เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MCU
yellow is darker than brown 1 #strangeiron


  • “When it is dark enough, you can see the stars.” 
    ― Ralph Waldo Emerson





    / /




    ดวงดาราสุกสกาว

    ราวกับพรจากพระเจ้า

    แต่เมื่อฉันจ้องมองนัยน์ตาของคุณ

    ก้อนหินบนฟ้าก็ดูจะหม่นแสงลงไปนิดหน่อย



              อดีตคุณหมอนั่งแกร่วอยู่บนดาดฟ้าสตาร์คทาวเวอร์ เสื้อยืดคอกลมที่ใส่อยู่ดูจะไม่เข้าชุดกับผ้าคลุมสีแดงสดบนไหล่ แม้จะมีโซฟาราคาชวนจะเป็นลมแต่คุณหมอก็ไม่คิดจะหย่อนลงนั่ง กลับเป็นขอบของตึกที่เขาพึงใจ ขายาวแกว่งไปมาชวนหวาดเสียว ลมเย็นพัดมากระทบ ผมดำขลับปอยด้านหน้าหลุดออกปลิวตาม 


              
              มหานครนิวยอร์คที่ไม่เคยหลับไหลแม้เวลาในตอนนี้เกือบจะเลยเที่ยงคืน เสียงจอแจของผู้คนและการจราจรดังในโสตประสาท



    ยกมือที่เต็มไปด้วยแผลเป็นมาพินิจ
    หากไม่เพียงมือ
    แต่รวมถึงจิตใจ



              เรื่องราววันเก่ายังย้อนขึ้นมาในหัว แม้เป็นเพียงความฝันยามนิทรา แต่ความหวาดกลัวและสิ้นหวังยังคงติดตรึงแม้ตอนนี้จะเป็นจอมเวทผู้เก่งกาจเพียงใด ― นี่คือสาเหตุที่เขามาอยู่บนนี้เพียงคนเดียว
             

               แหงนหน้าคมคายขึ้นมองท้องฟ้า วันนี้ไม่มีเมฆหนาให้ชวนรำคาญ จึงเหลือดาราให้เชยชม เขาจ้องมองอย่างเผลอไผล ― แม้จะอยู่แสนไกลแต่กลับสวยงาม



    เสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลัง ตามด้วยเสียงคุ้นหูเอ่ยทัก


    "อ่าว หมอ นอนไม่หลับหรอ"


    "คุณก็ด้วยแหละสตาร์ค"


    "มียอกย้อน โซฟาก็ไม่นั่ง เพิ่งรู้ว่าชอบอะไรหวาดเสียวนะหมอ" เสียงขี้เล่นตามเคย


    คุณหมอไหวไหล่ ไม่สนใจนัก ตบมือแปะข้างๆตัว ส่วนคนหยอกก็เลิกคิ้วแบบ เอาจริงดิ แต่สุดท้ายก็เดินมานั่งด้วยอยู่ดี


    มหาเศรษฐีโหวงๆในท้องนิดหน่อย ไม่รู้เพราะความสูงหรือคนด้านข้าง
    แต่เขาพนันห้าเหรียญเลยว่าต้องเพราะอย่างแรกแน่ๆ


    "ทำไมยังไม่นอน"


    "คิดอะไรนิดหน่อย"


    "ตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ"


    "ทีคุณยังนั่งประดิษฐ์นู่นนี่จนเช้าเลย"


    แหนะ มีแซะกลับ
     

              เสียงพูดคุยเงียบลง สายตาทั้งสองจับจ้องไปบนผืนผ้าสีดำที่มีจุดสว่างมากมายด้านบนหัว ลมเอื่อยๆพัดพาความเหนื่อยล้าออกไปได้มากโข เสตรนจ์และโทนี่ต่างจมอยู่กับความคิดตนเอง จนมีเสียงทำลายความเงียบที่ไม่น่าอึดอัดออกมา



    "ทำไมเราถึงวาดดาวเป็นแฉกห้าเหลี่ยมกันนะ หมอว่าไหม" คำถามที่เด็กกว่าอายุถูกเอ่ยออกมาจากอัจฉริยะ มหาเศรษฐี คนใจบุญ เพลย์บอย (บางทีคนฉลาดก็ต้องตั้งคำถามเด็กๆบ้าง)


    "คุณจะมาสงสัยเรื่องนี้เนี่ยนะ"


    "เอ้า หมอไม่สงสัยหน่อยหรอ"


    "ถ้าวาดเป็นวงกลมก็จะเหมือนดวงจันทร์"


    "มีเหตุผล"



    เว้นไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยสิ่งที่คิด



    "คือ ถ้ามีเรื่องอะไรบอกผมได้นะ เอาจริง เห็นแบบนี้ก็รับฟังได้" 


              โทนี่อ้อมแอ้มพูด ต่างจากตอนให้สัมภาษณ์สื่อด้วยเสียงมั่นอกมั่นใจ เบือนหน้าออกไปอีกทาง มือที่เคยรู้หน้าที่ตอนนี้กลับเก้ๆกังๆจนต้องยกขึ้นเกาท้ายทอย



