เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
my writings.anonym.
[SF] Come Rain or Shine
  •  

    Pairing: Hwang Minhyun x Kim Jonghyun

    Rating: General Audiences





    I

     

    ดวงตาสีอ่อนจ้องมองเม็ดฝนที่เกาะพราวตามกระจกบานใสราวกับว่ามันน่าสนใจเสียเต็มประดา ปลายนิ้วขยับเคลื่อนตามหยดน้ำหยดแล้วหยดเล่า ริมฝีปากฮัมเพลงโปรดอย่างแผ่วเบาขณะมองภาพตรงหน้า คนที่เป็นเพื่อนสนิทเห็นเช่นนั้น จึงกระแอมไอพยายามเรียกความสนใจจากอีกฝ่าย แต่พอเห็นว่าวิธีแรกใช้ไม่ได้ผล เขายื่นมือไปตบบนหัวคนตรงหน้าเบา ๆ ครั้งนี้ได้ผล ดวงตาเรียวเล็กแต่กลมแป๋วของเพื่อนร่างสูงหันมามองเขาตรง ๆ

     

    ชายหนุ่มชี้เอสเพรสโซ่ร้อนและสตรอว์เบอร์รีช็อตเค้กที่อีกคนซึ่งนั่งข้าง ๆ กันสั่งไว้ ก่อนที่จะก้มลงจัดการเค้กช็อกโกแลตของตนอย่างเงียบ ๆ รสขมปนหวานของมันทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวจากภาระหนักสมองละลายไปช้า ๆ เช่นเดียวกับช็อกโกแลตไอซ์ที่ละลายจนสีน้ำตาลอ่อนของมันกลืนเข้ากับสีขาวสะอาดของนม

     

    เค้กช็อกโกแลตก็หมดแล้ว แต่เพื่อนสนิทของเขายังคงเหม่อมองไปนอกหน้าต่างของร้านเหมือนเดิม กาแฟร้อนพร่องไปเพียงเล็กน้อย ส่วนสตรอว์เบอร์รีช็อตเค้กมีรอยแหว่งแค่รอยเดียว

     

    จงฮยอนถอนหายใจและหยิบเครื่องเล่น Nintendo Switch ในกระเป๋าเป้ขึ้นมา

     

    เสียงส้อมกระทบจานและเสียงเคี้ยวดังลั่น

     

    ไม่ทันจะกดเข้าเกมที่เล่นค้างไว้ ท่าทางเหม่อลอยเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นตั้งอกตั้งใจละเลียดเค้ก พลางจิบกาแฟอย่างลนลาน ไม่นานนักเสียงกระดิ่งตรงประตูของคาเฟ่เล็ก ๆ แห่งนี้ก็ดังขึ้น มาแล้วไง สาเหตุที่ทำให้เขาเสียเงินและเสียเวลากับคาเฟ่แห่งนี้มาเกือบอาทิตย์

     

    คนที่เพื่อนตัวโตของเขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น

     

    ชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งเดินเข้ามา แม้จะสูงน้อยกว่าเพื่อนของเขาเล็กน้อย แต่ความอบอุ่นและดูเป็นผู้ใหญ่ได้แผ่ออกมาจากชายคนนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กน้อยอย่างเพื่อนของเขาถึงประทับใจมากมายขนาดนั้น ดูอย่างตอนนี้สิ ดวงตาใสยังคงไม่ละสายตาจากคนที่ตนเฝ้ารอมาเกือบชั่วโมงซึ่งกำลังก้าวขาไปยังโต๊ะยาวที่วางแนวเดียวกับกระจกของร้าน ที่ประจำของฝ่ายนั้น

     

    คุณประธานบริษัท... เพื่อนของเขาให้สมญากับชายหนุ่มที่กำลังกางหนังสือพิมพ์อ่าน พลางจิบกาแฟที่เพิ่งมาเสิร์ฟอย่างใจเย็น เช่นนั้น

     

    จงฮยอนมองเพื่อนสนิทที่หันหน้าหันข้างไปมาระหว่างช็อตเค้กในจานกับคุณประธานบริษัทของตน วนลูปน่ารำคาญแบบนี้หลายสิบครั้งเห็นจะได้ เจ้าของร่างเล็กขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงไปเล่นเกมต่อ

