"When i saw you i fell in love, and you smile because you knew." ― William Shakespeare
ว่ากลีบดอกซากุระ
ที่อยู่บนศรีษะคุณน่ารักแล้ว
รอยยิ้มของคุณกับแก้มสีเรื่อ
ตอนพยายามปัดมันออก
น่ารักยิ่งกว่า
โทนี่ สตาร์ค
ชื่อของมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ เพลย์บอย นักบุญ อัจฉริยะ
― กำลังคิดว่าตัวเองมีความรัก
การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมไม่เคยจะอึดอัดมาก่อน แม้จะเป็นที่แปลกๆอย่างแซงทั่มพ่อมด แต่ก็ไม่สามารถควบคุมมือไม่ให้เคาะที่พักแขนได้ เสียงรบกวนนั้นทำให้พ่อหมอต้องเอ่ยปาก
"เป็นอะไรของคุณ"
"เปล่า เบื่อๆ"
โกหกหน้าตาย ใจนี่เต้นจนแทบจะหลุดเพราะเสียงทุ้มนั่นเป็นรอยที่ร้อย
ไม่ได้สนใจที่โทนี่ไม่สบตาตนตอนตอบ แม่จะจับสังเกตได้ว่าหลังจากเหตุการณ์บนดาดฟ้า อีกคนก็พยายามหลบสายตามาตลอด
ก็ไม่มั่นใจว่าความรู้สึกนั้น
แบบเดียวกันไหม
"ญี่ปุ่นช่วงนี้ฤดูใบไม้ผลิ"
"แล้ว?"
"ถ้าคุณอยากไป"
"หมอจะพาผมไป?"
"เปล่า คุณมีเครื่องบินส่วนตัวก็ไปเองสิ"
"ไอ้หมอ"
หน้ามุ่ยๆตอนโดนเล่นมุกตลกหน้าตายนั่นชวนให้เสตรนจ์นึกถึงแมวหงุดหงิด หลุดขำออกมา
และโทนี่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ใบหน้าและน้ำเสียงตอนอดีตคุณหมอหัวเราะ โคตรจะมีเสน่ห์
ไม่หรอก
ทั้งหมดของดร.สตีเฟ่น เสตรนจ์ นั่นแหละ
"อยากไปไหม"
"อือ" เสียงยังฟึดฟัด
"เป็นพ่อมดนี่ก็ดีนะ ไปไหนก็ไม่เสียเงิน"
"คุณเสียเงินก็เหมือนไม่เสียนั่นแหละ"
"ก็จริง" คำเยินยอที่ไม่ตั้งใจเอ่ย ก็ทำให้โทนี่ยกยิ้มได้
"งั้นมาตรงนี้"
สตีเฟ่นลุกขึ้น กวักมือเรียกเพื่อนร่วมทริป
โทนี่เดินไปอย่างว่าง่าย
เวทย์ประตูมิติถูกร่าย เห็นมาตั้งหลายทียังคงตื่นเต้นลึกๆ เพราะเขาเป็น man of science ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องมนต์คาถา พอมาได้เห็นกับตาก็อดทึ่งไม่ได้ (คงลืมไปว่าขนาดเทพเจ้ายังเจอมาแล้ว)
สะเก็ดสีทองกระเด็นออกมาจางวงเวทย์คล้ายไฟ ด้านหน้าทั้งสองเป็นสวนซากุระกำลังบานเต็มที่ สีชมพูย้อมไปทั่วบริเวณ ยังไม่ข้ามไปก็ได้รับไอเย็นจากลม กลีบดอกไม้โปรยปรายตามกระแส มีบ้างที่หลุดเข้ามาบนพื้นห้อง ชวนให้นิ่งงันกับทิวทัศน์เบื้องหน้า
“เชิญ” พ่อหมอผายมือ
และโทนี่ก็เดินเข้าไป ตามหลังมาด้วยเจ้าของทริปและประตูมิติที่ปิดลง
แม้จะเป็นโลกกระจก แต่ความสวยงามก็ดั่งของจริง ไม่ลดลงแม้เสี้ยว ลมสดชื่นพัดมากระทบ มหาเศรษฐีที่เคยมาแล้วเป็นร้อยครั้งก็สงสัย ― ทำไมรู้สึกว่ามันตื่นเต้นกว่าครั้งก่อนๆ แสงอาทิตย์ฉาบบางทั่วพื้น พอให้รับไออุ่น
"หมอมาบ่อยหรอ"
"สงบดี ทำให้ผมมีสมาธิ"
บทสนทนาตัดลง เงาคู่ทอดยาวไปบนพื้น เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้สีอ่อน ทั้งสองเดินผ่านแมกไม้ใต้ร่มเงา
สะท้อนสีชมพูทั่วร่างของผู้มาเยือน
/
โทนี่สูดกลิ่นหวานสดชื่นเข้าเต็มปอด ก่อนหลับตาพรูลมหายใจออกมา
ลืมตาขึ้น หันไปหาคุณหมอที่มองอยู่ก่อนแล้ว ลมหายใจสะดุด หนังรักที่เพิ่งดูแก้เบื่อก็เด้งมาในหัว
ฉากจบใต้ต้นซากุระยังคงติดตรึง
เลิกคิ้ว พยายามกลบสีหน้าตื่นๆให้มิด
"เปล่า"
"เห็นคุณผ่อนคลายก็ดีใจ"
ตรงไปแล้วหมอ
"งั้นหรอ ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้โหมงานนะ"
