เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Me X AppJpLingclinomaniac
SLA : Markedness ภาษาเนี่ยมีเด่นไม่เด่นด้วยเหรอ? #2
  • สวัสดีค่าทุกคนนน ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านกันค่า รู้สึกว่าภาษาศาสตร์มีความน่าสนใจขึ้นมากันบ้างรึเปล่าคะ? 555  


    เรากะจะรีบลงตามโพสก่อนไม่กี่วัน แต่สุดท้ายก็ลากยาวไปซะได้ 555555;-;

    ช่วงนี้ชีวิตค่อนข้างวุ่นวาย ต้องขอโทษด้วยนะคะ



    เอาล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้ทุกคนเสียเวลา เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าา?



    หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับ SLA และ Markedness แล้ว เราจะมาดูถึงการแปรผันของมันตามสังคมและยุคสมัย รวมถึงการนำมาใช้ประยุกต์ในการวิเคราะห์กันค่าา



    การแปรผันของมันตามสังคมและยุคสมัย 

    แน่นอนว่าแนวคิดนี้ไม่ใช่แค่ตัวภาษาเพียวๆแต่รวมไปถึงด้านวัฒนธรรมด้าย


    เช่น 


    ❶ สำหรับคนไทยถ้าเราพูดถึง “ชา” ชานั้นคือชาอะไร? ใช้ประเภทเดียวกับ “ชา” ในความหมายของคนญี่ปุ่นรึเปล่า?


    TH - ชา (สีน้ำตาล) 

          - ชาเขียว    

    JP  - 茶 (สีเขียว)

          -


    *ตัวอักษรสีแดง คือ จุดmarked
    • ชา -> ชาที่มีสีน้ำตาล ชาที่คนไทยเรารู้จักกันมานานคือพวกชาหมักสีเข้มค่ะ 

      อย่างเช่น ชาจีน ชาไทย ส่วนชาเขียวที่ได้รับมาจากญี่ปุ่นเป็นสิ่งใหม่ 

      ต้องมีการเน้นเพื่อให้การสื่อสารไม่คาดเคลื่อน 


    • 茶 -> ชาเขียว เป็นชาที่ชาวญี่ปุ่นดื่มกันมานานและรับรู้โดยไม่ต้องพูดระบุเพิ่มเติม 

      ในขณะที่ชาสีน้ำตาลแบบฝรั่งต้องมีการเพิ่มเพื่อเน้นว่ามันคนละอย่างกับชาปกติของเขาค่ะ





    ❷ การเปิดปิดฝาชักโครกของคนไทยและคนญี่ปุ่น


    TH - การเปิด (unmarked)  / การปิด (marked) 

    JP - การเปิด (marked)   / การปิด (unmarked)


    → การปิดฝาไว้ของคนไทยทำเพื่อแสดงไว้ว่ามันไม่พร้อมใช้งานใช่มั้ยล่ะคะ แต่สำหรับคนญี่ปุ่นการปิดไว้เป็นเรื่องปกติแสดงว่าพร้อมใช้งานค่ะ ดังนั้นก็อาจจะเกิดการเข้าใจผิดเนื่องจากความต่างทางวัฒนธรรมนี้ได้เช่นกันค่ะ555


    ฉนั้น ทุกคนเวลาไปญี่ปุ่น(ถ้าฝันอันยิ่งใหญ่นี้เป็นจริง;-;555) ถ้าเจอห้องน้ำที่ชักโครกปิดฝาไว้ไม่ต้องตกใจนะคะ55555?



    ❸ คำว่าพี่น้องในภาษาญี่ปุ่น


    ในภาษาญี่ปุ่นญี่ปุ่นมีคำที่แปลว่า “พี่น้อง” 2 คำค่ะ คือ「兄弟」และ「姉妹」ในสมัยก่อนก็มีการแบ่งใช้ตามความหมายคันจิอยู่ค่ะ 

    พี่น้องผู้ชาย  -「兄弟」

    พี่น้องผู้หญิง -「姉妹」


    แล้วถ้าเป็นพี่น้องชายหญิงล่ะ ใช้อะไรกันนะ???


