ระหว่างเดินทางด้วยรถไฟ ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างบานหน้าต่าง เขามองออกไปข้างนอก เห็นสิ่งก่อสร้าง ต้นไม้ ผู้คน กองขยะ เคลื่อนผ่านไป บางครั้งช้า บางครั้งเร็ว เขามองสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ไม่นานเขาก็ลืมภาพที่เขาเคยเห็นไป ถ้ามีใครสักคนเข้ามาถามเขาว่า เขามาจากที่ไหน เขาคงตอบว่า เขาไม่ได้มาจากที่ไหนเลย ถ้ามีคนถามว่าเขากำลังไปที่ไหน เขาคงตอบไม่ได้ แต่นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเพราะไม่มีใครเข้ามาคุยกับคนที่ท่าทีไม่ค่อยเป็นมิตรอย่างเขาหรอก รถไฟจอดที่สถานีหนึ่ง เขายังคงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ผู้คนที่สถานีนั้นขึ้นบนรถไฟจนรถไฟแออัดไปด้วยผู้คน เสียงร้องของใครคนหนึ่งบอกให้คนที่เข้ามาในรถไฟขยับเข้าไปอีก เสียงนั้นมีความมั่นใจและแฝงไปด้วยอำนาจอะไรบ้างอย่าง ซึ่งเขาไม่ได้สนใจอะไร เขามองไปที่ผู้คนที่ยืนอยู่เต็มรถไฟท่าทางดูเหนื่อยล้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงลุกจากที่นั่งให้คนแก่ หรือผู้หญิงสักคนนั่งไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเขาก็มีสิทธิ์ที่จะหนื่อยล้าได้เหมือนกัน เขาหยิบหูฟังมาใส่แล้วเปิดเพลงจากโทรศัพท์ เป็นการปิดกั้นตัวเองจากเสียงความวุ่นวายบนรถไฟ เขากับมาสงบอีกครั้ง หลาย ๆ เพลงที่เขาฟัง เป็นเพลงที่เขาเองก็ไม่รู้ความหมายของมันเลย แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่น และผ่อนคลาย บางทีการเสพงานศิลป์อย่างการฟังเพลง เราอาจไม่ต้องรู้ถึงความหมายของมันก็ได้ แค่มันทำให้เราเกิดอารมณ์อะไรบางอย่างก็พอแล้ว รถไฟเคลื่อนผ่านไปเรื่อย ๆ จนมาถึงสถานีที่สี่ ผู้คนที่แออัดเริ่มทยอยลงจากรถไฟ อากาศภายในรถไฟกลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง เขาหันไปมองผู้คนที่กำลังเดินลงจากรถไฟ ภายในรถไฟดูผ่อนคลายขึ้นมาจริง ๆ ไม่นานนัก ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนรถไฟ เธอเดินมานั่งในตำแหน่งตรงข้ามเขา เขามองไปที่หญิงสาวคนนั้น เธอดูเป็นผู้หญิงที่ดูเท่ในสายตาของเขา ผมสั้นหน้าม้า เขาไม่รู้ว่ามันเรียกว่าทรงอะไร เธอใส่แว่นสีแดงกลมโต เช่นเดียวกับดวงตาของเธอที่ดูกลมโตสวยน่ามอง ผมเธอสีดำสนิทแต่ไฮไลท์ด้านข้างเป็นสีน้ำตาลส้ม เธอใส่เสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขายาวสีฟ้า เขาพยายามหาคำอธิบายในการแต่งตัวของเธอ แต่เขาไม่เก่งเรื่องการแต่งตัวมากนัก เอาเป็นว่า เป็นสไตล์ของเด็กคูล ๆ เขาใส่กัน ก็แล้วกัน
เขานึกชื่นชมเธออย่างผู้ชายคนหนึ่งจะชื่นชมหญิงสาวคนหนึ่งได้ อาจจะดูน้ำเน่าไปหน่อยแต่มีอยู่ของหญิงสาวก็ทำให้บรรยกาศของรถไฟดูสดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เขาพยายามมองดูเธอเพื่อจดจำเธอคนนั้นให้ได้มากที่สุด แต่เขาก็รู้ดีว่า เขาจะจ้องมองเธอตลอดเวลาไม่ได้ เพราะอาจจะถูกมองว่าเป็นโรคจิตได้ ยิ่งหน้าตาของเขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของหญิงสาวโดยทั่วไปด้วยแล้ว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงสถานีที่เขาต้องลงเสียที เรียกได้ว่าเป็นสถานีที่เขาจำใจต้องลง เพราะไม่มีที่ไหนให้เขาไปอีกแล้ว เขาหวังว่าหญิงสาวคนนั้นจะลงที่สถานีเดียวกับเขา แต่เธอกับนั่งนิ่งก้มหน้ามองดูโทรศัพท์ของเธอโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย เขาตัดใจและเดินลงจากรถไฟพร้อมกับคิดไปด้วยว่า หญิงสาวคงมีเป้าหมายที่ไกลกว่านั้น อาจจะเป็นที่สถานีทันไปก็ได้ เขาเดินไปยังจุดรอรถประจำทางเพื่อรอรถกลับไปยังอีกสถานที่หนึ่งคนอื่น ๆ อาจจะเรียกมันว่าบ้าน แต่สำหรับเขาสถานที่แห่งนี้กลับดูห่างไกลกว่าที่ไหน ๆ ผู้คนเบียดแย่งกันขึ้นรถประจำทางกันอย่างบ้าคลั่ง เขานั่งรอให้คนหลั่งไหลออกไปอย่างสงบ และคิดถึงหญิงสาวบนรถไฟ เขาคิดว่า มันคงดีกว่าถ้าเขาเลือกจะนั่งรถไฟต่อไป มองดูหญิงสาวคนนั้น เขาไม่มั่นใจว่าอยากลงสถานีเดียวกับเธอไหม เพราะว่าเขาเป็นนักเดินทาง เป็นเดินทางที่ไม่มีสถานที่ของตัวเอง เลยต้องเดินทางไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่ให้กลับ ไม่มีจุดมุ่งหมาย เขาจึงไม่มั่นใจว่าสถานีของหญิงสาวจะเป็นสถานที่ของเขาไหม แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เมื่อผู้คนเริ่มบางตาเขาลุกจากที่นั่ง เดินไปยังรถที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา เขาออกเดินทางอีกครั้งด้วยรถประจำทาง เขาพยายามนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวที่เจอบนรถไฟ แต่พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกเสียแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in