หลังจากที่ผมได้ตัดสินใจเดินออกมานอกบ้านสู่โลกกว้าง ก็เริ่มพบว่าโลกของนำ้หอมนั้นมันกว้างใหญ่สุดๆ จากตอนแรกที่คิดเสมอว่าคงไม่ค่อยมีใครที่จะมานั่งพูดคุยเรื่องน้ำหอมแบบลงลึก แต่เมื่อเข้าสู่โลกอินเตอร์เนตก็พบว่า มันก็มีพื้นที่สำหรับคนที่ชื่นชอบอะไรบางอย่างอยู่เสมอ ถึงแม้สิ่งนั้นจะไม่ได้เป็นที่นิยมในบางสังคมก็ตาม โลกยังคงมีพื้นที่ให้กับคนทุกกลุ่มอยู่เสมอครับ
เริ่มแรกที่ผมได้เปลี่ยนการค้นหาเกี่ยวกับน้ำหอมโดยเปลี่ยนการค้นหาจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ก็เกิดความสงสัยเหมือนกันว่าจะเริ่มเดินจากทางไหน ผมเลยตั้งธงในใจไว้ก่อนเลยว่า "เราจะต้องเข้าใจน้ำหอมมากกว่าแค่ดมแล้วความหอม" ผมจึงเริ่มอ่านบทความต่างๆในเว็บไซต์ที่ขึ้นมาอันดับแรกๆ เพราะน่าจะเป็นที่สนใจของคนที่ค้นหา ซึ่งก็จริงนะครับเพราะ ณ ปัจจุบันผมก็ยังคงอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหอมผ่านเว็บไซต์เหล่านี้อยู่
บทความแรกๆที่ผมอ่านจะเกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นของน้ำหอม เช่น ประเภทของนำ้หอม, การจัดกลุ่มประเภทกลิ่น, ความเข้มข้นของน้ำหอม ฯลฯ ช่วงแรกที่เริ่มอ่านบทความภาษาอังกฤษ สำหรับผมถือเป็นช่วงที่วัดใจพอสมควรเพราะมันมีแต่ภาษาอังกฤษล้วนๆ บางบทความก็มีศัพท์เฉพาะทางเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากผมไม่ได้เก่ง+ชอบภาษาอังกฤษด้วย จึงเป็นด่านทดสอบที่สำคัญด่านหนึ่งเลย ถ้ายอมแพ้,ขี้เกียจอ่าน ก็เดินกลับเข้าไปในบ้านเหมือนเดิม ซึ่งยังไม่ยากเท่าไหรเพราะเพิ่งก้าวออกมาแปปเดียว ยังจำทางกลับบ้านได้ แต่ผมก็เลือกเดินต่อครับ เพราะเราตั้งธงไว้แล้วประกอบกับช่วงนั้นผมไม่มีอะไรทำจริงๆ บางทีการทำอะไรบางอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราและโอกาสด้วยนะครับ
หลังจากคลุกคลีกับเว็บไซต์ภาษาอังกฤษมาพอสมควร ผมก็เริ่มเห็นภาพของโลกแห่งน้ำหอมเปลี่่ยนไปมากขึ้น จากเดิมที่มองน้ำหอมแบบพื้นๆไม่ลงลึกแต่เมื่อลงลึกเรื่อยๆ เราก็เริ่มเห็นความซับซ้อนของมันมากขึ้น และก็เริ่มเห็นว่าน้ำหอมไม่ใช่เป็นแค่วัตถุเท่านั้น แต่มันเหมือนชิ้นงานศิลปะที่มีเรื่องราวและมีความซับซ้อนอยู่ในตัว ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งชอบเรื่องน้ำหอมมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนบางคนก็บอกว่าความชื่นชอบนี้มันได้ประโยชน์แบบที่เห็นเป็นรูปธรรมได้บ้างไหม ผมคิดว่ามันไม่ค่อยเกิดผลดีในเชิงรูปธรรมมากนัก ส่วนมากสิ่งที่ได้ก็คือ ภาษาอังกฤษ เพราะเวลาเราชื่นชอบอะไร เราจะรู้สึกไม่เบื่อที่จะทำสิ่งนั้นเป็นเวลานาน ซึ่งการอ่านบทความที่เป็นภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับน้ำหอม มันทำให้ผมชื่นชอบที่จะเรียนภาษาอังกฤษไปด้วย ซึ่งก็ถือเป็นผลดีอย่างหนึ่ง
สิ่งหนึ่งที่ผมภูมิใจมากกว่าการได้ฝึกภาษาอังกฤษก็คือช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย เนื่องด้วยคณะผมเรียนเกี่ยวกับสังคมศาสตร์ ก็จะมีวิชาที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่ชอบได้ ผมก็ใช้โอกาสนี้แหละทำรายงานที่เกี่ยวกับน้ำหอมไปซะเลย โดยเฉพาะการทำรายงานส่วนบุคคลตอนจบมหาวิทยาลัย (บางคนก็เรียกว่า Thesis) ผมก็นำหัวข้อน้ำหอมมาโยงกับปรากฎการณ์ทางสังคม จนสำเร็จออกมาเป็นเล่มสมบูรณ์ ผมคิดว่าอย่างน้อยเวลาที่ผ่านมาที่นำไปใช้กับเรื่องน้ำหอมก็ไม่ได้มาออกมาแค่เรื่องของการฝึกภาษา แต่ยังออกมาในเรื่องของการทำรายงานจบการศึกษา
ผู้อ่านคงเริ่มเบื่อกับการเกริ่นที่แสนยาวนานของความเป็นมาของผมเป็นที่เรียบร้อย ผมก็คิดว่าผู้อ่านน่าจะเห็นพื้นเพของความชื่นชอบในน้ำหอมของผม ซึ่งก็มีอยู่ประมาณนี้แหละครับ ประเด็นที่ผมมาเขียนเรื่องราวในนี้ก็คือ การได้ส่งต่อความชื่นชอบของผมไปสู่คนอื่นๆ ซึ่งในสังคมรอบข้างผมยังคงมองเห็นว่าเป็นของฟุ่มเฟือยเพียงอย่างเดียวซึ่งมันคือความจริงครับ แต่พวกเขาก็รับฟังนะครับ ส่วนตัวแล้ว ผมแค่อยากให้ผู้อ่านลองมองมุมอื่นๆเล่นๆดู อาจจะเจออะไรที่สนุกและแปลกใหม่กว่าเดิมได้นะครับ
ผมต้องขอจบการเกริ่นนำเพียงเท่านี้ ตอนต่อไปคงจะเริ่มเขียนเรื่องทั่วๆไปของน้ำหอมในมุมมองของผมครับ ขอบคุณครับ
22/07/2017
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in