ใจมันลอยทั้งวัน
นี่ฉันกำลังเป็นอะไร
ตัวฉันไม่เข้าใจ
ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้
/
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเมื่อกระทบแสงกำลังเหม่อลอย มือถือชีสเบอร์เกอร์ที่เกือบจะเย็นชืดหากไม่มีเสียงร้องทักจากเด็กวัยมัธยมปลายขึ้นมาซะก่อน
"เฮ้ คุณสตาร์ค คุณโอเคไหมครับ ผมหมายถึง- ช่วงนี้คุณดูใจลอยแปลกๆ ผมว่า-"
"พอ" เขายกมือขึ้นห้าม ขืนปล่อยผ่านไปอาจจะลากยาวไปสักยี่สิบนาที ―เพ็พยังบ่นสั้นกว่าไอ้เด็กนี่ตอนพูดเลยมั้ง
"ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า คิดอะไรนิดหน่อย" สตาร์คกัดอาหารกลางวันในมือหนึ่งคำโต เคี้ยวหงุบหงับไปพร้อมกับความคิดในหัวที่กำลังฟุ้งซ่าน ช่วงนี้เขารู้สึกว่าตัวเองจดจ่อกับอะไรไม่ค่อยได้นานแถมหากไม่ได้คุยกับใครก็จะมีอาการเหม่อไปเสียดื้อๆ ทั้งที่เคยเป็นคนมีสมาธิกับสิ่งตรงหน้าก็กลับกลายเป็นคนใจลอย ―ไม่รู้ลอยไปไหน นึกรำคาญตัวเองเหมือนกัน ดีที่ไม่ส่งผลกระทบกับงานจนคุณพ็อตส์ต้องลากเขาไปพบหมอ (หมายถึงหมอจริงๆที่ไม่มีตำแหน่งพ่อมดพ่วงด้วย)
คำตอบนั่นทำให้เด็กหนุ่มมุ่ยหน้า โทนี่นึกเอ็นดูแต่ก็ไม่แสดงออกไป
"มุ่ยหน้าใส่ฉัน เดี๋ยวพ่อยึดชุดอีกหนเลย" ปล่อยมุกขำๆแต่เหมือนปาร์คเกอร์จะไม่ตลกด้วย เหมือนเห็นภาพหมาบีเกิ้ลหูลู่หางตกอย่างไงอย่างนั้น
"คุณสตาร์ค" น้ำเสียงหงอยๆทำให้มหาเศรษฐีหลุดขำจนต้องแก้ข่าวให้เด็กมันสบายใจ
"ล้อเล่นน่า ไม่ใจร้ายขนาดนั้น"
"โห ผมนี่ใจร่วงไปอยู่ตาตุ่มเลยฮะ อ้อ เมื่อวานผมไปหาดร.มาด้วยล่ะครับ แบบว่านะ ผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่แต่พอ-"
"อะไรนะ" เขาย่นคิ้ว "ดร.? สเตรนจ์น่ะนะ"
"ใช่ฮะ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามีคาถาทำให้หายมีน้ำมูกได้ด้วย แบบสุดยอดดด ไปเลยฮะ เป็นพ่อมดแล้วก็ยังเป็นหมอได้อี-"
"เดี๋ยว ฉันจะอึ้งตรงที่นายเป็นหวัดแล้วไปหาดร.สเตรนจ์ดี หรือตรงที่มีคาถาแบบนั้นบนโลก"
"โอ้ จริงๆมันเป็นน้ำน่ะฮะ แล้วพ่อมดเขาก็ทำวิ้งๆๆ"
ชายวัยกลางคนได้ยินแบบนั้นก็ขำออกมา โถ่ ไอ้หนูแมงมุม โดนหมอหลอกเข้าแล้ว
"นายมั่นใจใช่ไหมว่าไม่ใช่ยาแบบน้ำ"
ปีเตอร์นิ่งไป
ก่อนยิ้มแห้งๆจะแปะอยู่บนหน้า
"อ-เอ่อ ผมว่า- น่าจะใช่นะครับ" แล้วก็หัวเราะแหะออกมา
โทนี่ได้แต่ส่ายหน้าแล้วบทสนทนาก็ดำเนินต่อเพราะเสียงเจื้อยแจ้วที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด
อย่างน้อยตอนนี้ใจเขาก็ไม่หลุดลอยไปไหนเหมือนในเวลาปกติ
/
ทำไมต้องคิดถึงเธอ
นี่ฉันกำลังเป็นอะไร
คำถามมีมากมาย
สงสัยตัวเองอยู่อย่างนี้
