เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องสั้นSaLinsiree
ชิ้นส่วนเล็กๆจากเธอ (เรื่องสั้น)
  • ฉันไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทนต่อการถูกทรมานมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร มันเริ่มชินและชาตั้งแต่ตอนไหน หรือใครคือคนแรกที่ทรมานฉัน จำได้เพียงมันคือหนทางที่ฉันเดินมาและคงอยู่ แม้จะหาหนทางออกไปได้แต่ปลายทางก็ยังคงเหมือนเดิม คงมีความทรมานอยู่เช่นเดิม


    ถ้าเข้าใจในสิ่งที่ฉันบอกคงคิดว่าฉันเป็นหญิงสาวผู้มีความทุกข์อยู่รอบตัว ความเจ็บปวดอยู่ภายใน และมีกลิ่นไอที่หม่นหมองเกินไป


    ใช่ ใครๆก็พูดอย่างนั้น แม้บางครั้งฉันจะไม่รู้ตัวเลยก็ตาม ว่ากำลังมีอาการที่แสดงออกถึงความซึมเศร้าเล็กๆน้อยๆ มนุษย์ทั่วไปคุ้นชินกับความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันกับตน และไม่มีความสนใจในนิสัยเพื่อจำแนกบุคคลนั้นคนนี้แบบจำเพาะว่าใครเป็นอย่างไร อาจยกเว้นบางคนที่มีความรักให้อีกคนมาก จนรู้สึกถึงอีกฝ่ายได้ทุกๆอย่างแม้อีกฝ่ายเก็บสิ่งต่างๆลงลึกเอาไว้ภายใน แต่พวกคนอย่างเรา อย่างอีกโลกหนึ่งมักแตกต่างเสมอ บางคนสัมผัสหัวใจอีกคนหนึ่งได้เพียงแค่เดินผ่าน เพียงแค่สวนทางกัน แม้ไม่รู้จักกัน แม้ไม่รักกัน


    คำถาม ตอนนี้ฉันอยู่ที่ใด

    คำตอบ ฉันอาศัยอยู่ในโลกของคนปกติ แต่มักใช้ชีวิตในอีกโลกที่ไม่ปกติ


    การแบ่งแยกเหล่านี้ทำให้ฉันไม่เคยเป็นปกติสุขได้ ราวกับชิ้นส่วนของจิตวิญญาณไม่เคยสมบูรณ์ เมื่อคุณอยู่อีกที่ แต่ความคิดของคุณอยู่อีกแห่ง และเมื่อคุณหายใจอยู่อีกแห่ง แต่หัวใจของคุณกลับเต้นสั่นไหวอยู่อีกที่ สิ่งเล็กๆเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กลงมาเมื่อเวลาทำให้ฉันชินชา แต่มันก็สร้างบาดแผลระยะยาวเอาไว้มากมาย ตอนที่เมื่อฉันยังเพิ่งเริ่ม ฉันก็คงเป็นได้แค่สิ่งที่ไม่เคยตั้งตัวอะไรได้ทัน ล้มทั้งยืนกระทันหันอยู่เสมอ กว่าจะปรับตัวได้ก็กลายเป็นสูญเสียอะไรมากมาย ทำหลายอย่างหายไปเกือบหมด ที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีเพียงเศษชิ้นส่วนเก่าๆของฉันที่แตกสลายมานับไม่ถ้วน ฉันค่อยๆเก็บมันเอาไว้แต่ไม่เคยคิดจะลองต่อติดชิ้นส่วนเหล่านั้นให้คงเดิม เพราะมันไม่จำเป็น แค่เก็บมันเอาไว้ก็พอ


    สิ่งที่ฉันรัก สิ่งที่ฉันสนิทใจมักอยู่อีกโลกหนึ่งเสมอ ทำให้อีกโลกหนึ่งของฉันไม่มีอะไร ไม่มีอะไรมากนัก และบ่อยครั้งก็ว่างเปล่า แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไร อะไรที่จะทำให้มีผลต่ออีกโลกหนึ่งของฉัน ฉันยอมรับนั่นนี่จนเป็นนิสัยและไม่บ่นอะไรยามที่สมควรต้องตัดพ้อชีวิต


    เพราะฉันคิดว่าชีวิตที่บัดซบของฉันนั้นมีค่าในแบบของมัน คนเรามีหลายเรื่องนักที่ต้องชดใช้ให้กับหลายสิ่งที่ได้ทำลงไป ไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือผ่านมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะจดจำได้หรือไม่เคยจดจำ ทุกสิ่งล้วนมีเหตุผลให้เกิดเสมอ ฉันได้เรียนรู้และพบเจอสิ่งต่างๆมากมาย มากกว่ามนุษย์ทั่วไปจะเข้าใจและหยั่งถึง มากกว่ามนุษย์ทั่วไปจะมีโอกาส คุณคิดว่ามันอาจทำให้โลกของคุณมีปัญหา คิดว่าเรื่องจากอีกโลกทำให้เด็กสาวคนหนึ่งต้องมีชีิวิตที่แตกสลายและไม่ปกติสุขอีก แต่คุณเคยถามเด็กสาวหรือยังว่าเธอคิดอย่างไร เธอคิดอะไรยามที่ร้องไห้และนำตาไหลอาบแก้ม เธอคิดอะไรเวลาที่เธอซึมเศร้าและเจ็บป่วย อาจเจ็บปวด หรือเคียดแค้น ชิงชัง หรืออาจปล่อยวาง ไม่มีใครรู้ นอกจากเธอที่รู้ นอกจากฉัน