     

    จงฮยอนอา...พอเห็นสายตาเว้าวอนคล้ายลูกหมาตัวน้อยที่ชอบส่งเสียงครางหงิง ๆ เวลาหิวข้าว ก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร

     

    ไปสิ ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้หรอกนะเอ่ยเสียงเบากระตุ้นเฉกเช่นทุกครั้ง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าจนผมปลิว เขาจึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะสนใจแต่เครื่องเล่นในมือเท่านั้น

     

    เสียงฝนกระทบพื้นถนนเร่งจังหวะขึ้น คล้ายกับเทวดาปรารถนาจะกลั่นแกล้งคนที่เดินผ่านไปมาให้เปียกปอน คนที่เพิ่งเข้ามาในร่างในช่วงนี้แทบทุกคนต่างพากันบ่นฟ้าบ่นฝน แต่ไม่มีคนไหนจะเรียกความสนใจจากเขาและเพื่อนสนิทได้เท่าชายหนุ่มตัวสูงที่เพิ่งเดินเข้ามา เพราะคน ๆ นี้กำลังเดินตรงไปยังที่ที่คุณประธานบริษัทนั่งอยู่

     

    คุณชาย... เป็นชื่อที่จงฮยอนคิดได้แทบจะทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มซึ่งประโคมแบรนด์เนมมาทั้งตัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฝ่ายนั้นมีรสนิยมในการแต่งตัวค่อนข้างดี ดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่นอาจเป็นเพราะไม้แขวนดีด้วยกระมัง

     

    หืม?

     

    รู้สึกตัวว่าให้ความสนใจกับผู้มาใหม่มากเกินไป จึงหันกลับมามองเพื่อนสนิทของตนที่ตอนนี้จ้องเขม็งไปยังสองคนนั้นอย่างเปิดเผย ดวงหน้าขาวเขียนคำว่าไม่พอใจไว้อย่างเห็นได้ชัด

     

    ไม่ต้องมาหัวเราะเราเลยนะ จงฮยอน

     

    คนตัวเล็กกว่ายังคงหัวเราะกับท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของคนที่กระฟัดกระเฟียดใส่เขาตอนนี้ โดยไม่รู้ตัว ดวงตากลมโตได้แอบเหลือบมองไปทางโต๊ะของคุณชายอีกหลาย ๆ ครั้งหลังจากนั้น

     

    .

    .

    .

     

    II

     

    คนตัวเล็กกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ที่นั่งประจำของเขาถูกกลุ่มเด็กมหาลัยวัยใสจับจองไปเสียแล้ว เขาถอนหายใจพลางถอดเสื้อกันฝนสีเหลืองสดออกจากตัว ตามด้วยหมวกแก๊ปสีดำใบโปรด นัยน์ตาสีเข้มมองหาที่นั่งรอเพื่อนตัวสูงซึ่งคาดว่าน่าจะทำคลอดแมวอยู่เป็นแน่ เพราะตั้งแต่คบกันมาเป็นเวลาเกือบสิบปี น้อยครั้งนักที่คนอย่างคิมจงฮยอนจะมาก่อน เว้นเสียแต่อีกฝ่ายมีธุระแทรกเข้ามาจริง ๆ

     

    หลังจากสั่งขนมและเครื่องดื่มแล้ว ชายหนุ่มร่างเล็กเดินมานั่งตรงโต๊ะยาวติดหน้าต่าง ที่ประจำของคุณประธานบริษัทอะไรนั่น อย่างเลี่ยงไม่ได้ แถมที่นั่งที่เหลือก็มีแค่ตรงกลางสามที่ เขาจึงเลือกตรงกลาง และวางกระเป๋าจองไว้ให้เพื่อนของตนอีกที่หนึ่ง

     

    ภายนอกร้านฝนยังคงกระหน่ำตกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลด เขาจิบช็อกโกแลตร้อน ก่อนจะใช้ช้อนตักมาร์ชเมลโล่ขนาดจิ๋วที่ลอยหน้าอยู่เข้าปากอย่างไม่รีบร้อน มืออีกข้างขยับจดพล็อตนิยายที่คิดได้ แต่การทำงานของคนรักอิสระมีช่วงเวลาจริงจังค่อนข้างสั้น ไม่นานนักก็ผละจากปากกาและสมุดโน้ตเล่มเล็ก เปลี่ยนมาเล่นเกมแทน