ระหว่างทางกลับจากงานการกุศลของเศรษฐีชื่อก้อง เวลาเกือบๆเที่ยงคืนโทนี่อยู่ในเชิ้ตสีดำที่ถูกปลดกระดุมสองเม็ดบนเพราะความอึดอัดก่อนปลีกตัวออกมาจากปาร์ตี้ เส้นผมสีน้ำตาลดำยุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการยีไปมาเพราะความงุ่นง่าน เขาบอกแฮปปี้ว่าอยากเดินเล่นสักพักถ้าจะกลับเดี๋ยวโทรหาเองซึ่งก็ได้ฟีดแบคเหมือนอย่างที่คาดไว้ ―เป็นห่วงกันเกินเบอร์เหมือนเพ็พ แต่สุดท้ายก็ยอมความรั้นของเจ้านาย
ใช้สายตาทอดมองไปยังร้านอาหารเอเชียที่มีแสงส่องออกมาบ่งบองว่าเจ้าของยังไม่ชิงปิดไปเสียก่อน ชั่งใจอยู่สักพักก็เดินต่อเพราะท้องยังไม่เรียกร้อง ―จะว่าไปก็นึกถึงใครบางคนที่บ่นว่าอยากกินข้าวมันไก่กับเพื่อนตัวกลม
ถัดมาเป็นร้านตัดสูทที่มีหุ่นตั้งโชว์ไว้หน้าร้าน เขาหยุดยืนมองด้วยความคิดที่เบาบางแต่ชัดเจน ―ชัดว่ามีหน้าใครสักคนโผล่มาจ๊ะเอ๋ตอนเห็นสูททรงสวยตรงหน้า คิดว่ามันจะดูดีแค่ไหนเมื่ออยู่บนตัวของอีกฝ่าย
สตาร์คสะบัดหัวแรงๆไล่ภาพที่แล่นมาก่อนประมวลผลใหม่พร้อมย่นคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจ
หนึ่ง ทำไมเขาถึงคิดถึงหมอนั่น
สอง มีแว้บนึงที่เขาคิดว่ามันจะต้องดูดีแน่ๆเมื่อ-ให้ตายสิ โทนี่
―ดีที่แค่คิดถึงตอนใส่ ไม่ใช่ตอนถอด พระเจ้า พอได้แล้วสตาร์ค
ถ้าตัดอีโก้ที่สูงกว่าตัวเขาหลายขุมออกยังไงโทนี่ก็ต้องยอมรับว่าพ่อมดคนนี้เข้ามามีบทบาทในหัวเขาเยอะเกินไป ―ไม่ชอบเลย เป็นแค่คนรู้จักแท้ๆ พลางถอนหายใจออกมา หากพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอดีตศัลยแพทย์คนนั้นก็ออกจะเรียบๆด้วยซ้ำ มีไปมาหาสู่กันบ้างตามโอกาสส่วนใหญ่ก็จะนั่งเถียงกันเรื่องสัพเพเหระ
โอเค เขาต้องยอมรับว่าสเตรนจ์เป็นคู่สนทนาที่ยอดเยี่ยม แม้ความคิดเห็นจะไม่ตรงกันแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ปิดหูปิดตาไม่สนใจ ทั้งยังรับฟังอย่างตั้งใจและไม่พูดแทรก เพราะแบบนี้โทนี่เลยชอบไปหาบ่อยๆ เดี๋ยวนะ ไม่ได้ไปเพราะอยากเจออะไรทั้งนั้น อีกอย่างพ่อมดก็ไม่ได้แสดงอาการรำคาญแถมยังล็อคเวลาไว้สำหรับแขกอย่างเขาด้วย (สี่โมงถึงหกโมง บางทีก็มีดินเนอร์ต่อเพื่อการdiscussอย่างไม่ขาดช่วง)
จะว่าก็ว่าเถอะ ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้ไปที่อาศรมบ่อยๆแล้วเพราะงานที่เพิ่มมากขึ้น คงเพราะสาเหตุนี้เลยทำให้ในหัวไอร่อนแมนมีหน้าหล่อๆของ supreme sorcerer โผล่มาหลายครั้งหลายครา ―ก็เหมือนเวลาไม่ได้เจอหน้าคนที่ปกติเจอประจำล่ะมั้ง เหมือนเพ็พ แฮปปี้ อะไรงี้ ,เขาคิด
