เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
unevenlyNungning~
นักเขียนทั้งห้า (1)
  • คราวก่อนที่เขียนเรื่องปิดเล่มไว้เล่นๆ
    ก็คิดไว้ว่าจะเขียนถึงนักเขียนที่ออกหนังสือรอบนี้สักหน่อย
    เรื่องมันมีอยู่ว่า... (ว่าอะไร)
    จริงๆ ทุกรอบของงานหนังสือ เราก็มีนักเขียนใหม่เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ
    ถ้าเป็นครอบครัว ก็คงจัดว่าเป็นครอบครัวที่มีสมาชิกเพิ่มปีละ 2-3 ครั้ง
    ครั้งละหลายคนบ้าง คนเดียวบ้าง ตามแต่โอกาสหรือพรหมลิขิตจะอำนวย
    และรอบนี้บันก็มีนักเขียนใหม่เป็นสาวๆ ทั้งหมด 4 คน
    นักเขียนเดิม 1 คนถ้วน (จะเรียกว่า เก่า มันก็ยังไม่เก่าอะเนอะ)
    ทีนี้ หลายครั้งโดนถามว่า ไปหานักเขียนมาจากไหน เลือกต้นฉบับยังไง และอื่นๆ
    ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีหลักการในการตอบที่ตายตัวเท่าไหร่
    แต่ถ้าอยากรู้ที่มาที่ไปของคนไหน ก็พร้อมจะเล่าให้ฟังเป็นคนๆ ไปนะ (ชอบจำอะไรแบบนี้จะตาย สนุกดี)
    อะ อย่างคราวนี้...

    เริ่มที่ 1. วิกกี้ — Vickaay ละกัน

    วิกกี้ส่งต้นฉบับมาในโปรเจกต์ Meet Editor ตอนงาน SALMON FRESH TO FEST ปีที่แล้ว
    ตอนนั้นจำได้ว่าไม่ได้สนใจเนื้อเรื่อง แต่ว่าชอบตัวการ์ตูนและสไตล์ของวิกกี้ที่ตลกและโดดเด่นติดตาดี
    พอหลังจากที่เลือกต้นฉบับของวิกกี้ไว้ในลิสต์คนที่จะนัดเจอในวันจริงแล้ว
    ก็เพิ่งมาพบว่า ที่จริงเคยมีคนส่งผลงานของวิกกี้มาให้เราดูก่อนหน้านี้แล้วทีนึง
    ซึ่งก็ชอบด้วยนะ แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าวิกกี้เป็นคนไต้หวัน อยู่ไต้หวัน เค้าจะมาสนใจอะไรเราวะ ไรงี้

    หลังจากนั้นก็นั่นแหละ มาเจอกันที่งาน SALMON FRESH TO FEST
    พบว่าวิกกี้ก็อยู่เมืองไทยนี่หว่า (ก็เออสิ) แล้วก็สนใจเราด้วย (ไม่งั้นจะส่งต้นฉบับมาเองเรอะ)
    ทุกอย่างก็ประจวบเหมาะ พอคุยกันที่งานวันนั้น เราก็นัดเจอวิกกี้อีกครั้งที่ออฟฟิศ
    พร้อมกับน้องๆ ที่กองฯ เพื่อคุยกันแบบลงรายละเอียดอีกครั้ง
    และน่าจะถือเป็นวาระของการ 'เกือบ' เปิดเล่มอย่างเป็นทางการสำหรับเล่มนี้
    แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน
    วิกกี้เป็นคนแอคทีฟ อันนี้ดูจากการพูดคุยก็พอจะรู้แล้ว
    อีกอย่างคือวิกกี้ทำงานไว มีวินัย และตรงต่อเวลา (อันเป็นคุณสมบัติที่ทำงานด้วยแล้วสบายใจเป็นที่สุด)
    กำหนดส่งงานของวิกกี้คือทุกวันจันทร์ ซึ่งวิกกี้ทำได้ตามนั้นมาตลอด
    และมันดีถึงขนาดที่ว่า ขนาดเราเพิ่มขั้นตอนการทำงานมาอีกหนึ่งขั้นตอนใหญ่ๆ
    วิกกี้ก็ยังรักษาไทม์ไลน์ของตัวเองไว้ได้เลยอะ (เจ๋งปะ)
    SO FAR SO FAB จึงเสร็จทันงานหนังสืออย่างไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร เฮ~

    2. MAMO — มะโม
    มะโมก็มาจาก Meet Editor เหมือนกับวิกกี้
    และก็อีกแล้ว คือ เพิ่งมารู้ทีหลังว่า นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้เห็นงานของมะโม
    ย้อนกลับไปปีที่มีเอเชี่ยนเกมส์ที่เกาหลี (2014 ไงล่ะ, ไปเสิร์ชมา)
    เอม—นภพัฒน์จักษ์ (ชื่อแม่งพิมพ์ย้ากยาก) ไปทำข่าวแลัวก็ดันไปเจอกับมะโมที่เกาหลี
    เพราะมะโมได้รับเลือกให้ไปทำไรซักอย่าง (นี่ไม่แน่ใจจริงๆ) กับทีมซัมซุง (งานเดียวกับที่ต๊อด เสลดทอยไปและกลับมาเขียนเล่ม KOREA DIARY มนุษย์โกอันยอง อะแหละ)
    แล้วเอมก็แนะนำ instagram ของมะโมให้เรารู้จัก ตามประสาแมวมอง—มันชอบให้เครดิตตัวเองแบบนี้
    แต่นั่นแหละ... หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ทำอะไรตามเคย
    จนมะโมส่งต้นฉบับ พร้อมเนมมาในงาน SALMON FRESH TO FEST นั่นเอง
    ทุกอย่างเหมือนกัน คือ หลังจากคุยกันในงานนิดหน่อย (เพราะเวลาจำกัด)
    เราก็นัดเจอกับมะโมอีกทีที่ออฟฟิศ จำได้ว่ามะโมทำอาหารคลีนมาฝากพวกเราด้วย
    ส่วนขากลับไป มะโมก็กลับไปพร้อมการบ้านคือเริ่มทำโครงใหม่หมด
    และเนมที่ทำมาตอนเสนอก็เลยต้องเริ่มใหม่ตามไปด้วย...