     

    ขอโทษนะครับ ตรงนี้มีคนนั่งไหม?เสียงทุ้มฟังดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไรดังขึ้นเหนือหัว เรียกให้คนที่กำลังเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่เงยหน้าขึ้นมอง

     

    อา คุณชายนี่เอง  

     

    ตามสบาย...ตอบห้วน ๆ ตามนิสัย แล้วหันกลับมาสนใจกับหน้าจอเครื่องเล่น NS ต่อ เขาได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยขอบคุณและเลื่อนเก้าอี้ ไม่มีบทสนทนาใด ๆ แทรกการขับกล่อมของเพลงแจ๊สทำนองช้าซึ่งถูกเปิดคลอสร้างบรรยากาศยามฝนพรำให้มีโทนที่อบอุ่นขึ้น ท้องฟ้าสีเทาหม่นค่อย ๆ เข้มขึ้นตามช่วงเวลาที่ผ่านไป

     

    และนั่นทำให้คิ้วหนาของคนที่รอมาเกือบชั่วโมงมุ่นเข้าหากัน

     

    มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หวังจะเจอข้อความจากเพื่อนสนิทตัวดีบ้าง แต่กลับไม่มี

     

    เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้น ทำให้จงฮยอนที่เริ่มหงุดหงิดบ้างแล้วรีบหันหลังไปมอง ตกใจไม่น้อยที่ชายซึ่งนั่งข้างเขามาตลอดก็หันไปทางเดียวเช่นกัน เขาหันขวา ส่วนอีกฝ่ายหันซ้าย เลยทำให้เขาทั้งสองหันหน้าประจันกันครู่หนึ่ง

     

    และก็พบว่าคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านนั้น ไม่ใช่คนรู้จักของตน

     

    หัวใจที่เต้นแรงพอ ๆ กับสายฝนในตอนนี้กำลังมีอิทธิพลกับคิมจงฮยอนอย่างบอกไม่ถูก เกือบลืมไปเสียสิ้นว่าหงุดหงิดเพื่อนสนิทของตนอยู่ แต่ก็แค่เกือบ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าของร่างสูงโปร่งที่เขารอคอยมานานแสนนาน ได้โผล่เข้ามาในร้านด้วยชุดกาวน์ที่มีคาบเลือดติดอยู่นิดหน่อย ทุกอิริยาบถที่ย่างก้าวมายังเขา บอกทุกอย่างว่าอีกฝ่ายรีบลนขนาดไหน ปากเล็ก ๆ เอ่ยขอโทษขอโพยตั้งแต่ประตูร้านจนถึงที่นั่ง บอกว่ามีเคสทำคลอดคุณฮินะ (แมว) เข้ามาตอนที่ใกล้จะหมดกะ

     

    เพื่อนร่างสูงถอดเสื้อกาวน์ออกอย่างทุลักทุเล นั่งบ่นกระปอดกระแปดตามนิสัยของเจ้าตัวว่า ข้าวของในกระเป๋าเปียกปอนไปเกือบหมด ไม่เว้นแต่โทรศัพท์มือถือและสมุดเลคเชอร์สมัยเรียน ชายหนุ่มร่างเล็กยิ้มอ่อน อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนของเขาใช้ชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรกัน

     

    เสียงหัวเราะของใครบางคนเรียกความสนใจจากคนช่างสังเกตอย่างเขา

     

    คุณประธานบริษัทที่มาก่อนหน้าเพื่อนของเขาไม่เท่าไร นั่งหัวเราะขณะที่หันหน้ามาทางพวกเขา นั่นทำให้สัตวแพทย์หนุ่มได้สติว่า ตนกำลังนั่งแถวเดียวกับคนที่ตนชอบ ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงจัดจนน่าขัน เสียงบ่นหงุงหงิงเมื่อครู่ลดระดับเสียงลงจนกลายเป็นเงียบกริบ

     

    เขาเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งเล่นเกมเงียบ ๆ ไป

     









    ผมจะกลับแล้วนะครับ

     



    หืม?


