองตามสิ่งที่เรียกว่าร่างกายของข้า เมื่อเคลื่อนไหวในทิศทางไหน มักจะถูกมองและมีชื่อเรียกทันทีหลังจากนั้น แต่ข้าก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในที่ที่มีสิ่งมีชีวิตคอยจับจ้อง เพื่อมองและเพ่งเล็งมานานมากแล้วเมื่อข้ายังจำความได้ดี ได้ดีกว่าตอนนี้ ข้าเติบโตและสู่เส้นทางใหม่มานานมากมากแล้ว ซึ่งเส้นทางใหม่นั้น มีความยากยิ่งของการอยู่รอด และยากยิ่งต่อการก้าวเท้าเดินแต่ละก้าว แต่ข้าก็ยังอยู่..." เธอก้มมองมือตนเองที่แบอยู่บนตัก เธอกำมือและคลายออก
"ข้าเป็นคนละเอียดละออในทุกเรื่องราวทั้งที่จับต้องได้หรือไม่อาจจับต้องได้ จนบางครั้งก็มีปัญหาเพราะความละเอียดตรงนี้แหละที่คนรอบข้างมักไม่ละเอียดกับข้าด้วย แต่ข้าก็กระด้างได้ในเรื่องที่ชินและหน่ายนะ ข้ามักจะจม-ดิ่งลึกอยู่กับบางสิ่งที่หลงไหล ชื่นชอบ ข้าคร่ำครวญเมื่อไม่ได้มาในสิ่งที่รัก หรือปราถนา บ้างก็มีเสียง บ้างก็ไร้เสียงขณะคร่ำครวญ ข้าเป็นคนคิดมาก มาก และมากกว่าที่ควรจะเป็น ข้าเป็นอย่างนั้นเสมอมาและไม่ได้ทุเลาลงนักต่อสิ่งนี้ ตอนนี้ข้าก็มีนะเรื่องให้คิดมากน่ะ" เธอหัวเราะ
"และก็ ข้าน่ะ เป็นบางสิ่งที่อ่อนแอมาก มากเหลือเกิน ไม่ได้ดูดุร้ายหรือเด็ดเดี่ยวอะไรเลย แต่ในขณะเดียวกันความอดทนจนแกร่งกล้าของข้าก็มีสูงมากมากเช่นกัน เพราะยิ่งอ่อนแอข้ายิ่งต้องการความอยู่รอด โหยหาการเยียวยา ในขณะที่ผู้อื่นยอมสลายเพื่อหายจากโลกใบนี้ที่มีความบิดเบี้ยวเล็กน้อย ข้าก็สลายนะ แต่เลือกที่จะไม่ตาย แม้มันจะทำให้ข้าบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่าจนทั้งตัวซ่อมแซมไม่ได้" เธอเอามือทาบหน้าอกตัวเอง
"แม้เวลาเองยังต้องกังวลต่อตัวข้าเลยนะ แต่นั่นมันก็ทำให้ข้ามีความแกร่ง อดทน แม้ข้าจะอ่อนแอจนเจ็บป่วยแต่บางครั้งข้าก็สดใสนะ อย่าแปลกใจเลย" เธอหัวเราะเพราะมองหน้าผม ผมว่าผมไม่ได้ทำหน้าตาแปลกใจนะ "บางเวลาที่บังเอิญผ่านเข้ามาน่ะ บางครั้งก็ดี มันอาจจะน้อยนิด แต่เพราะว่ามันน้อยนิดนี่แหละมันถึงจดจำได้ง่ายเพราะมีเพียงไม่กี่เรื่องราวเท่านั้น มันจึงง่ายต่อการจดจำ เหมือนที่ข้าเคยเขียนในบทประโยค ว่า "ข้าจำหน้าคนที่ยิ้มให้ข้าไม่ค่อยได้ แต่ข้าจำหน้าคนที่ซื้อขนม-หนังสือให้ข้าได้ ชัดเจน" เจ้าคงเคยอ่านแล้ว" ผมพยักหน้า "ทำไมต้องเป็นขนมและหนังสือน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าข้านั้นชอบที่จะกิน-ดื่ม-ทานของที่ข้าชอบ ซึ่งมันมีไม่มาก-ไม่กี่อย่างที่ข้าชอบและสามารถทานได้ ข้าทานเก่งหรือกินเก่งมากมาก"
"ตัวข้าเล็ก แน่นอน! แต่พุงข้าจะป่องหากข้านั่งอยู่อย่างนั้นเพื่อกิน กิน" เธอทำท่าทางประกอบ นั่นตลกดี "จากนั้นมันก็จะไม่ป่องเมื่อข้าหยุดกิน เช่นมันฝรั่ง น้ำอร่อยอร่อย ข้าจึงชอบเวลามีคนนำของที่ข้าชอบกินมาให้ เพราะนั่นคือเขารู้ใจข้าและข้ามีความสุขมากตอนกินของที่ชอบ ข้าจึงชอบที่จะจดจำหน้าของคนที่มีของอร่อยมาฝากข้าน่ะ และเพราะข้านั้นรักหนังสือมากมาก รักมากกว่าคนบางคนที่ข้าเคยคิดว่า -รัก ข้ากล่าวเสมอเกี่ยวกับนิสัยข้าตรงนี้ในหลายหลายบทความของข้า ว่าข้าชอบอ่านหนังสือและมีหนังสือมากมายในที่ที่ข้าอยู่ แม้ข้าจะแบ่งเก็บรักษาในหลายหลายที่เพราะความหวงและห่วงก็ตาม" -หัวเราะ