    ตอนคุยกันแรกๆ เราบอกจำนวนหน้าหนังสือที่ต้องการคร่าวๆ จำได้ว่ามะโมกลัวว่าจะวาดไม่ทัน
    แต่พอทำเนมมาใหม่ มะโมทำมามากกว่าจำนวนหน้าที่เราอยากได้ทีแรกซะอีก
    (ไหนบอกกลัววาดไม่ทัน 55)
    หลังจากนั้นมะโมก็อยากลองทำดูก่อนว่าแต่ละหน้าจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหน
    แล้วค่อยมาตกลงเรื่องกำหนดส่งงานกัน ซึ่งสุดท้ายเราก็ตกลงกันว่าจะส่งงานสองอาทิตย์ / ครั้ง

    มะโมรักษาเวลาของตัวเองดีมาก ขนาดมีติดช่วงที่เบรคไปต่างประเทศประมาณ 10 วันด้วยนะ
    ขั้นตอนที่ช้าของการทำเล่มมะโม ไม่เกี่ยวกับมะโมเลย (อ้าว...)
    คือมันมาช้าที่ขั้นตอนของร้านเพลต (ก่อนงานจะเข้าโรงพิมพ์) ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมจริงๆ
    สุดท้าย TOO FAT TOO SERIOUS ก็เลยเหมือนจะมาช้ากว่าที่ตั้งใจไปหน่อย ฮือ~

    3. น้ำส้ม
    น้ำส้มส่งต้นฉบับมาให้แบงค์ ณัฐชนน แล้วแบงค์ก็ Fwd. ต่อมาให้เราอีกที
    ที่จริงเคยได้ยินชื่อน้ำส้มมาบ้าง ว่าเป็นคนออกแบบปกหนังสือหลายต่อหลายเล่มที่เราเคยเห็น
    แล้วก็จำได้ว่าน้ำส้มเคยออกหนังสือของตัวเองมาแล้วเล่มนึง

    ต้นฉบับที่น้ำส้มส่งมามีเกริ่นแนะนำเรื่องราวนิดหน่อยแล้วก็รูปสแกนจากสมุดทั้งเล่ม 
    ที่จริงเล่มนี้เป็นเล่มที่เราไม่ได้ตัดสินใจว่าเอาหรือไม่เอาตั้งแต่แรก
    ก็เลยลองเอาต้นฉบับให้น้องในกองฯ (ป่านกับหยาด) ช่วยกันดู, ปรากฏว่าน้องๆ ถูกใจกันมาก
    หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มนัดน้ำส้มเข้ามาคุยกันที่ออฟฟิศ
    พอตกลงกันได้ว่าพวกเราจะทำหนังสือด้วยกัน คุยทิศทาง และคอนเซ็ปต์กันได้แล้ว
    น้ำส้มก็กลับไปเขียนโครงเล่ม แล้วส่งข่าวมาบอกเราว่ามีหลายจุดที่อยากกลับไปเก็บรายละเอียดอีกครั้ง
    แปลเป็นไทยว่า เดี๋ยวเขียนๆ ไปแล้วน้ำส้มก็จะไปไทเปอีกรอบนั่นเอง... อ่าห์

    แล้วหลังจากน้ำส้มไปไทเปกลับมาอีกรอบ ก็ได้เรื่องมาเขียนเพิ่มอีกเพียบ
    จนโครงที่ทำไว้แต่แรกสั่นคลอนกันเลยทีเดียว
    สรุปคือ พวกเราแทบจะรื้อโครงใหม่อีกครั้ง (ทั้งที่อยู่ในขั้นตอนการอีดิตต้นฉบับแล้ว)
    เพื่อให้เรื่องราวใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาได้เข้ามารวมอยู่ด้วยกันได้ด้วยดี (มั้ย)
    แต่มันก็เริ่มเป็นการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา เพราะพอรวมกับเนื้อเรื่องที่เพิ่มเข้ามาใหม่
    พวกเราก็เลยต้องเริ่มทำการอีดิตต้นฉบับทั้งหมดใหม่อีกรอบ แฮ่กๆ
    แต่ก็เพื่อให้ได้งานในแบบที่พวกเราคิดว่าดีที่สุดนั่นแหละ (แน้~)

    โชคดีที่น้ำส้มอยู่ช่วยเหลือเราในทุกขั้นตอนของการทำงาน ทั้งคอยตอบคำถาม
    คอยสแตนบายด์เช็กข้อมูลที่เราขอเพิ่มเติม และช่วยออกไอเดียตอนออกแบบปก
    ที่จริงมีไทโปฯ ที่น้ำส้มออกแบบมาให้พวกเราใช้เป็นชื่อหนังสือ 'ทำไมไทเป' ด้วย
    แต่สุดท้ายมาลงตัวที่อีกแบบ เลยทำให้ไม่ได้ใช้ไทโปฯ อันนั้น, น่าเสียดาย

    (โอ๊ย เมื่อยมือ, เหลืออีกสองคน คือ พาย กับแม็กซ์ ไว้ต่อ พรุ่งนี้ แล้วกันนะ...)



















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in