    คิ้วหนาเลิกขึ้นขณะเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มที่ดูเป็นมิตรกว่าครั้งแรก ใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายคลี่ยิ้มบางจนดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นยิบหยี ถัดจากร่างสูงของคนที่นั่งข้างเขามาเป็นชั่วโมง คุณประธานบริษัทเองก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน

     

    ขอบคุณสำหรับที่นั่งนะครับ

     

    ไม่รู้ว่าเขาตอบอีกฝ่ายกลับไปว่าอย่างไร หรือเพื่อนตัวดีพยายามเขย่าร่างของเขาจนหัวสั่นหัวคลอนถึงเพียงไหน ในหัวของนักเขียนหนุ่มที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลสดใหม่ สั่งให้เขารีบหยิบปากกาและจดสิ่งที่ตนคิดลงในสมุดโน้ตเล่มเล็กอย่างรวดเร็ว

     

    .

    .

    .

     

    III

     

    ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตนักเขียนก็คือ หนึ่งอาทิตย์ก่อนถึงกำหนดส่งต้นฉบับ

     

    หลังจากที่บรรณาธิการของเขากลับไป จงฮยอนที่หมกตัวปั่นต้นฉบับอยู่ในอพาร์ทเมนท์มาเกือบอาทิตย์เต็มก็นอนแผ่หลาบนเตียงกว้าง อันที่จริงเขาแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงเดินเหินไปไหนแล้ว แต่เพราะกระเพาะเรียกร้อง บวกกับไม่เหลืออะไรเหลือในตู้เย็นเลย ชายหนุ่มจึงต้องคว้าเสื้อกันฝนตัวโปรดและกางร่มที่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรออกมาเพื่อไปหาของกิน

     

    ด้วยเพราะเขาเป็นคนรักสันโดษ มีโลกส่วนตัวสูงมาก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ช่วงเวลาค่ำ ๆ เช่นนี้คนอย่างเขาจะออกมากินข้าวนอกบ้าน ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบายเข้าว่า เขาแวะหาอาหารกล่องสำเร็จรูปในร้านสะดวกซื้อ หยิบเบียร์สามกระป๋อง ลูกอมหนึ่งแพ็คใหญ่ ระหว่างนั้นสายตาดันไปหยุดตรงคาเฟ่ที่ตนเข้าออกทุกวันหลังจากเพื่อนสนิทของเขาตกหลุมรักคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้เข้า... 

     

    สองนาทีต่อมา เท้าทั้งสองของคนตัวเล็กได้ย่ำมาหยุดตรงหน้าคาเฟ่แห่งนั้นเข้าจริงๆ รีบตรงดิ่งไปที่ตู้กระจกซึ่งละลานตาไปด้วยเค้กและขนมหวานหลากชนิด นิ้วป้อมจิ้มเลือกเค้กดาร์กช็อกโกแลตและคอฟฟี่บาร์ ขณะรอพนักงานเเพ็คขนมใส่กล่องให้ เลยถือโอกาสนี้กวาดมองไปรอบ ๆ ร้าน คนก็ยังเยอะเหมือนเดิมเพราะฝนที่กำลังโปรยปรายอยู่ด้านนอก


    ก่อนจะหยุดสายตาที่โต๊ะยาวตรงนั้นอย่างลืมตัว

     

    สวัสดีค่ะ คุณมินฮยอน รับไอซ์คอฟฟี่เหมือนเดิมใช่ไหมคะ?เสียงหวานเจี๊ยบไม่แพ้ขนมหวานในร้านดังขึ้นพร้อม ๆ กับร่างของใครบางคนเดินมายืนเลือกขนมข้าง ๆ เขา

     

    เอาเอสเพรสโซร้อนดีกว่าครับเสียงที่ตอบกลับทำให้คนที่มองเหม่ออยู่ รีบหันไปมองชายที่ยืนดูขนมข้าง ๆ ตนทันที

     

    แล้วก็เป็นอย่างที่คิด

     

    สวัสดีครับ

     

    คุณชาย is here.