"ข้าจึงชอบที่จะจำหน้าคนที่มอบหนังสือให้ข้า เพราะข้าเคารพหนังสือ ข้าจึงเคารพคนที่มอบหนังสือให้ข้าตามแต่ความเหมาะสมของโอกาส เพราะบางครั้งข้าได้หนังสือมาเพื่อแทนคำขอโทษ บ้างก็เพื่อสานมิตรนั่นเอง ก็นั่นแหละข้า เป็นเพียงสิ่งที่ง่ายง่าย แต่ยากที่จะเข้าถึง แน่นอนก็เพราะข้าพูดให้มันดูง่าย ข้าชอบแบบนี้ และหัวใจข้าก็มีความรักนะ รักที่หลากหลาย รักต่อสิ่งมีชีวิตและชีวิตที่เป็นของตน จนถึงบางสิ่งของหลายสิ่งที่ไม่มีตัวตนหรือไร้ชีวิต ข้ามีทั้งรักแท้และมิตรภาพ ไปจนถึงความเกลียดชัง เคียดแค้นและหวังร้าย แต่ก็ยังคงมี ความหวังดีในตัวเสมอ แม้ ณ เวลานี้สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าความลับในใจข้าหรือสุสานลับในวิญญาณข้าก็ตาม แต่มันคือสิ่งที่ดีงาม คือสิ่งที่ข้าเคารพ เหมือนที่ข้าเคารพตนเองเสมอ แม้ภายนอกข้าดูจะทำร้ายตนเองด้วยความคิด -หัวเราะ ข้าก็เหมือนเด็กสาวทั่วไปในบางโอกาสหรือโอกาสที่พยายามหามาเองน่ะนะ มีสิ่งที่ชอบและหลงไหล"
"ข้าชอบบอกกับตนเสมอว่า ความหวังยังมี แต่ไม่ได้ขอให้ สมหวัง เพราะหาก ผิดหวัง ข้าจะทรมาน มาก ความหมายของคำว่า ความหวัง ในภาษาของข้าที่ข้าคิดนั้น ข้าเคยเขียนแล้วในบันทึกเรื่องความหวัง เจ้าอาจยังไม่เคยอ่าน" ผมพยักหน้าและตั้งใจว่าจะต้องหามาอ่าน
"ข้าดู -หยิ่งยโส ไม่แคร์ใคร ดูมีความเก่งกล้าไม่ก้มหัวให้ผู้ใด- นี่คือความคิดเห็นของผู้ที่พบเจอในช่วงเวลาสั้นสั้น และข้านั้น ดูเหมือน -ความลับ ลึกลับและอ่อนโยน แววตาดุดันและงดงาม ช่างคิดและมีจิตวิญญาณของนักรบ- นี่คือความคิดเห็นของผู้ที่พบเจอข้าในห้วงเวลาสั้นสั้นและ พบเจออีกในเวลาต่อต่อมา จนให้ความรู้สึกได้ว่า รู้จัก จนบางครั้ง ข้ายื่นมิตรให้ แต่ส่วนมากนั้น ข้ามักเลือกคบคนน้อยนิด หรือไม่คบเลยมากกว่าหลังจากพบเจอเวลาสั้นสั้น ดังนั้นข้าจึงมีคนชื่นชอบน้อยนิดหรือให้ความเคารพน้อยหน่อยเพราะไม่ค่อยรู้จัก แต่ชีวิตของข้าก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้จักให้น้อย แต่เป็นความน้อยที่มีความเคารพมากมากต่อกัน ต่อข้า"
"หรือบางคนข้าไม่ขอต่อเวลาเพื่อพบเจอหรือรู้จักหลังจากที่พบเจอในช่วงเวลาสั้นสั้นอีกเลย เพราะข้าเห็นสิ่งที่พวกเขาพิจารณาข้าผ่านทางอารมณ์ที่กลบเกลื่อนไม่มิดหรือสายตาที่ควบคุมไม่อยู่ ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะแสดงตนให้เป็นในสิ่งที่เขาคิดเพื่อสนองต่อความต้องการในด้านลบของเขาเหล่านั้น และเพื่อเลี่ยงการสานต่อใดใดที่อาจเกิดขึ้น เมื่อเขาคิดต่อข้าเช่นนั้นในขณะที่ข้าเป็นอีกอย่างตรงข้ามต่อสิ่งนั้นที่เขาคิด ข้าก็ไม่จำเป็นต้องไกล้ หากไม่ใช่ธุระที่ต้องกระทำ เพราะแน่นอนข้าเล่นละครได้ดีและมีหลายบทบาทหากจำเป็น ข้าร้ายนะ แม้จะน่าสงสาร ข้าก็ยังสามารถร้ายหากต้องทำ และลึกลึกข้าชอบมัน ก็คนเรามีตัวเลือกไม่มาก ถ้าจะสร้างตัวเลือกให้ตนเองก็ยากหน่อย แต่บางครั้งเวลาก็ไม่มีพอเพื่อสร้างอะไรแบบนี้หรอกนะ" เธอหันมามองหน้าผม ทำหน้าเหมือนพึ่งนึกได้ว่ามีผมนั่งอยู่ข้างข้าง
.........
