ฮูหยินแห่งบุรุษในตำนาน (เล่ม 1-3 )
(The Legendary Master's Wife)
ผู้เขียน Yin Ya
ผู้แปล FEI FEI
สำนักพิมพ์ Hermit Publishing
เรื่องย่อ
“ เพราะระเบิดข้างบ้าน ทำให้เพื่อนบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างเขาหลุดเข้ามาอยู่ในร่าง โหยวเสี่ยวโม่ เด็กหนุ่มผู้เป็นศิษย์อย่างไม่เป็นทางการของสำนักเทียนซิน ซึ่งตรมใจเรื่องระดับพลังตัวเองจนตาย เขาที่มาจากโลกปัจจุบันจึงต้องเริ่มฝึกฝนตัวเองเพื่อเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนักให้ได้ ไม่เช่นนั้นคงจะต้องเร่ร่อนไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ! แต่ก่อนที่จะทันได้กลุ้มเรื่องนั้น ชีวิตน้อย ๆ ของเขาก็มีอันต้องอยู่ในอันตราย เมื่อเขาดันไปรู้ความลับ ว่าศิษย์พี่ ‘หลินเซียว’ ผู้โด่งดังคนนั้นเป็นตัวปลอม !! ”
ความรู้สึกหลังอ่าน (เวอร์สั้นก่อนสปอยล์...ยาว)
เนื่องจากเรื่อง The Legendary Master's Wife หรือ ฮูหยินแห่งบุรุษในตำนาน ออกมารอบแรกมี 3 เล่ม จาก 10 เล่มจบ เรากลัวว่าเขียนไปเขียนมาก็หลุดเรื่องสำคัญของทั้งสามเล่มเข้า เลยขอยกสักส่วนหนึ่งมาไว้ตรงนี้ สำหรับคนที่ไม่ต้องการสปอยล์ใด ๆ เกินกว่าสักช่วงเล่ม 1 กับแนวของเรื่อง
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องฮูหยินแห่งบุรุษในตำนานเราไปอ่านตัวอย่างก่อนจนถึงสักช่วงพระเอกออกได้สองสามตอน ...ปักหลักเลยค่ะ ตั้งใจว่าจะซื้อเลย อย่างน้อยเอามาลองเต็ม ๆ สามเล่ม...ทำไม ? เพราะพระเอก แน่นอนค่ะ นิสัยพระเอกขี้แกล้ง ขี้แหย่ แบบนี้เข้าทางมากก ยิ่งชอบเท่าไรก็ยิ่งเข้าใกล้ไปหยอกล้อเท่านั้น เราตามหาพระเอกแนวนี้เลยย
ส่วนทางนายเอกออกไปทางเด็กที่ถูกพ่อแม่ยุคปัจจุบันเลี้ยงดูอย่างดี เรื่องหนักสุดที่ให้ทำคือเรียนแล้วสอบเข้าที่ดี ๆ ให้ได้ น้องเลยออกจะซื่อ ๆ ชอบเก็บตัวฝึกวิชาไม่ก็วิ่งเข้าห้องสมุดอ่านหนังสือ แม้ไม่ได้ใสถึงขนาดดูคนไม่ออก แต่เพราะมองโลกแบบคนปัจจุบันที่อยู่สงบสุขกว่าโลกใบใหม่ที่ตัวเองมาอยู่ เลยทำให้ออกจะไม่ทันคนอยู่บ้าง
พออ่านเองสำหรับเราเรื่องนี้ไม่ถึงกับเรื่อยมาก เพราะแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมักเป็นการปลดล็อกความสามารถนายเอก หรือการปล่อยปริศนาต่อไปของเรื่อง ทำให้มีจุดต้องลุ้น ว่าจะเป็นยังไงต่อไป นายเอกจะรับมือได้ไหม พระเอกจะรู้ตัวหรือเปล่า (รู้อยู่แล้วแหละคนนี้) ส่วนที่อาจจะทำให้รู้สึกเรื่อย ๆ น่าจะเพราะ คนเขียนคิดละเอียด เขียนในขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่ลำดับพลัง ชนิดและสรรพคุณของโอสถ ไปจนถึงขั้นตอนการฝึกตน รวมไปถึงเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่ตอนนี้ยังเหมือนปล่อยออกมาไม่หมด กว่าจะผ่านไปเดือนหนึ่งของนายเอกจึงเจอเรื่องราวเยอะมาก บางคนอาจจะรู้สึกมันช้าไป เพราะไม่แตะประเด็นสักที ฝึก ๆ ๆ บางคนอาจจะรู้สึกโอเค เพราะเป็นแนวที่ใช่ ซึ่งสำหรับเรา แนวนี้คือใช่ค่ะ
