ล่าสุดแต่งงานไปช่วงปลายปีที่แล้วครับ
จริงๆแล้วควรจะได้แต่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 แต่ด้วย พิษภัยจาก โควิด จึงได้เลื่อนมา ( ตอนนั้นนอกจากรัฐบาลห้ามแล้ว ยัง ติดเชื้อโควิดเองด้วย เลยต้องเลื่อนด้วยทุกกรณี )
ก็ถือซะว่ามีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น แต่เอาจริงก็ไม่หรอกครับ เราถนัดให้ทุกอย่างอยู่ในเดดไลน์
งานแต่งจัดเป็น 2 ช่วงคืองานหมั้นวันหนึ่ง และเว้นไป 2 อาทิตย์ ก่อนจัดงานแต่ง ซึ่งด้วยสภาวะโควิด จำนวนแขกในการจัดแต่ละครั้งถึงค่อนข้างสำคัญ ในช่วงนั้นในพื้นที่คือห้ามเกิน 500 คน ( ซึ่งเฉพาะแขกผู้ใหญ่ ญาติพี่น้อง ก็เกินแล้ว )
งานหมั้นเป็นทางฝ่ายเจ้าสาวจัดการดูแลและจัดเตรียมซึ่งก็จัดที่บ้านฝั่งเจ้าสาว งานแต่งเป็นทางเจ้าบ่าวซึ่งได้คุณแม่และพี่สาวเป็นแม่งาน ส่วนเราเจ้าบ่าวเองนั้น ขออาสาจัด after ครับ
ด้วยความที่เป็นคนชอบ after party ไปงานแต่งคราใดก็จะอยู่ after ตลอด ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันเลยครับว่าถ้ามีงานแต่งบ้าง ขอเถอะว่ายังไงก็ให้มี after ตอนแรกก็กังวลๆช่วงโควิดด้วย จะได้จัดมั้ย ผู้ใหญ่จะให้มั้ย แต่สุดท้ายคงไม่ได้มาเป็นบันทึกนี้ ถ้าไม่ได้จัด
after ของเรานั้น จากนี้จะขอเขียนเป็นข้อๆครับ เผื่อแชร์ ไอเดีย และความโชคดีกับจังหวะที่เกิด
1.ด้วยความที่งานแต่ง มีหลายช่วง ทำให้เราแบ่งแขกได้ชัดเจน คือหมั้นก็เป็นทางแขกเจ้าสาว แต่งเช้าบ่ายก็เป็นแขกผู้ใหญ่ทางแม่ และแน่นอนครับเพื่อนๆ วัยรุ่นทั้งหมดเราเอามาไว้งาน after หมดเลย ดังนั้นในงาน จะมีแต่เพื่อนๆพี่ๆคนรู้จัก โทรชวนเองแทบทั้งหมด เพื่อเช็คจำนวนคนที่แน่นอน และสอบถามเรื่องฉีดวัคซีนไปด้วยเลย สรุปได้ร่วมๆ 100 คน
2.ตอนแรกกะไม่มีตีมอยากสบายๆ บอกแต่สี แต่ด้วยความที่ไม่เคลียร์ว่ามันคือทางการมั้ย เพราะบางคนก็บอกงั้นกุขาสั้นมาเลยนะเหมือนชุดนอน บางคนส่งมาเป็นชุดเอิร์ธโทนราตรียาว สุดท้ายเลย คิดเร็วๆบอกไปมั่วๆ โบฮีเมียน ซึ่งส่วนตัวก็ยังต้องมาเซิดอยู่เลยว่ามันคือตีมอะไรวะ แต่สุดท้ายได้รับความร่วมมือเกินคาด แต่งนิดแต่งหน่อยมากันทุกคน
3.แขกเริ่มสับสนครับ เพราะวันเวลามันชนๆ บางคนก็เชิญทั้งพ่อแม่(งานเช้า) ลูก (งานเย็น) สุดท้ายเลยได้เป็นการ์ดแจกแยกชัดเจนทุกคน โดย อันนี้อยากแชร์ครับเพราะรู้สึกสนุกดีด้วย คือการพิมพ์ซองตามแต่ที่เราคิดและสื่อเรียกถึงคนนั้นๆ ไม่เอาแบบชื่อจริง ร้านค้า เพราะสุดท้ายแกะซองก็ไม่รู้ว่าใครอีกอยู่ดี เลยเป็น จ่าหน้าซอง ชื่อเล่น ตามด้วย ฉายา หรือที่เราคิดว่าเป็นคำโปรยที่เหมาะกับคนนั้นๆ ยอมรับว่าหลังๆก็ตันๆครับหมดมุก
4.อ้อถึงขึ้นว่า after แต่ด้วยความที่ พิธีหลักๆจัดเสร็จไปช่วงเช้าหมดแล้ว ดังนั้นปกติงานอื่น after เริ่มสามทุ่ม กว่าบ่าวสาวเข้าสี่ทุ่มอีก แถมช่วงนั้นกำหนดเวลาจัดงาน พิธีตามฤกษ์ ก็ไม่เกินหกทุ่ม เราเลยล่อลงเวลาเริ่มกันตั้งแต่ หกโมงเย็น เลยครับ ยาวๆ 6 ชม ไปเลย บ่าวสาวยืนถ่ายรูปกับเพื่อนๆ หกครึ่ง ทุ่มนึงลุย
5.เรากำหนดเวลาได้ค่อนข้างสบายเพราะเราจัดที่บ้านครับ และก็ใช้เวทีเครื่องเสียงไฟ ต่อจากงานแต่งเลยไหนๆเช่ามาแล้ว ที่จอดรถก็พอเพียงเพราะแขกไม่ชนกันด้วย