"เจ้าดูเหมือน เหมือนเคยอยู่กับความทุกข์ เคย เคยผ่านเรื่องที่ร้ายต่อจิตใจมานะ" ผมพูดกับเธอด้วยความไม่มั่นใจ จริงจริงผมไม่มั่นใจอะไรเลยหลังจากที่ได้ฟังเธอบอกเล่าเกี่ยวกับตนเอง เธอเงียบและพยักหน้า นั่นคงหมายถึง ใช่
"แต่ คนทุกคนก็ต้องมีเรื่องที่ยากจะก้าวผ่านมานะ ใครใครก็ต้องเคยมีความทุกข์ ยังมีอีกหลายคนที่ก้าวผ่านมาไม่ได้ ข้ายังสามารถพูดได้ว่า มีโชคดีอยู่บ้าง แม้อาจไม่ได้เรียกว่าสามารถก้าวผ่านมา"
เธอยิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่จริงใจ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มแบบนี้ให้ผม-ผมยิ้มตอบ แต่ไม่ใช่อย่างที่ตั้งใจนัก "เจ้าไม่เคยมีความทุกข์เลยเหรอ?" เธอเอียงคอสงสัย
"แน่นอน ทุกคนต้องเคยมีความทุกข์นะ" คงเพราะคำตอบผมไม่ชัดเจน เธอจึงถามว่า
"แล้วข้าดูเข้าข้างตนเองหรือเปล่าล่ะ"
"ไม่เลย ข้าคิดว่าไม่หรอก เจ้าพูดทั้งด้านที่ดีและไม่ดี จนบางครั้งข้ากังวลแทนเจ้า"
"กังวลอะไร"
"ข้าคิดว่าเจ้าจะอึดอัดหรือลำบากใจหรือเปล่าที่เล่าอะไรแบบนี้กับข้า ซึ่งเป็นคนอื่น ต่างถิ่น"
เธอยิ้ม "ไม่เลย" เธอตอบ "ก็นะ เจ้าดูไม่มีความชั่วร้าย ดูใสซื่อมากน่ะ" แล้วเธอก็หัวเราะชอบใจเหมือนเด็ก ผมอยากเคืองต่อสิ่งที่เธอพูดนะ แต่ก็ต้องหัวเราะกับเธอ
"ข้าเป็นคนดูคนเก่งน่ะ" แล้วเธอก็เงียบไป
ผมเองที่มีความอยากรู้เพิ่มมากขึ้นแต่ยังคงเก็บความอยากรู้เอาไว้ และตั้งใจว่าจะต้องรู้มากกว่านี้ให้ได้
"เจ้าล่ะ ข้าอยากรู้เรื่องของเจ้าบ้าง" เธอถามขึ้นมา
ผมหัวเราะก่อนตอบว่า "ไม่มีอะไรสำคัญเลย"
หล่อนทำหน้าเคืองเล็กน้อย "ข้าเหมือนเสียเปรียบนะ" หล่อนจ้องหน้าผม และผมรู้สึกไม่ดี
"แต่ก็ช่างเถอะ หากชีวิตเจ้าไม่มีอะไรสำคัญ ก็ควรที่จะทำให้มันมีความสำคัญ หรือมีเรื่องที่สำคัญบ้างนะ" เธอพูดกับผม ผมพยักหน้าและเงียบ รู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะว่าผมอยากเล่านะ แต่ผมแค่เล่าออกมาไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เหมือนผมความจำเสื่อมชั่วคราวเรื่องตนเอง เธอคงไม่พอใจแน่แน่ หลังจากที่เธอพูดเกี่ยวกับตนเองให้ผมได้รับฟัง มันทำให้ผมเหมือนรู้จักเธอใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่หญิงสาวที่ผมคิดว่าไม่เป็นมิตร และดูร้ายกาจก่อนหน้านี้ จริงจริงผมชอบแอบดูเธอเป็นประจำเวลาที่ผมต้องเข้าหอสมุด (หรือตั้งใจเข้านั่นแหละ) เธอเป็นผู้หญิงที่น่ามองเสมอเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย ผมชอบทักทายเธอ พูดคุยเชิงกวนใจเธอ ตั้งคำถามเพื่อให้เธอตอบ และเธอไม่เคยพอใจแต่ก็คุยกับผม ไม่ได้ปฏิเสธหรือหนีหน้าผม และผมพ่ายแพ้เสมอยามที่ต้องถกเถียงอะไรสักอย่างกับเธอ