     

    สวัสดีครับเขามองชายหนุ่มร่างสูงที่อมยิ้มอย่างไม่เข้าใจ คำว่า สวัสดีครับของเขามีอะไรตลกงั้นเหรออยากจะลองถามเหมือนกัน แต่ติดตรงเขาไม่ได้สนิทกับคุณชายถึงขนาดนั้น และดูเหมือนว่าท่าทางที่เขาแสดงออกไปจะชัดเจน คุณชายดูหน้าเสียเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจกับเลือกขนมหวานแทน

     





    ให้ตายสิ ทำไมเขาต้องมายืนดูผู้ชายด้วยกันเลือกขนมด้วยเนี่ย?!

     

    แต่ก็นะ...


    ไม่คิดว่า ผู้ชายที่ให้ความรู้สึกจริงจังเหมือนสายกีต้าร์ตึงๆ อย่างคุณชาย จะมีมุมเอานิ้วชี้จิ้มจึก ๆ เลือกขนมแบบนี้ด้วย

     

    น่าสนใจดีเหมือนกัน

     

     



    หืม?

     

    คุณเจคะ ขนมที่สั่งได้แล้วค่ะเสียงเรียกของพนักงานสาวปลุกชายหนุ่มร่างเล็กจากความคิดแปลก ๆ ดวงตากลมเบิกขึ้นเล็กน้อย ลนลานรีบคว้าถุงขนมจากหญิงสาวโดยไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้ตามมารยาท แน่นอนว่าต้องไม่ลืมพยักหน้าให้กับชายร่างสูงที่หันมามองเขาด้วยเช่นกัน

     

    แต่ขอบ่นหน่อยเถอะ

     

    ไอ้คำว่า น่ารักที่หลุดจากปากของคน ๆ นั้น กับความพยายามกลั้นเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ ภายในร้านที่ดังไล่หลังเขามา คืออะไรกัน?!

     

    เดินกางร่มออกมาจากร้านสักพักก็พอจะเข้าใจต้นเหตุของเสียงเหล่านั้น เมื่อเขาเห็นสารร่างของตัวเองเต็ม ๆ บนกระจกของร้านอาหารญี่ปุ่น

     

    จงฮยอนรีบดึงฮูดของเสื้อกันฝนสีสดออกจากหัวของเขาทันที

     

    .

    .

    .

     

    IV

     

    พระเอกคนนี้น่าสนใจนะบรรณาธิการเอ่ยพลางจิบชาเอิร์ลเกรย์ จะพูดว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากเลยก็ว่าได้ที่บรรณาธิการคนนี้จะเอ่ยชมตัวละครในนิยายเรื่องใหม่ของเขาในครั้งแรกที่อ่านสตอรี่บอร์ด ได้แรงบันดาลใจจากไหนมาล่ะ?

     

    ชายหนุ่มร่างเล็กยักไหล่ ขณะที่สายตาไม่ยอมละจากหน้าจอเครื่อง NS แม้แต่น้อย ด้วยเพราะรู้จักกันมานานตั้งแต่เขาเริ่มทำอาชีพนี้ ชายที่อายุมากพอจะเป็นน้องชายของพ่อจึงทำได้เพียงนั่งอ่านสตอรี่บอร์ดเงียบ ๆ ไป ไม่เซ้าซี้เอาคำตอบในเรื่องนี้อีก

     

    อันที่จริงแล้ว เวลาประมาณสิบโมงกว่า ๆ ของวันเช่นนี้ ปกติคือเวลานอนของเขา แต่เพราะเพิ่งเลิกกับแฟนสาวคนล่าสุดไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงบรรยากาศเดิม ๆ ในห้องได้แวบเข้ามาในหัว คิมจงฮยอนที่ประหยัดจนเกลือเรียกพี่ (เพื่อนคนหนึ่งบอกกับเขาแบบนั้น) เลยยอมควักเงินที่เก็บไว้นานแรมปีออกมาใช้กับการจ้างพนักงานทำความสะอาด รวมทั้งมัณฑนากรดี ๆ สักคนตามคำแนะนำของรุ่นพี่ที่สนิทสมัยอยู่ชมรมศิลปะของมหาวิทยาลัย

     

    เป็นจังหวะที่บรรณาธิการของเขาโทรมาทวงสตอรี่บอร์ดของนิยายเรื่องใหม่พอดี จึงนัดให้มาเจอกันที่คาเฟ่แห่งนี้ทั้งหมด โดยนัดบรรณาธิการไว้ตอนสิบโมงและนัดมัณฑนากรไว้ตอนสิบเอ็ดโมง