6.วงดนตรีก็เอา 3 ชม แบ่งเป็น 2 ช่วง บวกกับกิจกรรม ก็อัดแน่นพอดี โดยวงนี่ก็ขอให้เค้าช่วยส่ง list เพลงมาก่อน และเราก็เลือกตัดเพลงที่ไม่รู้จักออก เอามานั่งอ่านทีละเพลง เพลงไหนไม่รู้จักลองเซิดฟังเผื่อคุ้น และเลือกเพลงที่ตัวเองชอบใส่เข้าไป เพราะเป็นคนชอบร้องเพลง อย่างน้อยใครไม่สนุก เราสนุกก็โอเค ไม่ได้เอาวงดังๆ ศิลปินมีชื่อมาเล่นครับ หนึ่งแหละเสียดายงบอยากเอาไปลงเครื่องดื่ม สองคือคนจะไปสนใจศิลปินหมด ไม่สนใจบ่าวสาว แถมตัวเองจะได้ร้องเยอะๆด้วย นี่ก็บอกทีมเครื่องเสียง ว่า ขอ ไมค์ไว้ 5 6 ตัว เพราะ เพื่อนก็ชอบร้องเพลงกัน จะได้ไม่ต้องแย่งกัน เพราะเราจองแน่ๆละหนึ่ง
7.พอดีที่บ้านเป็นเอเย่นต์เบียร์ครับ ดังนั้นสิ่งมึนเมาเราจะไม่ให้ขาด มีอะไรเอาออกมาให้ลอง ให้ชิม จัดตั้งแต่ เบียร์สดสิง เสริมลีโอ โชจู ฟูลมูน เหล้าบ๊วย เหล้าญี่ปุ่น ไวน์ บลาๆ ถือว่าเปิดตัวสินค้าไปด้วยเลย จบงานถึงเพิ่งรู้ว่ามีเสีย 0 ไปหลายคน เพราะกินผสมกัน แต่จบงานทุกคนปลอดภัยถึงบ้านครับ ถึงบางคนจะวาร์ปไป
8.อาหารครับเราเตรียมแบบหนักท้องไว้ซัก 2 3 ซุ้มที่เหลือ คือคิดมาตลอดว่า after อยากได้กับแกล้มอื่นนอกจากถั่วหรือข้าวเกียบบ้าง เลยแบ่งงบไปซื้อพวกขนมถุง เลย์ เทสโต โก๋แก่ คอนเน่ ลูกอม มาเป็นซุ้มนึง และอีกซุ้มก็กาน้ำร้อนใหญ่ๆ กับมาม่าคัพ ตั้งเป็นภูเขาเพราะ จะได้ไม่ต้องไปหาร้านข้าวต้มด้านนอก จะต้มกินหรือพกกลับบ้านก็เชิญสะดวก
9.ในงานไม่มีเก้าอี้ครับ อันนั้นไว้สำหรับคนพ่ายแพ้เท่านั้น เนื่องด้วยที่บ้านมีพวกเคาเตอร์เวลาออกงานคอนเสิร์ตไว้บ้าง เลยเอามาตั้งเป็นจุดๆ ไว้เพียงวางเครื่องดื่ม บังคับแขกยืน แต่ถ้าไม่ไหวก็นู่นเก้าอี้ไปลากมากางนั่งเอาเอง โดยหนึ่งในการเลือกแขกมา ก็จะพยายามชวนมาเป็นกลุ่มๆด้วยเพราะกะว่าถ้าเราเทคแคร์เค้าไม่ดี เค้าก็จะมีเพื่อนมาในงาน คือ งานสังสรรค์ส่วนที่ทำให้คนเราสนุกได้มากที่สุดก็น่าจะเป็นการที่ได้เจอเพื่อนๆ คนรู้จักแล้วสนุกไปด้วยกันนี่ล่ะครับ ทำให้ก็จะยืนเป็นกลุ่มๆ โต๊ะไหนรู้จักกันก็ลากเอาไปชิดขยายวงไปได้เรื่อยๆ
10.ยังไงภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ บรรยากาศในงาน ก็เลยจ้างช่างกล้องเอาแบบไม่แพงมากครับ คนหนึ่งให้ตามบ่าวสาว อีกคนเอาบรรยากาศงาน คือทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้อัพลงทั้งหมดครับ จบงานภาพร่วมๆ หกพันรูป ได้พี่ที่รู้จักถนัดถ่ายงานตามผับ และน้องนักศึกษาที่รักการถ่ายรูปรับงานเป็นงานอดิเรก ซึ่งถือว่าคุ้มค่าและพอใจมากครับ
ความรู้สึกหลังจบงาน คือ ชอบ AFTER ตัวเองมากครับเพราะสิ่งสำคัญเลย คือ เราก็ไม่เคยฉลอง หรือสนุกกับเพื่อน กับญาติ พี่ๆน้องๆที่เรารู้จักมากพร้อมๆกันถึงขนาดนี้ แถมยังยาวพอดีๆด้วย เดินไปไหนก็ชนได้ทุกโต๊ะ มีทั้งเพื่อนเรา เพื่อนเจ้าสาว มันรู้สึกอบอุ่นมากและสนุกด้วย ไม่มีความกังวลใจอะไร เราสนุกและเห็นทุกคนสนุกมีความสุข ก็ยิ่งดีใจ อ้อ คุณพ่อคุณแม่ก็มีเดินมาร่วมในงานนะครับ ก่อนจะปลีกตัวเข้าบ้านไปนอน ส่วนเพื่อนๆส่วนใหญ่ก็อยู่กันจนจบงานเลิกครับ ก็มีแอบลุ้นๆแหละ ถึงจะฉีดวัคซีนกันมาหมด แต่ก็ลุ้นอยู่ พ้น 14 วันไม่มีใครเป็นอะไรก็โล่งใจ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in