เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดอกไม้บนดวงจันทร์ryougjitime
ผมขอแค่คุณรักผมบ้างก็ยังดี
  • ผมไม่รู้ว่ารู้ว่าตัวเองดื่มไปเยอะแค่ไหน ผมรู้แต่ว่าความสามารถในการทรงตัวของผมเริ่มไม่เหมือนเดิมแล้ว ผู้หญิงคนนึงกำลังกอดรัดผมอยู่เธอยิ้มพร้อมกับพูดอะไรสักอย่างเกินกว่าที่ผมจะจับใจความได้ว่ามันคืออะไร แก้วเหล้าในมือผมยังคงถูกเติมเรื่อยๆ แสงไฟสลัวเสียงเพลงดังกระหึ่มกลบเสียงหวีดร้องในหัวใจได้ชั่วครู่ 
    รสชาติของแอลกอฮอล์ทำให้ผมลืมความเจ็บปวดไปได้บ้าง จูบอันดูดดื่มที่แคลบด้วยเหล้าวิสกี้ชั้นดีจากหญิงสาวแปลกหน้าบรรเทารอยยิ้มสดใสของลูน่าได้เป็นระยะ 
    เธอเป็นต้นเหตุของคืนนี้ ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ผู้หญิงคนเดียวที่เป็นทุกอย่างของผม แต่ผมกลับไม่เคยรู้เลยว่าผมเป็นอะไรสำหรับเธอ 
    ผมพยายามยืนอย่างยากลำบากและด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แล้ว ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าคืนนี้จะจบลงอย่างไร แก้วเหล้าถูกเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าแทนเพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมไม่สามารถดื่มไปมากกว่านี้ได้แล้ว แอลกกอฮอล์ในร่างกายผมมีมากเท่าไหร่ผมยิ่งต้องการน้ำเปล่าเพื่อล้างมันออกให้มากเท่านั้น ในระหว่างที่รอให้ตัวเองสร่างเมา คราวนี้กลับเป็นผู้หญิงอีกคนที่เวียนมาอยู่ในอ้อมแขนผม เธอหัวเราะคิกคักพร้อมกับสายตายั่วยวนริมฝีปากอวบอิ่มนั้นค่อยๆใกล้เข้ามา ผมไม่ปฏิเสธความต้องการเหล่านั้นแม้แต่นิด ความร้อนจากร่างกายเธอแทบจะหลอมให้ผมไปกองกับพื้น ผมลืมเรื่องที่กังวล ความผิดหวัง ความเสียใจ หรือแม้กระทั่ง ลูน่า ไปได้สักครู่ ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็ถอนตัวออกไป เธอบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงเครื่องของผมก่อนจะจากไป ผมคว้าแก้วน้ำมาดื่มอึกใหญ่เพื่อระบายฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก่อนจะนั่งเงียบๆพิจารณาผู้คนรอบข้างเพื่อให้ลืมความทุกข์ใจของตัวเอง ทุกอย่างยังคงวนลูปในผับแห่งนี้เหมือนเดิม มีผู้หญิงอีกคนที่ผ่านเข้ามาแสงสลัวทำให้ผมมองไม่ค่อยเห็นเธอ คราวนี้ผมกลับจำกลิ่นเธอได้ถึงแม้ว่าผมจะเห็นหน้าเธอไม่ชัดเจน เธอยืนอยู่ตรงหน้าผมปราศจากคำพูดใดๆ ผมเพ่งมองเธอครู่ใหญ่ หัวใจเต้นระส่ำเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน ตอนนี้ไม่ว่าผมจะดื่มไปเยอะแค่ไหนความเสียใจของผมก็ไม่มีวันหายไปอยู่ดี เธออยู่ตรงนี้แล้ว เมื่อไหร่ ได้ยังไง ผมไม่รู้และไม่ทันได้สังเกตเลย ลูน่ามองผมด้วยสายตาสมเพช ผมไม่ชอบเลยแววตาคู่นั้น เยือกเย็น นิ่งสงบและปราศจากความรู้สึกใดๆ ผมอยากจะโกรธและเกลียดเธอทุกการกระทำทุกเรื่องราว ผมไม่อยากให้อภัยเธอแต่ช่วงเวลาของผมที่มีให้เธอทำผมรักเธอเกินว่าจะทำแบบนั้นได้