ส่วนความรัก...แค่เล่มแรกก็มีพัฒนาการแล้วค่ะ พระเอกเราเจ้าเล่ห์จะตายขอแค่รู้ตัวว่าชอบทุกแผนการของเขาต้องมีนายเอกพ่วงไปด้วย เพราะคน ๆ นี้ เขาไม่มีทางปล่อยหลุดมือเด็ดขาดค่ะ
ต่อไปเข้าโหมดสปอยล์ (ยาว) นะคะ ใครสั้น ๆ รู้แล้วว่าใช่หรือไม่ใช่ ผ่านได้เลยค่ะ
ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ปานกลาง)
มาค่ะจะเราพยายามไม่หลุดสปอยล์ประเด็นสำคัญของ ฮูหยินแห่งบุรุษในตำนาน 1-3 ใครชอบแนวฝึกฝนของตัวเอกที่มีพรสวรรค์ และมีผู้ช่วยสุดเก่ง โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นแรกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีฝีมือ เหมือนอนิเมะแต่ก่อน หรือเกมส์เก็บเลเวล เก็บกระเป๋าตามมาได้เลยค่ะ เราจะพาทุกคนตาม โหยวเสี่ยวโม่ ไปปลูกโอสถ หลอมยา ฝึกวิชากันที่สำนักกัน
ศิษย์ชั่วคราวแห่งสำนักเทียนซิน (เล่ม 1)
โหยวเสี่ยวโม่ เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีที่กำลังจะสอบเข้า ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็มาอยู่ดินแดน หลงเซียว เสียแล้ว เขาพบว่าตัวเองเป็นศิษย์ชั่วคราวของสำนักเทียนซิน ที่มาฝึกตัวเองเป็นเทพโอสถ ซึ่งที่นี่...ไม่สิ ต้องเรียกว่าโลกนี้ ความแข็งแกร่งของดวงจิตเป็นสิ่งสำคัญมาก เจ้าของร่างเดิมตรอมใจจนเขาเข้าร่าง เพราะทราบว่าตัวเองมีดวงจิตแค่ระดับกลาง (สีเขียว) อย่างมากก็เป็นได้แค่ เทพโอสถระดับกลาง จึงเศร้าใจจนตาย (ตายจริงสิ...?) ส่วนทางนายเอกเมื่อต้องมาอยู่ดินแดนแปลกใหม่อย่างไรก็ต้องมีที่ซุกหัวนอน ขั้นแรกจึงตั้งเป้าเป็นศิษย์จริง ๆ ของสำนักให้ได้เสียก่อน แต่เขาอยู่มาไม่เท่าไรกลับพบว่า ศิษย์ผู้โด่งดังในสายจอมยุทธ์นาม ‘หลินเซียว’ เป็นตัวปลอมที่มีชื่อว่า ‘หลิงเซียว’ เทพโอสถฝึกหัดตัวน้อยอย่างเขาจึงมีอันต้องตกอยู่ในความควบคุมของคน ๆ นี้
ความจริง โหยวเสี่ยวโม่ ซวยเพราะปากน่ะค่ะ เพราะเดิมเจ้าตัวกับ ‘หลินเซียว’ แค่เคยเดินเฉียดกันไม่กี่ครั้ง พระเอกอย่าง ‘หลิงเซียว’ ก็โป๊ะแตกเองที่ดันไปยิ้มอบอุ่นทักทายน้องอย่างกับเป็นศิษย์พี่แสนดี น้องเลยจับได้ แต่คนนิสัยไม่ดี ทำให้เขาจับได้เองก็มาทำข่มขู่ แต่อย่างนึงที่น้องรอดจากความตายมาได้ก็เพราะความสามารถในการหลอมยา โหยวเสี่ยวโม่ หลอมยาได้ดีมาก พอหลิงเซียว กินเข้าไปก็ติดใจเลยยอมไว้ชีวิตแล้วหันมารีดไถให้ทำยาส่งแทน
แต่ไม่รู้ทำไม เพราะเห็นพรสวรรค์หรืออะไร เพื่อให้น้องโม่ทำยาได้ดีกว่านี้ พี่หลิงถึงทำทุกอย่างเพื่อให้น้องพัฒนา แม้แต่วิ่งไปขโมยคัมภีร์มาให้ฝึก แล้วไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ที่จากคอยมาแกล้งน้อง แหย่น้องฆ่าเวลาในฐานะคนเดียวที่รู้ความลับ (เลยเผยนิสัยจริงมาแหย่คน) กลายเป็นน้องสำคัญกับตัวเองขนาดไม่อยากให้ห่างตัว...