แหงนหน้าขึ้นมองฟ้าซึ่งมีจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่ คงเพราะวันนี้ไม่มีเมฆมาบดบังทำให้ได้เห็นวัตถุสีเทาหม่นส่องแสงชัดเจนจากด้านบนแข่งกับไฟอมส้มข้างทาง แล้วยังทำให้นึกถึงอะไรบางอย่าง ―อะไรของใครสักคนที่วนเวียนอยู่ในสมองเขามาเกือบๆอาทิตย์
เหมือนตาของพ่อมดเลยแฮะ
สีออกฟ้าหม่นๆเทาๆ
แต่ตาหมอมองดูแล้วระยิบระยับ
ไม่เหมือนพระจันทร์ก็ตรงนี้
―อ่า มาอยู่ในหัวฉันอีกแล้วนะ
"แฮปปี้ มารับได้เลย"
"ฉันว่าฉันเริ่มกรึ่มๆแล้ว"
/
ไม่ชอบสักหน่อย
แต่ปากก็แอบไปบ่นถึงเธอบ่อยๆ
สับสนตัวเองเหมือนกัน รักเธอ รักเธอไหม
อาการแบบนี้ เรียกรักหรือเปล่า
"อยากกินไอศครีม" เจ้าของสตาร์คทาวเวอร์นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา พลางเอ่ยขึ้นลอยๆกับตัวเองหรือกับเอไออัจฉริยะ ―ที่เพ็พสั่งไว้ว่าให้ควบคุมดูแลประเภทของอาหารที่เขาจะนำเข้าปาก
"ระดับน้ำตาลและไขมันของคุณอยู่ที่-"
"หยุดได้แล้วน่าฟรายเดย์"
"ขอแค่ถ้วยเดียว ไม่บอกเพ็พ" ใช้น้ำเสียงอ่อนหวังจะให้สมองกลที่กำลังคุยด้วยยอมจำนน
"ไม่ได้ค่ะ คุณพอตส์สั่งไว้"
"น่านะ" เขาเบ้ปากลงเหมือนเด็กที่เริ่มงอแง
" Ben & Jerry's ถ้วยเดียว" พอตัวเองพูดชื่อแบรนด์ไอศครีมที่ทานเป็นประจำก่อนไดเอตก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา เป็นบทสทนาที่ค่อนข้างชวนคิ้วกระตุกแต่ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกชอบนักชอบหนา
"จะว่าไปก็นึกถึง-"
"บทสนทนาระหว่างคุณและดร.สเตรนจ์เมื่อวันที่มีการบุกรุกจากต่างดาว ฉันพูดถูกไหมคะ"
"อะไรเนี่ย เธอรู้หมดทุกเรื่องเลยรึไงฮะ"
"คุณพูดถึงเหตุการณ์นี้มา 11 รอบแล้วค่ะ นับตั้งแต่ห้าเดือนที่แล้ว"
"...ไม่ต้องละเอียดขนาดนี้ก็ได้" เขาเขี่ยนิ้วไปมาบนหมอนนิ่ม เหมือนยอมจำนนต่อข้อหาที่ว่าตนเองพูดถึงพ่อมดในผ้าคลุมสีแดงบ่อยเกินไป และสิ่งที่เอไอประจำบ้านกำลังจะเอ่ยต่อก็เป็นหลักฐานมัดตัวโทนี่ได้แน่นหนา
"คุณพูดชื่อของดร.สตีเฟ่น สเตรนจ์ภายในสตารค์ทาวเวอร์ 102 ครั้ง ภายในสี่เดือนที่ผ่านมา และบ่อยครั้งขึ้นตั้งแต่เดือนที่สาม อัตราการเต้นของหัวใจเมื่อคุณได้ยินชื่อของดร.สเตรนจ์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากภาวะปกติ และคุณสั่งให้ฉันต่อสายถึงแซงทั่มสาขานิวยอร์คจำนวน 10 ครั้งในเดือนนี้แต่ยกเลิกคำสั่ง 3 วินาทีก่อนฉันจะดำเนินการ"
"ฟรายเดย์"
"คะ"
"ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ" เสียงเข้มแต่ใบหูย้อมด้วยสีแดงด้วยเลือดที่ถูกสูบฉีดจากการรับฟังข้อมูลของตน-เขาไม่ได้พูดถึงพ่อมดนั่นบ่อยสักหน่อย แค่นึกถึงเฉยๆไม่เห็นแปลกตรงไหน ไอ้อัตราการเต้นของหัวใจบ้าบอนั่นก็วัดผิดแหงๆ
"92 ครั้ง/วินาที"
"?"