     

    แสงแดดอ่อนสาดลอดมู่ลี่สีครีมเข้ามาทำให้บรรยากาศภายในคาเฟ่แห่งนี้แปลกตาไปจากช่วงฤดูฝนไม่น้อย ความสงบเยือกเย็นแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นละมุนละไม... เขาเพิ่งมาสังเกตโทนสีที่ร้านนี้ใช้ ผนังถูกทาด้วยสีครีมเรียบ ๆ บางจุดก็โชว์ผิวปูนเปลือย จุดเด่นจริง ๆ ในความคิดของเขาคือกระจกบานใหญ่รอบ ๆ ร้าน มัณฑนากรคนนี้ฉลาดไม่น้อยที่ใช้บรรยากาศนอกร้านควบคุมโทนในร้าน ทำให้บรรยากาศของร้านเปลี่ยนแปลงไปในทุก ๆ วันโดยไม่ต้องเสียเงินเติมแต่งหลายรอบ

     

    ถ้าคนที่รุ่นพี่แนะนำไม่คิดราคาพิเศษ เขาคงจะลองถามจากเจ้าของคาเฟ่นี้ดูเป็นแน่

     

    คุณ... คิมจงฮยอนใช่ไหมครับ?


    เสียงทุ้มที่จำได้แม่นแม้ได้ยินเพียงสองครั้งดังขึ้น ชายหนุ่มร่างเล็กที่กำลังสู้กับบอสอยู่ละความสนใจจากเกมในมือแทบจะทันที ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างไม่ใช่เพราะเสียงดนตรีที่บ่งบอกว่าเขาถูกบอสที่พยายามสู้มาเกือบครึ่งชั่วโมงฆ่าตาย แต่เป็นเพราะคนที่เอ่ยชื่อของเขาออกมา มัณฑนากรที่รุ่นพี่ของเขาแนะนำมาให้...

     

    ฮวัง... มินฮยอน?

     

    ใช่ครับชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะ แววตาที่อีกฝ่ายใช้มองเขาไม่ต่างกับสายตาของผู้ใหญ่ยามมองเด็กพูดอ้อแอ้ไม่ได้ศัพท์ เรียกแค่มินฮยอนก็ได้ครับ เราจะได้สนิทกันเร็ว ๆ

     

    จงฮยอนมองคนทรุดนั่งตรงข้ามเขาอย่างไม่เชื่อสายตา วันนี้คนตัวสูงอยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็คสีเทาพอดีตัว แว่นกันแดดยี่ห้อดังเหน็บตรงคอเสื้อ...

     

    เดี๋ยวนะ

     

    แล้วเขาจะสนใจการแต่งตัวของอีกฝ่ายทำไม

     



    แล้ว... เจ ไม่ใช่สิ จงฮยอนอยากได้บรรยากาศแบบไหนล่ะ?

     

    หืม?

     

    ลูกค้าหมาด ๆ พยายามไม่สนใจกับประโยคคำถามที่ดูจะแปร่งๆ เมื่อครู่นี้ พยายามเบนความสนใจทั้งหมดไปที่หน้ากระดาษซึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียดบรรยากาศที่เขาชอบ มีทั้งที่ถูกขีดฆ่าและเน้นด้วยไฮไลท์สีเหลืองพาสเทล งั้น... ผมบอกรวม ๆ ก่อนก็แล้วกัน รายละเอียดค่อยไปบอกตอนที่คุณเห็นอพาร์ทเมนท์ของผม... ข้อหนึ่ง ผมชอบอะไรเรียบ ๆ ไม่ฉูดฉาด... เอาผนังโทนสีคล้าย ๆ ร้านนี้ก็ได้ ข้อสอง ช่วยเอาที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์เก่าของผม ผมคิดว่ามันยังใช้ได้อยู่และไม่อยากซื้อของใหม่เพิ่ม ข้อสาม ผมชอบสีเหลือง อยากให้มีสีนี้ในทุก ๆ จุด แต่ไม่ต้องมากเกินไป

     

    และข้อสี่ นี่สำคัญมากเลยนะ อย่าคิดแพงมาก เพราะกว่าผมจะได้เงินมาแต่ละวอนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ”

     

    มินฮยอนหัวเราะ นัยน์ตาเป็นประกายคู่นั้นทำให้ใบหน้าของคนมองอย่างเขาร้อนผ่าวพิกล ไม่แพงหรอกครับ ผมลดให้จงฮยอนเป็นพิเศษอยู่แล้ว




    เออ เขาควรดีใจกับคำพูดเมื่อครู่นี้ใช่ไหม

     







    End(?)