    “ผมน่าจะเอะใจว่าตลอดเวลาที่เราคบกับ คุณไม่เคยพูดคำนั้นเลย”
    “มันจำเป็นสำหรับคุณมากเลยเหรอ”
    “อย่างน้อยมันก็แสดงสถานะระหว่างเรา”

    เธอไม่พูดอะไรต่อจากนั้น มีแค่เพียงความว่างเปล่า ผมพยายามมองเธอให้ชัด ยิ่งเธอชัดเจนมากเท่าผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไกลออกไปจากชีวิตเธอทุกที ความเงียบของเธอดังกว่าเพลงที่กำลังเปิดอยู่ตอนนี้ซะอีก 
    “คุณดื่มเยอะมากไปแล้ว กลับบ้านกันนะ”
    เธอทาบมือลงบนแก้มร้อนๆของผม คำพูดเพียงไม่กี่คำกับน้ำเสียงราบเรียบของเธอ ราวกับน้ำเย็นที่กำลังดับความร้อนในใจผม อย่างที่บอกผมใจอ่อนให้เธอเสมอ อ้อมกอดของเธอยังคงเป็นสิ่งที่ผมต้องการที่สุด แม้ว่าหัวใจเธอจะไม่ใช่ของผมก็ตาม 
    ลูน่าประคองผมด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมี ผมพึ่งเห็นว่าเธอสวมส้นสูงกับมินิเดรสเว้าหลังสีดำตัดกับผิวสีซีดของเธอ  พวกเราออกมารอแท็กซี่ที่หน้าร้านด้วยสภาพที่ผมกึ่งหลับกึ่งตื่น ผมอยากให้ถึงบ้านเร็วๆเพียงเพราะชุดที่เธอใส่มันไม่ถูกใจสักเท่าไหร่ ลูน่าไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้ เทสการแต่งตัวของเธอมีแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ แต่ผมเดาว่าเธอคงจะไปงานเลี้ยงมา และคงด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธอมาเจอผมในที่อโคจรแบบนี้แทนที่จะกลับบ้าน
    ผมถึงห้องอย่างทุลักทุเล ลูน่าบังคับให้ผมดื่มน้ำเปล่าอีกเยอะมากระหว่างทางกลับบ้าน ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์กับภาพแสงไฟงานปาร์ตี้เริ่มหายไปแล้ว กลายเป็นความรู้สึกที่เข้ามาแทนความบรรเทิงเหล่านั้น ลูน่าเป็นคนจัดการทุกอย่างในตอนที่พวกเราถึงห้องของผม เธอไม่พูดอะไรแต่ผมยังได้ยินเสียงเธอจัดแจงข้าวของอยู่รอบๆ ผมลากตัวเองมาจนถึงเตียงนอน ลูน่าประคบผ้าเย็นลงบนหน้าผากผมก่อนจะนั่งลงข้างเตียง เธอดูเศร้าเหมือนทุกครั้ง มือเย็นๆของเธอสอดไว้กับมือผมเช่นที่เธอเคยทำ 

    “ขอโทษนะ”
    ผมรู้สึกว่าช่วงเวลาความเจ็บปวดจากการเอ่ยคำขอโทษของเธอมันนานมากจนผมไม่อาจทนได้ ผมมองเธอเผื่อว่าจะเจอคำตอบไหนบ้างที่ทดแทนความรู้สึกของผมได้ ยิ่งมองผมก็เจอแต่ความว่างเปล่าในตาคู่นั้น
    “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง”
    ผมไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านี้ มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยที่บอกว่าผมไม่เป็นอะไรและมันไม่ใช่เรื่องแค่นี้อย่างที่ผมบอก นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่กำลังจะเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราทุกคนที่เกี่ยวข้อง ผมรู้ว่าเราจะไม่เหมือนเดิมเพียงแค่เธอเดินจากผมไปในตอนนี้ เธอจับมือผมแน่นขึ้น ผมเดาว่าคงมาจากการรู้สึกผิด ซึ่งลึกๆแล้วเธอสมควรได้รับมันเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอทำกับผม แต่อีกทางหนึ่งน้ำตาที่ผมคิดว่าผมไม่มีวันทำให้เธอร้องไห้กำลังไหล ผมกอดเธอไว้ผมไม่อยากให้เธอบุบสลายหรือเจ็บปวด เธอเปราะบางเกินกว่าผมจะทนได้ เพราะอย่างนั้นความรู้สึกแย่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอผมจะรับไว้เอง 