"อัตราการเต้นของหัวใจคุณตอนนี้ค่ะ"
"ฟราย-เดย์-พ่อจะจับแยกส่วนให้หมด" เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าไอ้สมองกลตัวนี้ชักจะฉลาดเกินหน้าที่ไปแล้ว ถึงในใจลึกๆก็รู้ว่าทั้งหมดที่ได้ฟังเป็นเรื่องจริงก็ตามที
"รับทราบค่ะ หากอยากคุณอยากอ่านกระทู้'ภัตตาคารหรูเพื่อเพิ่มความโรแมนติคในการออกเดท' กรุณา-"
"หยุด ฟรายเดย์ ก่อนฉันจะให้เอไอตัวอื่นมาทำงานแทน" กดเสียงต่ำลงขู่ แต่ถ้าฟรายเดย์เป็นคนจริงคงมีแอบหัวเราะแน่ๆ เพราะท่าทางของเจ้านายตนตอนนี้ออกไปทางน่ารักแทนน่ากลัวซะงั้น หน้าแดงหูแดงจนกลัวจะระเบิดไปซะก่อน
"ค่ะบอส" ไม่รู้โทนี่หูฝาดไปหรือเอไอประจำบ้านพูดด้วยเสียงกลั้นหัวเราะเต็มที
จะว่าไปทำไมสเตรนจ์ถึงเลือกทานรส Stark Raving Hazelnuts
คำถามนี้ค้างคาใจมากกว่าทำไมรสชาติมันถึงเหมือนชอล์กเสียอีก
/
แอบห่วงและหวงเธอ
ไม่รู้ซิว่าเพราะอะไร
อยากหาเรื่องมากมาย
จะได้ใกล้เธออยู่อย่างนี้
วันอาทิตย์ที่แสนน่าเบื่อ สตาร์คไม่ทำอะไรนอกจากจ้องมองเพดานขาวสะอาดมาราวๆสิบนาที ความคิดในหัวฟุ้งเฟ้อหนักเกินจะห้ามปราม และแน่นอนว่าหัวข้อใหญ่คืออาการที่เขากำลังมีอยู่ตลอดสามสี่เดือนมานี้
อาการรัก
แหวะ โคตรเลี่ยน
แต่เมื่อลองปะติดปะต่อทุกอย่างเข้าด้วยกันมันก็สมเหตุสมผลจนโทนี่เถียงไม่ขึ้น ส่วนเจ้าตัวไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการเหล่านี้คงนั่งจิบชาไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ในอาศรมของตนางกรุงนิวยอร์ก ช่างน่าเจ็บใจซะจริง ไม่รู้อีกว่านี่เขากำลังเผชิญอยู่กับรักข้างเดียวหรือเปล่า
โทนี่จำได้ว่ามีวันหนึ่งเขาไปดินเนอร์กับคุณพ่อหมอแล้วบังเอิญเจอแฟนเก่า โอ๊ะโอ ไม่ใช่ของเขาหรอกนะแต่เป็นของอดีตศัลยแพทย์นั่นแหละ คริสทีน พาล์มเมอร์ แม่สาวผมน้ำตาลอ่อนในชุดเดรสสีฟ้าสว่าง
"เฮ้ สตีเฟ่น"
"คริสทีน" เสียงทุ้มสูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย อาจเพราะความแปลกใจที่พบเจอคนคุ้นเคย
"เป็นยังไงบ้าง โอ้ นี่-" เธอถามก่อนเห็นว่ามีบุคคลที่สามนั่งอยู่ตรงข้ามร่างสูง
"โทนี่ สตาร์ค" เขาชิงเอ่ยแนะนำตัวเองก่อน ไม่รู้น้ำเสียงที่ใช้เป็นแบบไหน จะดูหงุดหงิดไปรึเปล่า ―ว่าแต่เขามีเรื่องอะไรที่ต้องรู้สึกแบบนั้นกับสาวคนนี้กัน