มีคนบอกผมว่าเธอเป็นคนแปลก เก็บตัว และลึกลับ จริงจริงแล้วไม่ใช่หรอก เธอแค่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นมากกว่า และผมอยากรู้มากว่าทำไม เธอบอกว่าชอบที่จะคบคนน้อยนิด แต่ที่ผมได้รู้จักคนที่เธอคบและสานมิตรด้วยนั้นแต่ละคนเป็นบุคคลที่น่านับถือและพวกเขาพูดเสมอว่า นับถือเธอเช่นกัน จนวันที่ผมชวนเธอคุยเรื่องนิสัยพื้นฐานของมนุษย์ เธอบอกว่ามนุษย์นั้นมีนิสัยที่ชอบพกบางอย่างติดตัวด้วยเสมอตลอด ผมถามเธอว่า บางอย่าง คืออะไร เธอตอบว่าไม่แน่นอนเพราะมนุษย์นั้นมีมากเหลือเกิน แต่ละคนพกพาบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน ผมจึงถามว่าเธอพกสิ่งใดติดตัว เธอยิ้มและส่ายหน้าช้าช้า ผมเงียบไปสักพัก จึงตัดสินใจถามว่า "เจ้าคิดว่า เจ้าเป็นคนยังไงเหรอ?" จนถึงตอนนี้ผมคิดว่าเธอเป็นคนที่ผมอยากรู้จักมากกว่านี้และขอเวลาเพื่อพบเจอมากขึ้นกว่าตอนนี้ เพราะผมอยากที่จะเป็นหนึ่งคนในนั้นที่เธอคบหาด้วยมิตร ก็หนุ่มช่างสงสัยแบบผมนี่แหละ
"ข้าขอตัวนะ"
เหมือนสติผมพึ่งกลับมา หลังจากได้ยินเสียงเธอพูด
"เดี๋ยวนะ" ผมเรียก
"มีอะไร" เธอถามเสียงราบเรียบ แต่สีหน้าไม่ใช่
"แล้วข้า เอ่อ..."
"เจ้ามีอะไร พูดสิ" เธอเริ่มทำหน้าหงุดหงิด มันชัดเจนมาก
ผมคิดว่าผมไม่สมควรพูดนะ แต่ก็พูดออกไป
"ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากจะถามเจ้า ว่าข้าสามารถขอเวลาเพื่อพบเจอเจ้าบ้าง แบบว่า เพื่อ รู้จัก...ได้ไหม" หัวใจผมเต้นแรงมากและหายใจลำบาก ผมไม่สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับอาการนี้หรอก เพราะผมรู้สึกอย่างนี้เสมอตอนที่ต้องคอยมองหาเธอในหอสมุด ช่วงเวลาที่ยังหาเธอไม่พบ ผมจะรู้สึกเช่นนี้เสมอ -กังวลใจ
เธอเงียบ และมองตรงไปข้างหน้าไม่ได้จับจ้องสิ่งใดหรือผมมองไม่เห็นมันเอง มีแต่ผมที่จ้องมองเธอจากด้านข้าง และผมคิดว่าผมชอบนั่งข้างข้างเธอ แบบนี้นะ
"ปกติแล้ว เจ้ามากวนใจข้าอยู่เสมอนะ" เธอหันมามองหน้าผม "ข้าพูดคุยกับเจ้าได้เสมอ ถ้าเจ้ามา"
ผมพยักหน้ารับ
"ขอบคุณ" นั่นคือคำที่ผมพูดออกไป...
และหัวใจผมเต้นปกติดีแล้ว
..........................................................................................................................
...........
©salinsiree
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in