    ลูน่ามองผมอีกครั้งเธอจูบแก้มผมก่อนจะเดินออกไป ผมรู้ดีว่านั้นคือคำบอกลาอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าผมมีโอกาสได้ถามเธออีกสักครั้ง เผื่อว่าเธอจะเปลี่ยนใจภายในเสี่ยววินาทีผมก็อยากจะลองดู ผมตัดสินใจคว้ามือเธอ สายตาว่างเปล่าที่ผมสงสัยมาตลอด ในวินาทีนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่ใช่คนที่อยู่ในใจเธอ ผมเกลียดที่เธอแสดงมันออกมาแบบนั้น ผมดึงเธอกลับมาบรรจงจูบเธออย่าช้าๆ เพียงเพราะผมไม่แน่ใจว่าเธออนุญาติหหรือยังมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นหรือเปล่า ผมประหลาดใจที่มือเย็นเฉียบของเธอตอบสนองด้วยการวางบนท้ายทอยผม นี่เป็นครั้งแรงที่เราจูบกับอย่างเป็นจริงเป็นจัง ลูน่าไม่เคยสัมผัสผมมากขนาดนี้ทั้งที่เราคบกับมาสามปีแล้ว คำถามนับไม่ถ้วนปะทะเข้ามาและผมรู้ตัวว่าผมไม่ต้องการคำตอบในตอนนี้ ตอนที่ความร้อนแรงของแอลกอฮอล์ที่ยังคงค้างทำผมกล้าที่จะจูบเธอในแบบที่คู่รักทั่วไปทำกัน ลูน่าไม่ปฏิเสธเธอประคองให้ผมนั่งลง ความเงียบของเธอคือสิ่งที่คำนวนไม่ได้ ราวกับว่าเธอชั่งใจอะไรสักอย่างก่อนประทับริมฝีปากของเธอกับผม กลิ่นเปเปอร์มิ้นต์ที่ผมคุ้นชินทำสติผมหลุดลอย ลูน่าไม่ได้จูบร้อนแรงแบบที่ผู้หญิงคนอื่นทำเธอใส่ความนุ่มนวลและความรู้สึกลงไป ความรู้สึกที่ว่ามันคือความเจ็บปวดและความเสียใจ ผมทำเป็นไม่รับรู้ถึงความรู้สึกพวกนั้นทั้งที่มันตรงกันข้ามกับความรู้สึกผม ลูน่าอยู่ใต้อ้อมกอดของผมสัมผัสของเราค่อยๆเริ่มขึ้นเพื่อให้เรามีเวลาทบทวนอีกสักนิด เธอรู้ดีว่าเธอกำลังทำอะไร และผมก็รู้ดีว่าสิ่งที่ผมกำลังจะทำก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเธอ เราสบตากันเช่นที่เคยทำเพียงแต่ตราวนี้ผมก็พบว่าเธอไม่เหลือความรู้สึกอะไรให้ผมเลย การที่เธออยู่ตรงนี้มันก็มีความหมายกับผมมาก อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย                                                                                                                  แต่เธอกลายเป็นศาสนาของผมไปแล้ว  เป็นศาสดาของความรักของผมที่ไม่มีทางหลุดพ้นได้
    “ทำแบบนี้ทำไม”
    “เพราะฉันก็เปลี่ยนให้เค้ามารักฉันไม่ได้”
    “แล้วผมจะเปลี่ยนให้คุณรักผมได้งั้นเหรอ เพราะอย่างนั้นถึงจะยอมให้เซ็กซ์ผูกมัดเราแบบนี้น่ะเหรอ”
    “ฉันไม่ได้ใช้เซ็กซ์เป็นข้อผูกมัดระหว่างเรา แต่ถ้ามันทำให้ฉันกลับไปรักคุณได้อีกครั้งมันไม่ใช่สื่งที่คุณต้องการหรือไง?”