"เห็นคุณบ่อยๆในทีวีแถมตึกนั่นก็สูงสุดๆไปเลยนะคะ" เธอเย้า ส่วนเขาก็ได้แต่ยิ้มรับ จนเกือบๆสามนาทีที่บทสนทนาระหว่างสาวเจ้าและสตีเฟ่นจบลงนั่นแหละเขาถึงคลายใบหน้ามึนตึงนั่นออกได้เล็กน้อย
―เฮอะ อีกนิดจะชวนมาร่วมโต๊ะอยู่แล้วเชียว น่าเสียดาย เขาลอบกลอกตาไปเมื่อได้ยินคำร่ำลาที่ดูสุดแสนจะอาลัย (เขาก็โอเวอร์ไปนิด)
"ไว้จะติดต่อไป" เสียงนุ้มทุ้มนั่นอ่อนลงเล็กน้อยในความรู้สึกของโทนี่ ไอ้แววตาวาววับนั่นยิ่งสุมไฟความร้อนรุ่มในอกให้ลุกโหมเข้าไปอีก โดยไม่ทันฉุกคิดสักนิดเลยว่าเหตุใดเขาจึงรู้สึกแบบนี้กับแฟนเก่าของเพื่อนร่วมงาน
"ถ่านไฟเก่าหรอ" ก้มหน้าเขี่ยสลัดข้างจานออก โทนเสียงนิ่งเกินปกติอาจทำให้พ่อมดจับได้และตั้งคำถาม แต่เขาไม่สนหรอก
"ไม่" เขาตอบ ―โกหกเห็นๆ โทนี่แย้งในใจ "ผมไม่ได้รักเธอแล้ว" น้ำเสียงนิ่งแต่หนักแน่นอยู่ในที
มหาเศรษฐีเงยหน้าขึ้นมา ภายใต้แสงอมส้มของโคมระย้าแววตาพ่อมดดูเปิดเผยและจริงใจมากกว่าทุกครั้ง เหมือนอยากใช้แทนคำพูดที่เก็บไว้ภายในหรือไม่ก็มีเพียงเขาที่คิดไปเอง
"ก็" เขาเว้นค้าง "ไม่ได้ว่าอะไรนี่" ―ไม่เห็นต้องทำสีหน้าแบบนั้นเลย สายตานั่นอีก ร่างเล็กกว่ายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มพลางหลบตาออก
"เสียงเหมือนคุณหึง" จิ้มเนื้อสเต็กเข้าปากหลังพูดเย้าหยอก แต่นั่นเกือบทำให้แก้วบางหลุดจากมือของอีกฝ่าย
"ใครหึง บ้ารึเปล่า หึงเพื่อนร่วมงานเนี่ยนะ" ไม่รู้มีใครบอกรึเปล่าว่าสตาร์คน่ะโกหกไม่เก่งเลย คนตรงหน้าได้แต่นึกขำกับท่าทางกระวนกระวายเหมือนเด็กน้อยกำลังปกปิดความลับที่มันเห็นชัดออกจะตายไป ―ใช่ เขาเห็น อย่างน้อยมันก็เริ่มก่อตัว สตีเฟ่นแอบดีใจว่าที่การกระทำผ่านมาไม่ได้สูญเปล่า ―แผนค่อยๆตะล่อมไปเรื่อยใช้ได้ผลเสมอ ทั้งชวนคุยสัพเพเหระ ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆในบทสนทนา เลือกร้านอาหารที่อีกฝ่ายน่าจะชอบ ท่าทางฝีมือเขายังไม่ขึ้นสนิมนะเนี่ย
"จะเชื่อแล้วกันนะสตาร์ค" เขาขำออกมาเบาๆทันทีที่ไอร่อนแมนเปลี่ยนทอปิคไปด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก
โทนี่เลือกที่จะจบการสนทนาในหัวข้อนี้เพราะดูยังไงเขาก็เสียเปรียบ หรือบางทีอาจจะเสียไปตั้งแต่มองนัยน์ตาสีเทาหม่นคู่นั้นยามแรกพบ
/
เพราะอาการเหล่านี้คือคำตอบ
ของคนที่แอบรักใคร ก็ดูแล้วประมาณนี้
ไม่เข้าใจ