    .

    .

    .


     

    V

     

    ภายในคาเฟ่ร้านเดิม เพิ่มเติมจากหลายเดือนก่อนคือ คราวนี้ชายหนุ่มร่างเล็กเป็นฝ่ายโทรชวนเพื่อนสนิทร่างสูงของตนให้มาเจอกัน ณ คาเฟ่แห่งนี้เอง

     

    และคราวนี้ได้ผ่านพ้นฤดูฝนอันหนักหน่วงไปแล้ว

     

    อา จะว่ายังไงดีล่ะ...

     

    นายอ้ำอึ้งมานานแล้วนะ จงฮยอนอา

     

    เจ้าของชื่อถอนหายใจยาวอย่างคิดไม่ตก ใบหน้าน่ารักดูหนักใจสลับแดงก่ำ แปลกตามากในสายตาของคนที่คบกันมานานเกือบสิบปี


    คือ... นายว่า.........”


    “ว่า?


    “เออ จะมีมัณฑนากรคนไหนอาสาให้ที่อยู่ที่กินกับลูกค้า เพราะว่าลูกค้าไม่มีที่อยู่ที่อื่น และบ้านของเขาก็อยู่ไม่ไกลจากอพาร์ทเมนท์ของลูกค้า... ไหม?

     

    อ๋อ คนที่เพิ่งทำบ้านให้นายเสร็จไปใช่ไหม เขาเป็นคนดีมากเลยนะ

     

    แล้ว... นายว่า มีมัณฑนากรที่ไหนมาทำอาหารให้ลูกค้ากินทุกมื้อ แลกกับข้อสัญญาส่ง ๆ ของลูกค้าที่ยอมจะล้างจานให้ เอาเข้าจริง เขาก็ล้างเองทุกครั้งแหละ ลูกค้าไม่เคยล้างสักครั้งเลย

     

    นายควรจะล้างให้เขานะ นิสัยไม่ดีเลย—”

     

    มัณฑนากรคนนั้นพาลูกค้าไปเลี้ยงขนมที่คาเฟ่ร้านโปรดเกือบทุกวัน ที่ว่าเกือบ เพราะบางวันเขาก็ไม่ว่าง ต้องเข้าบริษัท นายคิดว่าไง?

     

    ว้าว...ดวงตาของผู้ฟังเบิกกว้าง ปากก็อ้าค้างเป็นรูปตัวโอเช่นกัน

     

    สุดท้ายแล้ว สุดท้ายจริง ๆ นายว่า ถ้ามัณฑนากรคนนั้นบอกกับลูกค้าหลังจากทำงานเสร็จแล้วว่า เขาไม่คิดเงินแม้แต่วอนเดียว ขอแค่ให้ลูกค้ายอมไปดูหนังเป็นเพื่อนเขา นายคิด—”

     

    “ว้าว...

     

    “ใช่ไหม?

     

    “อือ...

     

    “......

     

     

     

    End










    ? เราอยากลองเขียนโทนอบอุ่นดู

    ? เขียนเพราะช่วงก่อนฝนตกหนักมาก หนักแบบหาความโรแมนติกไม่ได้เลย

    ? หลัก ๆ เลยคือชอบตอนน้องเจใส่สีเหลือง น่ารักกก /หอมหัวน้อง

    ? อยากแนะนำเพลงที่ฟังเวลาแต่งจังค่ะ 55555 เหมาะกับการเปิดฟังตอนฝนตก
    มี Raincoat - Kelly Sweet / My Cherie Amour - Stevie Wonder / Everything - Michael Buble / You Give Me Something - James Morrison


    ❤️ สุดท้ายนี้มีอะไรติชมบอกได้ที่ #anonymfics นะคะ ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in