    “ผมถามเป็นครั้งสุดท้ายถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่คนที่อยู่ในใจคุณ คุณจะไม่เสียใจใช่ไหมที่เลือกทำแบบนี้”
    “ช่วงเวลาหนึ่งฉันเคยรักคุณ ฉันไม่เสียใจเลย ฉันยังอยากที่จะเป็นคนที่รักคุณอีกสักครั้งและฉันพร้อมที่จะทำ ฉันรู้ว่าคุณมีคำถามเต็มไปหมดตลอดเวลาที่เราคบกัน ฉันขอโทษ”

    ใช่ มันคือสิ่งที่ผู้ชายอย่างผมต้องการแต่ผมก็ต้องการความรู้สึกเธอที่มีให้ผมด้วย ทุกอย่างที่ลูน่าพูดออกมาฟังดูเห็นแก่ตัวจนผมสับสนไปหมด ผมจูบเธออีกครั้งคราวนี้คือความแน่ใจและยินยอมที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน มันเป็นรสจูบที่ขมขื่นที่สุดที่ผมรู้สึกแต่ผมก็เต็มใจรับมัน
    ผมไม่อยากปล่อยให้ช่วงเวลาของความลุ่มหลงของเราผ่านไปเลย เสื้อผ้าของพวกเราถูกปลดเปลื้องทีละน้อยมินิเดรสสีดำเว้าหลังถอดง่ายกว่าที่ผมคิด อุณหภูมิห้องสูงขึ้นหรือเปล่าผมถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่หน้าเตาผิงในฤดูร้อนหลังจากที่มินิเดรสตัวนั้นกองอยู่ที่พื้น จูบดูดดื่มที่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายไม่ได้ร้อนแรงอะไร คล้ายกับว่าเป็นการปล่อยให้ตัวเราเองเรียนรู้ซึ่งกันและกัน สัมผัสแปลกใหม่ในแบบคนรักทำให้ผมแทบบ้า กลิ่นกายที่ผมเคยได้กลิ่นจากไกลๆตอนนี้ผมแทบจะกลืนมันลงไปอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่เราคบกันผมไม่ทันสังเกตเลยว่าเราต่างโตขึ้นจนเราแทบไม่รู้จักกัน ผมกอดเธอไว้ส่งความรู้สึกทั้งหมดผ่านร่างกายของผม ผมจูบแก้มเธอ และมองลึกลงไปในแววตาที่ความรู้สึกผิดสั่นไหวก่อนจะถูกบดบังด้วยเป็นความมั่นใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มือผมสั่นเล็กน้อยในขณะที่ลูบไล้ต้นขาพลางอนุญาติให้ตัวเองเริ่มความอยากของมนุษย์ทั่วไป 
    ผู้คนมักจะนิยามห้วงเวลาแห่งความรื่นรมณ์ว่าจังหวะรักอย่างนั้นหรือ เช่นเดียวกับบทเพลงที่ค่อยๆบรรเลงจนไปถึงโน๊ตตัวบนสุด เสียงเหนื่อยหอบและรอยบีบแรงๆที่แขนของเธอมันทำให้ผมรู้สึกดี ลูน่ายังคงจับมือผมไว้ ยังคงอยู่ในอ้อมกอดผมยิ้มให้ผมเช่นที่เธอเคยทำ เราคงจะเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบถ้าเกิดว่าผมละทิ้งความเสียใจที่มีต่อเธอไว้ข้างหลัง แต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากเธอได้อย่างไร ดวงจันทร์ที่ส่องสว่างในชีวิตผม แสงสีนวลในค่ำคื่นทำให้ผมชีวิตขึ้นมา 
    ‘แค่คุณรักผมบ้างลูน่า แบ่งความรักที่คุณมีให้มันให้ผมบ้าง’

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in