เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Life from EarthMidnightMessageBox
ภาพขาวดำ
  • ภาพขาวดำ

    ที่ใครหลายคน อาจมองว่า ช่างเป็นอะไรที่ไม่มีสีสัน และไร้ซึ่งชีวิต-ชีวา เอาเสียเลย


    ความเศร้าหมอง 

    ในมุมมองทางความรู้สึก

     

    ที่ภาพเหล่านี้ ดันมีเฉดสีไม่มากมายเท่ากับที่ หลายคนคาดหวังกับรูปใบหนึ่งของมัน 


    แถมสีสันของภาพสีทั้งหลาย ก็ช่างเป็นอะไรที่สดใส ,ฉูดฉาด แล้วให้ชีวิตชีวากับคุณได้


    นั่นทำให้ภาพขาวดำ นั้นถูกลดทอนคุณค่าลงอย่างไม่น่าเชื่อ จนบางคนอาจให้ค่ามัน เฉพาะเมื่อตอนเกิดความสูญเสีย ได้ย่างกราย มาทักทายใครซักคน ในผู้คน ที่คุณ รู้จัก


    .


    แต่เชื่ออะไรไหม หลายคน ก็อาจไม่ได้คิดอย่างงั้น

    ผมเองก็เช่นกัน ซึ่งมีมุมมอง กับภาพขาวดำ ในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่อยากจะมาแชร์ให้ฟังเหมือนกัน


    แล้วนั่นมันเพราะอะไรกัน เพราะหากว่าคุณสามารถใส่สีสันในนั้น มากกว่าภาพที่มีสีสัน


    ใช่เหรือไม่


    เราสามารถจินตนาการ สีสันในรูปภาพขาวดำ ได้มากมาย ตามแต่ที่ใจคุณปรารถนาเลย


    ใช่หรือเปล่า


    .


    บางครั้ง การที่เราเสพภาพสี มากเกินไป

    ก็อาจทำให้เราเสพภาพเหล่านั้น ได้ไม่กี่มุมมองก็เป็นได้ 

    ถึงแม้ว่า คุณจะได้วิเคราะห์เฉดสี ที่ประกอบกัน ความหมายของสีสันที่ถูกเลือกใช้ 


    ประเด็นก็คือจินตนาการ

    ที่คุณอยากใส่เข้าไปกับการเสพภาพ อาจไม่กว้างขวางพอ เท่าที่คุณต้องการ


    หากเราลองเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสี ขาวดำดูล่ะ

    “วิจารณญาณ” ที่แฝงไปด้วยอารมณ์ และความรู้สึก ซึ่งมันจะเกิดขึ้นได้ จากจินตนาการ ที่ไม่ถูกปิดกั้น จากกรอบของสีสัน ที่ได้ถูกล้อมเอาไว้ด้วยเฉดสีซึ่งปรากฏอยู่ในภาพ


    อาจพวยพุ่ง ออกมา อย่างมากมาย มากกว่าที่คุณนั้น คาดคิดเสียอีก


    .


    นี่เลยๆ เพื่อนมนุษย์เอ๋ย 

    ผมจะลองยกตัวอย่างสั้นๆ ให้ฟัง ในแต่ละเรื่องราวที่หยิบยกขึ้นมา แต่ผมจะไม่บอกหรอกนะว่ามาผมใส่สีสันลงไปในเรื่องราวเหล่านี้ยังไงบ้าง






    อดีตเมื่อครั้งวันวาน

    เมื่อวันจบการศึกษามาถึง หลายคนที่เคยเกลียดขี้หน้า กันมาเนิ่นนาน ก็ปรับความเข้าใจกันในวันนี้ ส่วนใครหลายคน ที่ยังรักกัน มันก็ดันยิ่งแน่นแฟ้นกว่าเก่า ในวันนี้อีกเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งอาจทำให้เราทุกคน ต่างไม่ได้เจอหน้ากัน เหมือนแต่ก่อน ในทุกเช้า ของแต่ละวัน ที่เราจะวางกระเป๋า แล้วโดดชั่วโมงเข้าแถว เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่ประจำ ก่อนที่เราจะต่างแยกย้ายไปเรียนตามสายต่างๆ กับอนาคต ซึ่งแต่ละคนก็ได้วาดฝันไว้ ในรูปแบบที่แตกต่างกัน






    ในยุคสมัยปัจจุบัน 

    ที่เราต่างก็ แยกย้ายกันไป มันแทบไม่มีครั้งไหนเลย กว่าเราจะได้ พบหน้ากัน อย่างครบองค์ประชุมเสียที ยิ่งในยุคที่ “เชื้อร้าย”ยังคงก่อกวนชีวิตคนเราอย่างเต็มที่ มาเป็นปี เมื่อการได้กลับพบเจอเสียที ก็ช่างเป็นช่วงเวลาอันทรงคุณค่า อย่างหาที่สุดไม่ได้ ในบรรยากาศที่ตลบอบอวลไปด้วย ความคิดถึง ที่พึงปรารถนา