"แล้วเสียงเคาะอะไรตอนตีหนึ่งตีสอง"
"ก็ แบบ"
"อย่าเถียง"
"สุขภาพซื้อไม่ได้นะสตาร์ค รักษาหน่อย"
"คุณยังมีคนอยู่ข้างหลัง"
ประโยคนี้สเตรนจ์จงใจพูด ในตอนนี้ที่ตัวเองเดินเยื้องต้านหลังคู่สนทนา ก็ไม่รู้ว่าความหมายนี้จะส่งไปถึงคนหัวดื้อไหม
"รู้แล้วน่าหมอ"
"จู้จี้เป็นแม่เลยวุ้ย"
ร่างเล็กหยุดก้าว หันตัวกลับมา เอื้อมมือไปเด็ดซากุระสีอ่อน ทัดไว้ข้างผมแซมเทาของพ่อมด
"โอ๊ะ เข้ากับหมอดีนะ" กลั้วหัวเราะ เอาคืนที่ทำให้ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
คนถูกกระทำชะงักไป แต่ความรวดเร็วยังคงอยู่ คว้าข้อมืออีกฝ่ายก่อนจะหลบได้ทัน โทนี่ชะงัก ดวงดาวสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างเล็กน้อย ― และยังคงส่องสว่าง
“สตาร์ค-”
ยังไม่ทันจะพูดต่อ ลมแรงก็พัดมา กลีบดอกไม้ร่วงหล่นมากกว่าเดิม เปิดโอกาสให้ร่างเล็กเอาข้อมืออกจากการกอบกุมอย่างแนบเนียน เบือนหน้าออกแสร้งมองไปทางต้นลม เพื่อซ่อนแก้มสีเรื่อไว้ ซากุระร่วงโรยมา บดบังทัศนวิสัยของทั้งสอง เสตรนจ์จึงไม่เห็นสีหน้าคนตัวเล็กกว่า
ว่าน่ามองแค่ไหน
สายลมหยุด แต่กลีบสีชมพูอ่อนยังคงปลิวว่อน บ้างตกบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม เจ้าของศรีษะไม่รู้ตัว จนคุณหมอต้องยกมือขึ้นหยิบออกให้ สายตาเอ็นดูฉายชัด จนคนได้รับสั่นไหว หากวางใจจะไม่ผิดหวังใช่ไหม?
"ทำเองได้น่าหมอ" หัวเราะร่วน กลบความเก้อเขิน ยกมือขึ้นปัด วินาทีที่นิ้วเฉียดโดนกันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านทั่วร่าง ทำเอาใบหน้าของคนพูดเห่อร้อนทันใด
ปฎิกิริยาทั้งหมดอยู่ในสายตาพ่อมด เก๊กขรึมพยายามไม่หลุดมาด ― แต่ใบหูแดงเถือกนั่นดูขัดๆชอบกล (ก็อากาศมันร้อนน่า)
"มองอะไรเล่า"
จากที่หลบอายคอนเทคมาเกือบอาทิตย์ โทนี่ลืมตัวช้อนตาขึ้นมอง ดวงดาวสีหม่นนั้นชวนให้ใจอ่อนยวบ (แบบทิชชู่ปียกน้ำ) พยายามเก็บความรู้สึก ไม่ให้ถูกเดาออกทางสายตา(ที่ยังไงก็ดูจะปิดไม่มิด) ส่วนเสตรนจ์ก็ยังคงทำหน้าเฉยๆ ดูไม่มีอาการใดๆ แต่หากสังเกตดีๆจะมีความชะงักงันเมื่อนัยน์ตาคู่หวานสบมา (black panther never freeze but dr.strange froze when saw tony's glowing eyes)
อวัยวะในอกเริ่มทำงานหนักกว่าที่เป็น จนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน
ทั้งสองค้างเติ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะปรากฎบางอย่าง
คุณหมอที่ใครก็ว่ายิ้มยาก ตอนนี้มุมปากยกขึ้น แววตาอ่อนลงอย่างที่ชอบทำ ― กับคนเดียวนั่นแหละ
ใจสั่นทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ
โทนี่ว่าแค่ผีเสื้อบินในท้องมันน้อยไป ขนาดนี้ต้องมาทั้งสวนสัตว์แล้วแหละ
"รู้หรอ"
"ไม่รู้แล้วผมจะยิ้มหรอ"
คำตอบชวนให้เป็นลม นี่เขาอ่านง่ายขนาดนั้นเลยรึไง รู้สิ่งที่อยู่ในใจตนดี แต่อย่าเพิ่ง ขอเวลาทบทวนตัวเอง ปัญหาความกลัวที่จะเปิดใจมันหนักหนากว่าที่คิด
"ขอเวลาแป๊บ"
"เท่าที่คุณต้องการ"
― ซากุระสีอ่อนร่วงโรย หากแต่มีบางอย่าง
กำลังผลิบานในดวงใจของคนคู่หนึ่ง
♡
OS สั้นๆค่ะ ฮ่า มาพูดคุยกันได้ทั้งในแท็กและเมนชั่นนะคะ สุดท้ายก็มาต่อพาร์ทสองจนได้สิน่าคนเรา555555
@pularxnav #pularxfic
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in