ว่าใจมันแอบไปหลงรักเธอเมื่อไหร่
ก็มันเป็นไปได้ไง
ช่วยคิดหน่อย
นึกไม่ออกเลยเมื่อไร
ไม่รู้ว่าลมอะไรหอบเขามายังแซงทั่มนิวยอร์ค ―คงเป็นลมใต้ผ้าคลุมสีแดงสด ผมดำขลับแซมเทากับแก้วตาสีหม่น
โทนี่ สตาร์คเดินสำรวจของวิเศษที่ตั้งเรียงรายเหมือนวันแรกของการมาเยือน หลังจากตบตีกับตัวเองมานานว่าควรเอ่ยความในใจหรือตายเสียดีกว่า (ตายในเชิงเปรียบเทียบน่ะ แบบขาดใจตายอะไรงี้) ซึ่งผลสุดท้ายเข้าก็ตัดสินใจได้เด็ดขาด เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
ประมาณห้านาทีเศษวงเวทย์มิติก็เปิดออกพร้อมใบหน้าที่อยากเห็นมาเกือบสามเดือน สตาร์คผุดลุกขึ้นด้วยความประหม่า
"ไม่เจอกกันนานนะ สตาร์ค" ยิ้มบางถูกวาดขึ้น พร้อมดวงใจของชายผู้หนึ่งที่เต้นผิดจังหวะ
สตีเฟ่นก้าวเท้าออกมาก่อนหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา ความยินดีฉายชัดในแววตา ก้อนเนื้อในอกวูบไหวเมื่อได้พบคนที่คิดถึง จริงๆเวลาที่ผ่านมาเขาก็แอบหวั่นใจคิดว่าชายตรงหน้าอยากตีตัวออกห่าง แต่เมื่ออ่านข่าวการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆของสตาร์คอินดรัสทรี่ก็พอปลอบใจตนเองได้ว่าเจ้าของบ.จำต้องทำงานเหมือนกัน
"สวัสดีหมอ"
"ลมอะไรหอบคุณมา เห็นว่างานเยอะไม่ใช่หรอ" ยกมือประสานไว่ที่หน้าขาตามความเคยชิน
"ก็- ไม่มีอะไรมากหรอก"
สเตรนจ์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความใคร่รู้ ใบหูของผู้มาเยือนขึ้นสีเรื่ออาจด้วยประโยคที่กำลังจะเอ่ย หรือแค่เพราะอากาศในตึกมันอบอ้าว
"ว่าไง โทนี่" แกล้งเรียกชื่อจริงแทนที่จะเป็นนามสกุล
สตาร์คชะงัก ความวูบโหวงในท้องไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนั่นเอ่ยชื่อตน รู้สึกได้ถึงความร้อนที่พร้อมใจมากองกันข้างแก้ม
เสียอาการเลยทีนี้
"ฉันมาปรึกษาเรื่องอาการป่วยน่ะ สตีเฟ่น" เหมือนจะเอาคืน แต่พอชื่ออีกฝ่ายหลุดออกมาจากปากก็อดประหม่าไม่ได้ ―ให้ตายเถอะ เสียงเขาสั่นรึเปล่าเนี่ย
"คุณไม่สบายหรอ" คงไม่มีเสียงไหนไพเราะไปมากกว่าโทนี่ตอนเรียกชื่อเขาแล้ว แต่คงต้องเก็บความคิดนี้ไว้ก่อนเมื่อมีเรื่องให้เขาต้องขมวดคิ้วเป็นกังวล แม้ใบหน้ายังคงเรียบนิ่งแต่น้ำเสียงเข้มก็ยืนยันความรู้สึกห่วยใยได้อย่างดี
"ไม่ๆ คือ" โบกมือไปมากลางอากาศ