    → คำตอบก็คือ 「兄弟」นั่นเองค่ะ 


    และเนื่องจาก「兄弟」ใช้ได้ในความหมายที่กว้างกว่า ในปัจจุบันเวลาจะใช้คำว่าพี่น้องก็จะใช้คำนี้กันเป็นปกติโดยไม่ค่อยคำนึกเรื่องเพศกันเท่าไหร่แล้วค่ะ 


    ดังนั้น เวลาถามว่ามีพี่น้องมั้ย ก็จะใช้รูปประโยคว่า「ご兄弟はいますか」

    「兄弟」-> unmarked  /「姉妹」-> marked (ที่อาจจะใช้เน้นจริงๆว่าเป็นพี่น้องหญิงล้วน) 




    และอีกหนึ่งตัวอย่างที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกันในหลายๆสังคม


    ❹ การถามขนาดหรือปริมาณ 


    TH  -  น้ำหนักเท่าไหร่เหรอคะ

    ENG  - How much do you weigh? / How heavy are you?

    JP - 体はどれぐらいですか?

    CN - 你有多?


    → จุดร่วมของภาษาต่างๆในที่นี้จะใช้คำว่า “หนัก” ในการถามปริมาณหรือน้ำหนักเป็นคำทั่วไปในการพูด ดังนั้น “หนัก , heavy/much , 重” เป็น unmarked ฝั่งของพวกคำที่มีความหมายว่า “เบา” จะเป็น marked


    นอกจากนี้คำที่ถามความแคบความกว้าง ความสูงต่ำ ก็จะนิยมถามด้วยขอบเขตหรือคำที่สื่อถึงขอบเขตที่จะสิ้นสุดของขนาดนั้นๆด้วยค่ะ เช่น กว้างเท่าไหร่  สูงเท่าไหร่  (unmarked) 






    ต่อมาจะเป็นส่วนการนำไปใช้ได้จริงแล้วค่ะ55555 (รึเปล่านะ แหะๆ?)


    การนำมาใช้ประยุกต์ในการวิเคราะห์

    หรืออาจจะพูดได้ว่านำมาประยุกต์ในการเรียนภาษาก็ได้ค่ะ การที่เรารู้ทฤษฎีนี้ก็อาจจะช่วยในการทำความเข้าใจหรือช่วยในการเรียนภาษาอื่นๆได้มากขึ้นก็ได้นะคะ 


    อย่างเช่นในการเรียนภาษาญี่ปุ่นที่เรารัก 55555

     

    ทฤษฎีนี้ก็สามารถพบเห็นอย่างชัดเจนได้ตั้งแต่สิ่งที่เราเรียนตอนเริ่มเรียนแรกๆเลยค่ะ


    นั้นก็คือ!!

    〜が/〜がっている นั้นเองค่าาา 


    คุ้นๆกันบ้างมั้ยเอ๋ย 


    สำหรับคนที่เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นมาสักระยะ นี้คงถือว่าเป็นรูปประโยคสุดคุ้นเคยเลยใช่มั้ยคะ55555


    ที่มา

    unmarked - 怖いです  ( ใช้กับบุรุษที่ 1 )

    marked  - 怖がっています ( ใช้กับบุรุษที่ 3 )



    และอีกไวยากรณ์ที่คล้ายคลึงกัน 〜そうです !!


    ที่มา

    unmarked - うれしいです  (ใช้กับบุรุษที่ 1)

    marked  - うれしいそうです  (ใช้เมื่อพูดถึงบุรุษที่ 2,3) 



    → ไวยากร์เหล่านี้จะใช้ในการบอกความรู้สึก ความต้องการของบุรุษที่ 3 เป็นการบอกให้รู้ว่านั้นไม่ใช่ความรู้สึกเขาตรงๆ เราไม่ได้ตัดสินความรู้สึกเขาแทนเจ้าตัว แต่เป็นการมองจากมุมมองเราว่าเขาดูเป็นเช่นนั้น หรือเรารู้สึกว่าเขามีความรู้สึกแบบนั้น


