ลมที่พัดเข้ามายังหน้าต่าง ส่งความรู้สึกอันร้อนผ่าวกระทบที่ตัวของผม อากาศที่ออสเตรเลียอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เสียงของนกและเหล่าแมลงที่ตื่นจากการหลับไหลช่วงจำศีลในฤดูหนาวที่ผ่านมาดังขึ้นและเป็นจังหวะในตัวของมัน
งานของผมเช้านี้คือ การเอาแป้งสาลีที่ขาวหม่นตีเข้ากับไข่ไก่ ข้นให้เป็นเนื้อเดียวกัน อาหารเช้าของผมมื้อนี้คือแพนเค้กราดด้วยน้ำผึ้ง กับโกโก้ร้อนที่ใส่น้ำตาลไม่ต่ำกว่าสามช้อน การตีแป้งแพนเค้กจึงเป็นงานที่ต้องใช้สมาธิอย่างมาก เพื่อไม่ให้ผงสีขาวฟุ้งหลุดลอยออกมาจากจาน
อีกด้านของครัวมีเพื่อนคนญี่ปุ่นและคนจีน กำลังช่วยกันจัดจานผักสลัด และทอดเบคอนให้กรอบพอที่มันจะไม่อมน้ำมัน เราสามคนนั่งโต๊ะทานข้าวเช้าก่อนที่จะเริ่มงานหลักคือทบทวนความรู้เพื่อสอบในสัปดาห์สุดท้ายของภาคเรียนที่ใกล้จะมาถึง
เพื่อนคนจีนเปิดประเด็นเล่าถึงเรื่องราวสุดฮ่ามากมายที่เกิดขึ้น ตั้งแต่มาเรียนที่ออสเตรเลีย กำแพงทางภาษากับวัฒนธรรม ที่พวกเราเรียนรู้ถูกและผิดกันมามากมาย จะว่าไปแล้วมันคือประสบการณ์อันมีค่าที่คนวัยเลขสองอย่างพวกเราได้รับ ตลอดการใช้ชีวิตที่นี้
เราสามคนหัวเราะให้กับชีวิตที่นี้ ที่สมมติให้เรากลายเป็นเด็ก ที่ต้องเริ่มต้นเรียนรู้อะไรใหม่มากมาย เช่นอยากจะสื่อสารอะไรยาวๆออกไป ก็พบตัวเองอีกทีว่าลืมไปเสียแล้ว เรียบเรียงประโยคไม่ทัน และพาลเอาผู้รับสาร มึนงงไปตามๆกัน
ถ้าย้อนกลับไปนึกถึงสมัยตอนที่ตัวเองเป็นเด็ก เราต่างตื่นเต้นกับเรื่องราวของเพื่อนสักคนในห้องที่ได้ไปเที่ยวและเจอประสบการณ์แปลกๆกลับมาเล่าในฟัง เหมือนเพื่อนญี่ปุ่นที่เล่าถึงการท่องเที่ยวแสนลำบาก สามสัปดาห์ของเขาในฟิลิปปินส์ประเทศที่ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนเหินห่างกันอย่างยาวไกล
เราสามคนต่างแชร์เรื่องราวอันเหลือเชื่อที่แต่ละคนเคยประสบพบเจอมาในช่วงชีวิต และมันนานมามากแล้วเหมือนกัน ที่ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องราวการเดินทางของใครสักคน diary of remember ของเขา นานมามากแล้วที่ลมหายใจไม่ได้หลุดลอยหายไปในขณะที่จินตนาการภาพของเรื่องราวนั้นด้วยการสำรวจทุกๆถ้วยคำที่เจ้าของเรื่องพูดออกมา
ผมได้แต่ฝันที่จะใช้ชีวิตเดินทางไปสถานที่ใหม่ๆ เจอคนต่างภาษาต่างวัฒนธรรม และได้ฟังเรื่องเล่าอันน่าเหลือเชื่อจากผู้เขา แน่นอนผมเดินทางมาอยู่ออสเตรเลียเกือบจะหนึ่งปีแล้ว แต่นั้นไม่ใช้ประเด็นเพราะผมกำลังหมายถึงการเดินทางด้วยจิตวิญญาณอันลึกซึ้ง
ประสบการณ์และเรื่องราวระหว่างการเดินทางของชีวิตที่เปลี่ยนตัวตนอย่างถอนรากถอนโคน เหมือนกับนิยายเรื่อง The Alchemist ของ Paulo Coelho ที่ตัวละครได้เรียนรู้ชีวิต เปลี่ยนวิธีคิดของเขาผ่านเรื่องราวอันน่าทึ่งจากคนแปลกหน้าระหว่างทาง
แต่ทุกอย่างกับตรงกันข้ามในปัจจุบัน เราต่างรับรู้ข่าวสารของใครสักคนไม่มากก็น้อย ผ่านการอ่านโซเชียลมีเดียของเขา ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องสาธารณะที่ไม่ต้องใช้ความสามารถในการค้นพบเท่าที่การจิ้มนิ้วบนหน้าจอ จะทำให้เราคลายความสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เราอยากรู้ไปได้
ผู้คนรอบข้างตัวผมกำลังเป็นอย่างนั้น (รวมตัวผมอย่างปฏิเสธไม่ได้) ผมไม่ได้บอกว่าการทำแบบนั้นมันไม่ดี เพียงแต่ข้อมูลอันมากมายในแต่ละวันที่ถูกเรานำเสนอออกไปเพื่อจุดประสงค์หลายรูปแบบ และมันก็ง่ายมากที่เราจะสามารถ receive เรื่องราวเล่านั้นได้ด้วยเช่นกัน โดยไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปประสบ หรือparticipate เพื่อให้ได้มา
แม้การเดินทางด้วยจิตวิญญาณอันลึกซึ้งอย่างตัวละครของ Paulo คงเป็นไปได้แค่การจินตนาการเท่านั้นท่ามกลางโลกปัจจุบันที่หมุนตามกลไกของตลาดทุนนิยมที่สามารถเข้าถึงทุกอย่างได้เสมอกัน แต่ผมก็ยังยืนยันที่จะ suppose ตัวเองอย่างนักเล่นแร่แปรธาตุในเรื่องเท่าที่สติปัญญาจะอำนวยให้ทำได้
ดำรงชีวิตด้วยการไม่หลอกตัวเองจนมากไป จริงใจไม่ใช้แค่ตนเองแต่รวมผู้อื่นด้วย หาคุณค่าให้กับชีวิต หาสิ่งใหม่มาปรับวิธีคิดของตัวเองเรื่อยๆ ดังที่คำกล่าวว่า การเดินทางทุกครั้งจะมอบบางอย่างกับเราเสมอ แม้ว่าการเดินทางครั้งนั้นมันจะไร้ค่าในสายตาคนอื่นก็ตาม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in