...เราคิดว่าน่าจะเพราะน้องไม่ค่อยโกรธจริง จะแกล้งจะแหย่แค่ไหน น้องงอนแป๊ปก็หาย และเด็กคนนี้ไม่ค่อยกลัวเขา ถึงชอบหลบหน้า แต่ไม่เคยกลัว น่าจะอะไรประมาณนี้...สงสัยต้องไปอ่านอีกรอบ...
งานประมูลเพื่อก้อนทอง ! (เล่ม 2)
ความจริงนายเอกคนนี้มีความลับอีกอย่างตั้งแต่ที่เขาตื่นขึ้นมามา...เขามีมิติลับ...เป็นมิติที่เจ้าตัวแตะปานที่อกแล้วจะว๊าบเข้าไปได้ ในนั้นเป็นพื้นที่ทะเลสาบ เหมาะแก่การเพาะปลูกมาก พวกเราก็จะได้ตามน้องโม่ไปถางหญ้า ปลูกโอสถในนี้นี่เอง ส่วนน้ำในทะเลสาบเป็นของดีที่ทำให้นายเอกของเราฝึกวิชาได้นาน เพราะมันคือน้ำดวงจิต ที่หาได้ยาก แต่นี่ก็เป็นปริศนาหนึ่งว่า ...มิติลับนี้มาได้ยังไง แต่ถึงจะมีมิติลับน้องโม่ค่อนข้างประเมินความสามารถตัวเองต่ำเขาจึงไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเทพโอสถระดับสูงได้ จึงอยากเก็บเงินเยอะ ๆ ไว้ดูแลตัวเอง ในขณะที่หลิงเซียวกลับประเมินเขาไว้สูง ถึงพยายามช่วยให้เขาพัฒนาฝีมือไปอย่างรวดเร็ว และราบลื่น แต่เมื่อน้องโม่อยากได้เงิน ได้อยู่แล้ว พี่หลิงเซียวจัดให้ (5555) วิ่งไปหาลู่ทางพาน้องโม่ของเขาเอาของดีไปประมูลหาเงิน เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้เห็นโมเม้นว่า เมื่อพระเอกคนนี้รักแล้ว อยากได้อะไรเขาก็ทำให้ทั้งนั้น ขอแค่อย่างเดียว ให้น้องโม่ขาดเขาไม่ได้ทั้งชีวิตก็พอ (แค่ก ๆ) เล่มนี้เราก็จะเริ่มเห็นพระเอกแสดงฝีมือที่แท้จริงแล้ว
เขตแดนสวรรค์ อีเว้นท์เก็บมอสเตอร์ (เล่ม 3)
เวลาผจญภัย ปลูกสมุนไพร หลอมยา จะขาดสัตว์อสูรได้ยังไง ? เผ่าพันธุ์ล่าสุดที่เล่มสามกล่าวถึงคือ สัตว์อสูรค่ะ ไม่ว่าจะคนสายจอมยุทธ์ (ผู้ฝึกการต่อสู้) หรือสายเทพโอสถ (ผู้ฝึกหลอมยา) ก็สามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรได้ โดยเทพโอสถทำได้ถึงสามตัว เพื่อจะได้ปลูกโอสถระดับสูง น้องโม่จึงอยากไปเขตแดนสวรรค์ แน่นอนว่ามีหลิงเซียวอยู่เขาย่อมได้ไป อีกอย่างเรื่องดำเนินมาถึงเล่มสาม เราขอเรียกว่า องค์แรกของเรื่องปริศนาหลักอย่าง พระเอกเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ ก็ควรจะถึงคราวเฉลย หรือปล่อยข้อมูลให้เดาได้แล้ว อีเว้นท์ของเล่มนี้เลยออกไปแนวระเบิดพลัง ผจญภัยในเขตแดนสวรรค์ แล้วก็ต้องมานั่งเดา ๆ ลุ้น ๆ ว่า ใครจะได้สัตว์อสูรตนไหน ระดับไหนไปครอบครองบ้าง
พัฒนาการความรักในสามเล่ม