              ด็อกเตอร์แปลกใจนิดหน่อยกับคำพูดเป็นห่วงเป็นใย เขาเคยคิดนะว่าโทนี่ สตาร์คเป็นคนทิฐิสูง (พอๆกับเขา ถึงจะไม่อยากยอมรับ) เอาแต่ใจ ฉลาดแต่ไม่รอบคอบ ซึ่งบางอันก็จริงบ้างไม่บ้าง ปนๆกันไป พอมารู้จักจริงๆเจ้าของชื่อนี้ก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีหรือเลวร้ายอะไรเลย ทั้งอ่อนไหวลึกๆ แข็งนอกอ่อนใน แคร์คนอื่นแต่แสดงออกไม่เก่ง


    "ขอบใจ"


    "ไว้จะเล่าให้ฟัง" ไหนๆวันนี้ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น จะให้ดราม่าก็กลัวเสียบรรยากาศ


    คู่สนทนาพยักหน้าเข้าใจ


    "คุณก็เหมือนกัน อย่าหักโหม"


    ประโยคเตือนจากคุณหมอชวนหัวใจพองโต ถึงจะรู้ก็เถอะว่าเป็นคำแนะนำจากอดีตหมอ แต่ก็ชวนให้คนฟังคิดไกล ปกติไปตรวจที่ไหนพอได้ฟังก็ไม่เคยจะหน้าร้อนวูบวาบ เขาเป็นอะไรเนี่ย 



    ขอคิดว่าเป็นห่วงได้ไหม



    โทนี่กระแอมเรียกสติ แต่ใบหน้ายังขึ้นสี ตัวคนทำก็ยังไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันมืดหรือแกล้งมองไม่เห็น


    "หมอ"


    "อย่าบอกนะว่าจะถามอะไรเด็กๆแบบนั้นอีก"


    "รู้ทัน งั้นตอบหน่อย"


    "ทำไมเราถึงระบายดาวเป็นสีเหลืองแทนที่จะเป็นสีขาว"


    คนถูกถามถอนหายใจ ไม่ใช่เบื่อกับคนถาม แต่กับคำถามต่างหาก


    "ไม่รู้สิ อาจจะไม่อยากเว้นช่องขาวไว้มั้ง" 


    ไหวไหล่อย่างที่ชอบทำ ตอบคำถามที่ดูไม่สลักสำคัญในบทสนทนา ใบหน้ายังแหงนมองท้องฟ้าตามเดิมทำอย่างกับดวงดาวพวกนั้นสวยงามที่สุดในจักรวาลอย่างนั้นแหละ


    "งั้นทำไมต้องสีเหลืองล่ะ สีอื่นก็มี"


    เพราะสีเหลืองอาจจะใกล้กับสีขาวมากที่สุด เพราะสายตาของคนรุ่นก่อนแตกต่างจากตอนนี้ เพราะความเชื่อต่างๆในตอนนั้น คำตอบมากมายเตรียมจะเผย 




    ละสายตาออกมากก้อนหินบนฟ้ามาสบกับดวงดาวด้านข้าง

    ที่เสตรนจ์ไม่เคยรู้เลยว่าจะส่องสว่างได้มากเท่านี้




    นิ่งไปครู่หนึ่ง รู้สึกคล้ายเวลาหยุดทั้งที่เขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ พอรู้สึกตัวหัวใจก็สั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้จะดูเป็นคนขรึมๆเข้มๆไม่ประสาเรื่องพวกนี้ แต่เขารู้ดีว่าสิ่งที่รู้สึกคืออะไร



    ประกายในแววตาคู่นี้

    อยากจะปกป้อง

    ให้ส่องสว่าง

    จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต



    เห็นหมอนิ่งไป เขาก็งง รู้สึกแปลกๆเมื่อจ้องมองนัยน์ตาสีเทาหม่น ที่คล้ายอ่อนลงกว่าแรกพบยามสบสายตา ส่วนลึกแอบภาวนาให้มีเพียงเขาที่ได้รับแววตาเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นคงปวดแปลบๆในอก (ที่ไม่ใช่ปฏิกรณ์อาร์คจะระเบิด) 


    อ้อ ส่วนเงินห้าเหรียญ เขายกให้



    "หมอ-"



    "ผมว่า" เสียงทุ้มเอ่ยคำตอบ


    "จริงๆแล้ว"


    "ดาวอาจจะสีน้ำตาลเข้ม"


    ― เพราะดวงดาวคู่นี้ตรงหน้าเขา ทอประกายกว่าสีเหลือง ส่องสว่างกว่าก้อนหินบนฟ้า

    และโทนี่สตารค์ก็ฉลาดพอที่จะตีความออก









    OS สั้นๆค่ะ ฮ่า มาพูดคุยกันได้ทั้งในแท็กและเมนชั่นนะคะ
    @pularxnav #pularxfic
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in