"ช่วงนี้ฉันใจลอยบ่อยมาก" ร่างเล็กเริ่มขยุกขยิก สายตาสอดส่ายไปรอบตัว
"ทำงานก็ไม่ค่อยเต็มร้อย อยู่เฉยๆก็เหม่อไปซะงั้น" อดีตคุณหมอรับฟังอย่างตั้งใจ ในหัวก็ประมวลผลไปต่างๆนาๆ
"คือ" เขายกมือเกาท้ายทอย "เวลาไปที่ไหนก็จะนึกถึงบางคนตลอด" ประโยคหลังเบาลงแต่เจ้าของนัยน์ตาหม่นก็ได้ยินชัดเจนและต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความกังขา
"เวลาคุยกับคนอื่นฉันก็จะเผลอพูดชื่อเขาออกมาประจำ ฟรายเดย์บอกมางี้นะ" เสตาหลบ ลอบกลืนน้ำลาย
อะไรนะ 'เขา' หรอ สตีเฟ่นอุทานในใจ นี่หมายความว่าเขากำลังจะอกหักหรือมันเป็นอาการของโรคที่ตนไม่รู้จักกันแน่
"เหมือนปฎิกรณ์อาร์คจะระเบิดเวลาได้ยินเสียงเขา อะไรแบบนี้"
"คุณอาจจะหมายถึงใจเต้นรึเปล่า"
"ก็เหมือนกันนั่นแหละ" เขาพยายามเลี่ยงคำนั้นแล้วนะ
"แล้วไอ้อาการพวกนี้มันเริ่มเมื่อไหร่" กลั้นใจถามออกไป กลัวเหลือเกินว่าคำตอบที่ได้จะกลายเป็นปลายเข็มทิ่มแทงตัวเอง
"ตั้งแต่" เว้นช่วงสูดหายใจเข้า "ไม่ได้เจอนาย"
พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่กระพริบตาปริบๆราวกับต้อง process ข้อมูลที่เพิ่งได้รับ ปอยผมตกลงมาให้เขารู้ตัว ก่อนผีเสื้อภายในท้องจะพากันกระพือปีกด้วยความชื่นมื่นยิ่งกว่าวันใด ริมฝีปากบางยกยิ้มก่อนรีบเม้มลงเพื่อกลั้นยิ้มเพราะกลัวจะหลุดมาด
"ยิ้มอะไรหมอ" เพิ่มระดับเสียงขึ้นหวังจะกลบอีกเสียงในอกที่ดังโครมคราม
คนโดนแว้ดหัวเราะเบาๆในลำคอ
"คุณกับผมนี่อาการเดียวกันเลยนะ" เสียงนุ่มทุ้มอ่อนลงกว่ายามปกติ แต่ไม่เท่าแววตาที่กำลังมองมา ช่างลึกซึ้งและชวนฝันยิ่งกว่าเทพนิยายเรื่องใด
"สงสัยคืนนี้ต้องไปดินเนอร์กับผมแล้วแหละ เรื่องนี้น่าจะยาว"
ความกังวลจางหายเหมือนไม่เคยมี เหลือไว้แค่อาการประหม่าอาย
โทนี่ สตาร์คก้มหน้าลงเล็กน้อยพยายามกลั้นยิ้มไม่ให้หลุดออกมาให้อีกฝ่ายได้ใจ ―อาจจะได้ไปแล้วรึเปล่า
"เอาสิ นายเลือกร้านนะ" เอ่ยตอบไปด้วยใจที่พองโต
สตีเฟ่นชอบคำตอบนั้นเหลือเกิน โดยเฉพาะจากโทนี่ สตาร์ค
ค่ำคืนที่ไม่มีเอเลี่ยนต่างดาว
เหลือแต่ชายสองคน
ที่กำลังมีอาการรัก
/
จบ
talk ―มาเยียวยาหัวใจจากegไปด้วยกันนะคะ เรือเราแล่นได้เสมอถ้ามีพลังชิปเป้อ ติชมและให้กำลังใจกันได้ที่ @phxras มาเม้ามอยกันก็ได้นะคะ เหงาสุด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in