    บ่อยครั้งฉันก็หาทางเยียวยาตนเอง และทำทุกอย่างปกติ มันไม่ได้ช่วยมากนักเพราะหลายสิ่งที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่กระนั้นฉันก็คิดว่ามันดี ดีบ้าง ลืมได้บ้าง นึกออกบ้าง ลืมไปบ้าง บางครั้งก็สนุก อาจไม่สามารถสร้างมิตรภาพระยะยาวหรือพูดคุยกับใครได้จริงจังกับใครแต่ถ้ายอมรับมันได้ ก็แค่อยู่กับมันไป เรื่อยๆ เวลาจะทำให้ความชินชาช่วยฉันในหลายๆเรื่องเหมือนที่เคยช่วยมา ฉันยังคงแปลกแยกและไม่เป็นตัวเองในโลกของคนปกติ แต่ก็ยังอยู่ได้และเรียนรู้ไปเรื่อยๆพร้อมๆกับเวลาที่มีให้ สำหรับอีกโลกที่ฉันเอาชีวิตไปใช้จนมีเรื่องราวมากมายก็ยังคงเกาะติดอยู่กับฉันเสมอ เป็นความสามารถของฉันที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสองสิ่งที่แตกต่าง ฉันอาจดุร้าย ปราดเปรื่องในโลกที่เหมาะกับฉัน แต่พอกลับมาอีกโลกหนึ่งฉันก็ต้องเป็นคนธรรมดาและไม่มีอะไร ออกจะดูไร้ค่าด้วยซ้ำไป บ้างก็ดูโง่เง่า บ้างก็ดูมอมแมม บ้างก็เป็นที่อคติของบางคนที่ไม่ชอบหน้าฉันโดยไม่มีสาเหตุใดๆ แต่นั่นแหละชีวิตที่ธรรมดาของมนุษย์ที่ฉันจะมีได้เวลาอาศัยอยู่ในโลกที่ปกติ ส่วนเวลาที่ฉันอาศัยอยู่อีกโลกหนึ่งที่สามารถเป็นตัวเอง ได้ คนปกติจากโลกที่ธรรมดาคงคาดไม่ถึงกันหรอกว่าความเป็นตัวของตัวเองในแบบฉันนั้นแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร... ซึ่งฉันก็ดีใจที่ดูโง่เง่าในสายตาของพวกเขา พวกเขาไม่รู้อะไร คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง


    .......................................................................................................

    ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มนั่งลงเคียงข้างกับหญิงสาวผอมบางคนหนึ่ง ในห้องพักที่มีกลิ่นของยาสมุนไพร ยาต้มและสมุนไพรแห้งหลากชนิด มันไม่เข้ากันกับห้องสีขาวทันสมัยนี้ แต่พอหลายวันผ่านมาเขาก็เริ่มชินและพูดลอยๆว่าชอบอยู่บ่อยครั้งให้เธอฟัง อาจเพราะว่าเขาชอบมองเธอเคลื่อนไหวและทำสิ่งต่างๆอยู่ในห้องนี้ ชอบที่เธอเดินตรวจเมล็ดสมุนไพรต่างๆ ชอบที่เธอค่อยๆก้มมองน้ำต้มเดือดในหม้อ ชอบที่เธอค่อยๆใช้มือกำยาที่ตากแห้ง ชอบที่เธอค่อยๆใช้นิ้วเรียวยาวเขี่ยเมล็ดยาต่างๆเพื่อกะปริมาณสำหรับปรุง ชอบมองเธอยามเผลอเวลาหั่นหัวสมุนไพรต่างๆหรืออ่านหนังสือปรุงยาหรือความรู้เกี่ยวกับมัน เธอดูเป็นตัวเองเหลือเกินเมื่อได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ ดูมีมนต์ขลังน่ามอง ดูแตกต่าง บางครั้งผมก็คิดว่าเธอหน้าตาและรูปร่างเปลี่ยนไปเวลาที่ได้ทำ จับ หรือสัมผัสอะไรที่เป็นตัวเอง แต่เพราะสิ่งต่างๆในช่วงนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าควรเฉย และเงียบ เมื่อเห็นสิ่งใดที่ดูไม่ธรรมดากว่าที่คนเราจะเข้าใจ พอทำได้เช่นนั้น ก็เหมือนผมได้เข้าไกล้เธอมากขึ้น ผมบอกเธอทุกวันที่มีเวลาอยู่ด้วยกันว่าผมชอบอะไรบ้างเกี่ยวกับเธอในช่วงนี้ เธอพยักหน้ารับและตอบรับว่าชอบตัวเองเช่นกัน แม้จะมีเรื่องแย่ๆในตอนนี้ก็ยังพอมีเวลาได้ทำสิ่งเหล่านี้บ้าง และผมรู้ว่าเราจำเป็นต้องเจอเรื่องทีี่แย่กว่านี้ในอีกไม่กี่วัน แต่เราก็แค่รอ ระหว่างรอเราก็แค่ใช้ชีวิตให้ปกติที่สุด