ความรักของพระเอกนายเอก ต้องลองไปอ่านเก็บดูค่ะว่าทำไมถึงพัฒนาเป็นความเชื่อใจได้ขนาดนี้ ส่วนตัวคิดว่า พระเอกอยู่กับนายเอกประมาณ 10 เดือน ถึงหนึ่งปี นับตั้งแต่นายเอกเข้าร่างนี้ไม่นานก็มีพระเอกอยู่ข้าง ๆ ตลอด สอนอะไรก็ตั้งหลายอย่าง เวลาน้องโม่มีอารมณ์คิดถึงบ้าน ก็มีหลิงเซียวคอยแหย่จนลืมเศร้า เวลามีอันตรายจนไม่อยากอยู่ที่นี่ ก็มีพี่หลิงอีกที่คอยปกป้องดูแล พอเป็นแบบนี้เลยกลายเป็นความเชื่อใจโดยไม่รู้ตัว คงเป็นความรู้สึกหาหลักพึ่งพิงของเจ้าตัวด้วย
สิ่งที่เราโอเคก็คือคนเขียนก็กล่าวถึงมุมพระเอกด้วย ช่วงเวลานี้พระเอกเองก็คิดพิจารณาความรู้สึกตัวเองเสมอ ทำไมตัวเองถึงต้องทำโน่นนี่ให้น้องโม่ด้วย เด็กคนนี้เป็นอะไรในใจเขาถึงรู้สึกแบบนี้ และเมื่อมาถึงจุดที่มั่นใจว่าน้องคือคนที่ใช่ เขาก็ไม่ลังเลที่จะวางแผนพาตัวน้องไปจากสำนักเทียนซินให้ได้ หนึ่งในแผนนั้นคือ ทำยังไงน้องจะขาดเขาไม่ได้
เรารู้สึกว่าไม่ใช่ น้องโหยวเสี่ยวโม่ ไม่รู้ตัวว่าพระเอกเริ่มรู้สึกยังไง แล้วตัวเองเริ่มรู้สึกยังไง เขาสับสน ขบคิดเสมอ และพอได้คำตอบ คนอ่านก็จะจับคำพูดได้เอง เช่น... เขาเรียก หลิงเซียวว่า หัวหน้าครอบครัว ตอนต้องพา เจ้าลูกบอล ของตัวเองไปแนะนำตัว หรือไม่เวลาต้องตัดสินใจอะไร เขาก็จะมองหน้าพระเอกก่อนเสมอ เหมือนยกทุกสิ่งอย่างให้อีกฝ่ายตัดสินไปแล้ว นี่หมายความว่าเจ้าตัวก็ตัดสินใจแล้วว่า หลิงเซียว สำคัญต่อตัวเองมาก ๆ
ดังนั้นเล่มสามน้องโดนคุณพี่เขาจับกินก็ถือว่าสมเหตุผลอยู่ (แค่ก ๆ ๆ)
ใช่ค่ะ กิน ไปแล้ว (55555)
ปมหนึ่งที่เราไม่รู้ว่าคนเขียนจะดึงมาขยี้ไหม ก็คงจะเป็นความคิดถึงบ้านของน้อง เพราะดำเนินมาถึงตอนนี้เรื่องต่าง ๆ ยังไม่มีเวลา เน้น ให้น้องคิดถึงดี และคนเขียนปล่อย 'คำ' ที่บ่งบอกความคิด และความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของนายเอก ผ่าน สายตาพระเอก ... เลยไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว จิตใจของโหยวเสี่ยวโม่เป็นยังไงบ้าง
ควรซื้อ หรือควรดอง ความค้างแค่ไหนในเล่ม 1-3
อาจจะเพราะจบองค์แรกพอดี และปิดเล่มที่การขึ้นองค์สอง เราเลยรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ไม่ค้างมาก มี 10 ให้ความค้าง 4 แล้วกันค่ะ เป็นสามเล่มทั้งเปิดปริศนา และปิดปริศนาบางส่วนลงพอดี ส่วนตัวสามารถรอเล่ม 4-6 ได้อย่างวางใจ ส่วนควรซื้อเลย หรือดองก่อน ... มี 10 เล่ม เราว่าถ้าแนวใช่ เสียเงินก้อน 10 เล่มรวดอาจจะกระอักเลือดได้ เราเลยขอเลือกทยอยซื้อมาดองในกองก่อนดีกว่าค่ะ (เจออีกทีอาจจะจบ 10 เล่มนะคะ 55555)