    ? ทั้งนี้เราคิดว่าเนื่องจากภาษาญี่ปุ่นมักนิยมละประธานเมื่อประธานเป็น  หรือ ตัวเอง  ดังนั้นเวลาที่พูดแค่ “ 怖いです ”  “ 欲しいです ” ก็จะสามารถอนุมานได้ทันทีว่าพูดถึงความรู้สึกของเจ้าตัว  ดังนั้นเวลาพูดถึงความรู้สึก ความต้องการของบุคคลอื่นก็จะทำการ marked ให้รู้





    อย่างในภาษาไทยเรา ก็อาจจะมีคำว่า “จัง” ใช่มั้ยคะ


    unmarked -  ดีใจ  (ใช้กับบุรุษที่ 2,3)

    marked  - ดีใจจัง  (ใช้กับบุรุษที่ 1)


    → ถ้ามีคำว่า “จัง” ผู้ฟังก็จะรับรู้ได้ทันทีว่า อ่อ เขาพูดถึงตัวเอง กำลังบอกความรู้สึกของตัวเอง อะไรประมาณนั้นค่ะ



    แต่จะว่าไป ส่วนตัวเราก็คิดไม่ออกเหมือนกันนะคะ ว่าภาษาไทยสามารถบอกได้มั้ยว่าเรานิยม marked การบอกความรู้สึกของบุรุษไหน  


    เพราะพอลองคิดถึงคำอื่นๆ เช่น “ดู + ความรู้สึก”    


    unmarked -  ดีใจ  (ใช้กับบุรุษที่ 1,3)

    marked  - ดูดีใจ  (ใช้กับบุรุษที่ 2,3)


    ตามที่เห็นในภาษาไทยเราจะใช้ "ดู + ความรู้สึก" marked บุรุษอื่นๆที่ไม่ใช่บุรุษ 1 ซะมากกว่า



    แล้วทุกคนล่ะคะ ?

    คิดว่าภาษาไทย นิยมในการmarked การบอกความรู้สึกของบุรุษไหน?  หรือ ไม่มีเลย เราเป็นภาษาสุดอิสระ55555





    ทั้งนี้ในการใช้ภาษาถ้าหากเราใช้สลับกันหรือใช้ไม่ถูก แม้มันจะสื่อความได้ ไม่ได้ผิดทางความหมายมามายอะไร แต่เจ้าของภาษาที่ฟังก็คงจะรู้สึกแปลกๆใช่มั้ยล่ะค่ะ 


    เช่น มีชาวต่างชาติบอกว่า “ คุณสมชายดีใจจัง ” 


    ถึงจะเข้าใจแต่มันก็คงรู้สึกแปลกๆใช่มั้ยคะ555 ?


    เราคิดว่าเรื่องนี้อาจเป็นประโยชน์ในการต่อยอดการเรียนภาษาได้ก็ได้นะคะ หากเราพอรู้แนวคิดในการใช้ภาษาก็จะสามารถเรียนรู้และใช้ได้ดีขึ้นด้วยก็ได้นะคะ อย่างเวลาแสดงความรู้สึกของบุรุษที่2,3 เราก็จะเน้นย้ำกับตัวเองให้จำว่าต้องมีการเน้น marked เพิ่มด้วย โดยการใช้รูป 〜がる/〜そう(だ)  



    เย้!! จบไปแล้วนะคะ กับเนื้อหาสุดเข้มข้นของเรา55555 

    ทุกคนคิดเห็นยังไเกี่ยวกับภาษาศาสตร์หัสข้อนี้บ้างคะ? มาแชร์กันได้เต็มที่เลยนะคะ




    เป็นยังไงบ้างคะทุกคนนน หวังว่าจะสนุกกันนะคะ555

    ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ


    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่าา?


    - CLINOMANIAC -




    อ้างอิง
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
k.l.k (@k.l.k)
รูปภาพชาด้านบน เห็นแล้วอยากทานชามากเลยค่ะ มีตัวอย่างหลากหลายมุมมองดีค่ะ