    "เธอคิดว่าตัวเองอ่อนแอหรือเปล่า" ผมถามเธอ หลังจากที่ขอให้เล่าเกี่ยวกับส่วนหนึ่งเล็กๆจากเธอ

    "ก็ใช่นะ ฉันอ่อนแอมากๆในบางเรื่อง บางเรื่องก็เข้มแข็งได้แม้จะทุกข์ทรมาน ฉันคิดว่ามันขึ้นอยู่กับตัวเรา ว่าจะถนัดใช้ด้านไหนมากกว่า.. หรือใช้บ่อยแค่ไหน ทุกคนมีสองสิ่งนี้นะ อ่อนแอ-เข้มแข็ง แค่บางคนอาจใช้ด้านในด้านหนึ่งบ่อยเกินไป อีกด้านเลยดูเหมือนไม่มีหรือซุกซ่อนอยู่ภายใน"

    "ฉันคิิดว่าเธอแกร่งมาก คำๆนี้เหมาะสมกับเธอมากที่สุดเลย รู้มั้ย"

    เธอยิ้มบางๆตอบ แลดูเหนื่อยล้า

    "ถ้าเป็นฉัน คงไม่สามารถทนต่ออะไรในหลายๆสิ่งที่เธอทน ฉันคงผ่านมันมาไม่ได้เหมือนที่เธอผ่านมา ไม่ก็คงจบชีวิตตนเอง.." ผมบอก

    "นี่ มองฉันสิ" เธอพูดขึ้น

    และเขาหันมามองเธอ มองดูเธอจ้องตอบด้วยแววตาที่เหนื่อยล้าเหลือเกิน

    "ฟังนะ.. ถึงจะรอดมาได้ แต่ก็ไม่สมบูรณ์ ผ่านมาได้แต่ก็เสียอะไรไปมาก เหมือนคนเราไปออกรบด้วยความรู้สึกทั้งห้า พอกลับมา.. หมายถึงสามารถรอดกลับมาได้น่ะ แต่ความรู้สึกทั้งห้ากลับเหลือเพียงแค่หนึ่ง.. รู้มั้ย" เธอจับแขนผมเบาๆ "นายเป็นคนดีเหลือเกิน และมันดีมากที่ไม่ต้องไปผ่านอะไรแบบนั้น แบบที่ฉันผ่านมา มันอาจทำให้นายไม่เป็นนายแบบตอนนี้ ฉันอาจไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ และมองดวงตาของนาย" เธอเอื้อมมือมา สัมผัสดวงตาของผมอย่างแผ่วเบา "นายมีดวงตาที่อบอุ่นเหลือเกิน ดวงตาของคนที่ใส่ใจอยู่ตลอดเวลา... รักษามันไว้แบบนี้ตลอดไปนะ" เธอพูดด้วยเสียงที่สั่นเคลือ มันทำให้หัวใจของผมรู้สึกสั่นไหวไปด้วย ผมบีบมือเธอแน่นๆเป็นการยืนยันคำตอบว่าจะรักษามันเอาไว้

    "และ เธอก็ต้องอยู่ให้ฉันมองเห็นแบบนี้ไปนานๆนะ จะได้มั้ย?" ผมพูด

    ..

    แต่เธอไม่ได้ตอบกลับมา



    แค่มองมา แล้วยิ้มให้อย่างที่เคย

    เธอพิงไหล่ของผม และผมกอดเธอเอาไว้แน่นๆ เราต่างให้กำลังใจกัน ในแบบของเรา เธอพูดว่าดีใจที่มีผมเป็นเพื่อน ทั้งที่ผมนั้นดีใจมากกว่าที่เธอพูดคำนั้นออกมา เหมือนว่าเธอยอมรับผมให้ได้เป็นเพื่อนของเธอ


    ความเหนื่อยล้าของวันนี้จะหายไป ผมบอกเธอ และเธอปฎิเสธอย่างรวดเร็วว่า ไม่จริงหรอก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ และมันทำให้ผมหัวเราะไปด้วย ผมจึงให้เธอนอนพัก ไม่ต้องกังวลสิ่งใด ผมจะอยู่ตรงนี้ตอนที่เธอพักผ่อนเอง ก่อนจะลูบผมเธอเบาๆให้เธอเข้าใจ


    และบอกเธออีกครั้งว่า มันจะค่อยๆหายไป..

    และครั้งนี้เธอไม่ได้ค้าน




    ........................................................................................
    ©salinsiree
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in