สรุปแล้วเรื่องนี้สำหรับเราคือโอเคค่ะ สามเล่มนี้เราใช้เวลาอยู่สองวันจบ ยอมรับว่าเล่มสามคือรีบอ่านกวาดมาก เพราะช่วงหลังค่อนข้างลุ้น (5555) เข้าใจได้ว่าตั้ง 10 เล่ม คงจะทำให้หลายคนลำบากใจ เพราะถ้าซื้อมาแล้วไม่ใช่คงเสียดายน่าดู เราเองกว่าจะตัดสินใจซื้อก็ทั้งอ่านตัวอย่างทั้งอ่านรีวิว แต่พอเห็นแล้วว่าพระเอกใช่เลยตัดสินใจเอาสามเล่มมาลองสักตั้ง ถ้าไม่รอดก็หยุด ซึ่งโชคดีที่ใช่ (เอ๋ ! หรือไม่ดีนะ --- มองกระปุกหมู) รีวิวนี้คงจะสปอยล์อยู่ไม่น้อย แต่หวังว่าจะช่วยให้ใครที่ลังเลอยู่ตัดสินใจได้นะคะว่าน่าเอาเข้าลิส หรือตัดลิสดี และค่ะ เขียนยาวอีกแล้ว (แหะ ๆ )
ปล.สิ่งที่ลำบากที่สุดในการอ่านคืออ่าน โม่ เป็น ไม่ อยู่ตลอด ละก็งง ๆ จนต้องอ่านซ้ำ ชื่อน้องช่าง...
เพ้อเจ้อตัวละคร (สปอนล์แน่นอนนค่ะ)
เราแพ้ทางศิษย์พี่ศิษย์น้องจริง ๆ เรื่องนี้มีศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รอง และศิษย์พี่ห้า...รึเปล่านะ ที่นิสัยคล้าย ๆ เรื่อง
อย่ารังแกศิษย์พี่ข้านะ อยู่ด้วยล่ะค่ะ แค่เปลี่ยนจากสายบู๊ มาเป็นสายรักษา
ศิษย์พี่ใหญ่ สายแม่ เหมือนกันเลยค่ะ อบอุ่น แสนดี ช่างสังเกต และขี้บ่น คอยดูแลน้องเสมอ
ศิษย์พี่สองนี่มาสายเย็นชา หลัง ๆ ยอมรับน้องแล้วก็มีความพี่ชายมาก ส่วนคน ๆ เดียวที่ศิษย์พี่สองยอมให้ตลอดมา มีเพียงพี่ใหญ่ที่โตมาด้วยกันเท่านั้น (อาจารย์ยังไม่ค่อยจะสั่งได้)
...จะว่าไปคู่นี้น่าจับตามองนะคะ
ศิษย์พี่ สี่ หรือ ห้า เนี่ยแหละค่ะ ปากร้ายออกจะหยิ่ง ๆ ตอนแรก ที่ไหนได้ก็แอบสายซึน หลัง ๆ สนิทกับน้องเจ็ดอย่างโหยวเสี่ยวโม่มาก น่ารักอยู่ค่ะ
สามคนนี้น่าจะดีกับน้องที่สุดแล้ว ตอนหลังห่วงน้องมาก ๆ ต่างคนต่างกลุ้มใจที่รู้สึกเหมือนว่าน้องเจ็ด (นายเอก) ที่กำลังไปกับพระเอก คล้ายกำลังออกเรือน ต่างก็ห่วงแล้วห่วงอีก เราอ่านแล้วหันมามองชื่อเรื่องถึงกับขำ ...น้องออกเรือนจริง ๆ ค่ะพี่ ๆ
หวังแต่ว่า...เมื่อพี่ ๆ มีบท...จะยังเป็นคนดีของน้องต่อไปนะคะ
อ่อใช่...เจียงหลิง หรือหลินนะ...เรายังไม่ลืมหรอกนะ นักเขียนจะทำให้จาง เราก็ค่อนข้างจะจับตามอง
ส่วนพรรคฉิว ...ชอบทุกคนเลยยยย เนี่ยเล่ม 3 เราถึงค่อนข้างตื่นเต้น ลุ้นดีว่าจะได้อะไรมาบ้าง ส่วนตัวคิดว่าต้องได้มาอีกคนให้ครบ 5 แน่ ๆ เอ๋...หรือครบแล้วนะ
ภาพปกจาก Hermit Publishing
เป็นภาพ 'หลินเซียว' ที่พระเอกปลอมตัว เป็นความลำเอียงของเราต่อผู้ชายชุดขาว พร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่น (?)
By Chadang
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in