    ทริปขึ้นเขา

    ซึ่งเกิดขึ้นจากเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่ตั้งใจจะขึ้นไปพิชิตมันอยู่แล้ว แต่กับผม กับหญิงสาวคนหนึ่ง กลับไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่หลังจากการพบปะสังสรรค์ และร่วมพูดคุยกัน คำเชิญชวนจึงถือกำเนิดขึ้นมา แต่ถามว่าในคำเชิญนี้มีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น ก็คือไม่มีอะไรทั้งนั้น นอกจากการร่วมออกเดินทางไปด้วยกัน ให้มิตรภาพที่มีต่อกัน มันแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น แต่กลับกัน หญิงสาวที่ได้รับคำเชิญร่วมกัน กลับมีแววตาอันเปล่งประกาย ด้วยความฝัน ,ความหวัง ที่จะได้พิชิตดอยแห่งนี้ ที่เธอยังคง ทดมันไว้ในใจกับดอยที่ยังไม่มีโอกาศได้ไป ถามว่าสุดท้ายเป็นยังไง


    (เธอทำได้แล้วครับ)






    การพบปะของรุ่นพี่ 

    อันเป็นที่เคารพรัก เมื่อสิ้นปี ซึ่งในใจของเขา อันเต็มเปี่ยมไปด้วยการรอคอย ที่จะได้ปลดประจำการ จากวงการ ที่เขาจำเป็นต้องก้าวเข้าไป  ซึ่งอีกไม่กี่วันนี้แล้ว เสรีภาพในการทำความความฝัน จะกลับมาอีกครั้ง อีกเพียงแค่ 5 วัน (25 กุมภาพันธ์ 2021) กับการเฝ้ารอในอีก ไม่กี่วัน “เท่านั้น”






    ปีใหม่ที่ผ่านมา

    ผมกับเธอ(ผู้พิชิตยอดดอย) 

    เราต่างรู้สึกได้ว่าค่ำคืนนี้ ต้องเป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมกว่าค่ำคืนไหน 2020 (เธอมันร้ายเกินไป) เราต่างก็เผชิญอะไรมาด้วยกันมากมาย ในปีร้ายๆที่ผ่านมา มันจึงไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะไม่ทำให้ค่ำคืนนี้ มันยอดเยื่ยมในเทศกาล กับเหตุการณ์ต่างๆ เสียงหัวเราะ ในบทสนทนา ,บทเพลง jazz อันลื่นหู ผนวกความเครื่องดื่มเย็น ที่ช่วยสร้างอารมณ์อันเร่าร้อนได้อีกขั้น ให้กับเราทั้งสอง






    พิธีรับปริญญา

    ที่ผมเองไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ แต่ถามว่าภาพนี้ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเกิดจากความคิดสุดท้าย ก่อนที่จะตัดสินไม่เข้าร่วมงานนี้ เพราะผมก็ย้อนนึกอีกที ว่าใครบางคนที่เคี่ยวเข็ญ และดูแลช่วยเหลือเรา มาตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก แม้ว่าผมเองจะแสดงจุดยืนไปก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งพวกเขาก็เข้าใจ แต่สุดท้ายแล้วมันยังไง คนที่เลี้ยงเรามา มันจะไม่อยากเห็นภาพเหมือนในรูปนี้เลยหรือ? แถมรอยยิ้ม ที่พวกคุณเห็นในรูปนี้ มันก็คือรอยยิ้ม ที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้ว แบบพร้อมหน้าพร้อมตา “ร่วมกัน” แบบนี้ มานานกี่ปีแล้ว ผมเอง ก็ยังจำไม่ได้เลย สารภาพจากใจของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง



    เป็นไงเพื่อนเอ๋ย

    เมื่อลองอ่านแล้ว คุณมีจินตนาการกับเรื่องราวเหล่านี้ เป็นยังไงกันบ้าง


    ในท้ายที่สุดแล้วนั้น

    ผมเองไม่ว่ารูปภาพขาวดำ อะไรก็ตาม ที่คุณนั้นกำลังมองมันอยู่ คุณจินตนาการ สีสันของมัน เอาไว้ เป็นอย่างไร?


    เรามาลองเติมเต็มสีสันให้แก่ภาพขาวดำ ไปด้วยกัน


    ด้วยความปรารถนาดี 

    (ที่อยากให้คุณเปิดกว้าง มากกว่าสิ่งที่เห็น หรือเผชิญกับมันอยู่)


    จาก เพื่อนมนุษย์ท่านหนึ่ง

    ถึง เพื่อนมนุษย์ท่านอื่น


    From

    MidnightMessageBox 



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in