ชาลาในอนธการ เล่ม 2
The Light in The Night
ผู้เขียน Priest
ผู้แปล Ayacinth
ผู้เรียบเรียง JinYue
ผู้วาด VREKX
เรื่องย่อ
คดีลักพาตัวเด็กหญิงที่ปิดคดีได้ยากเมื่อหลายสิบปีก่อน ได้เกิดขึ้นมาอีกภายหลังลั่วเหวินโจว และ เถาหราน พบสมุดบันทึกของอาจารย์ผู้ล่วงลับที่ถูกเก็บไว้ก้นกล่องเก็บของ การหายตัวไปของเด็กหญิงที่ไม่สามารถหาตัวผู้ต้องสงสัยได้ ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยให้ตามหาร่างไม่ว่าเป็น หรือเสียชีวิต สร้างความกดดันให้ทีม ลั่วเหวินโจว เมื่อคดีในครั้งนี้เจอสถานการณ์เหมือนกันไม่มีผิด ท่ามกลางเวลาจำกัดในการช่วยชีวิตเหยื่อให้เร็วที่สุด เฟ่ยตู้ ยังคงเข้ามามีส่วนช่วยในคดีครั้งนี้ พร้อมกับความสัมพันธ์ของเขาและลั่วเหวินโจว ที่เหมือนกำลังจะมีอะไรเปลี่ยนไปในทิศทางที่พวกเขาต่างคาดไม่ถึง
ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ปานกลางถึงมาก)
สวัสดีเดือนมีนาคมค่ะทุกคน ในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสหยิบนิยายมาอ่านในเดือนนี้ค่ะ เปิดด้วย ชาลาในอนธการ เล่ม 2 หลังจากในเล่มแรก ลั่วเหวินโจวและเฟ่ยตู้ได้ปรับความเข้าใจกัน หลังมีปมติดในใจจากเรื่องราวในอดีตมาตลอดเจ็ดปี เล่มสองนี้ พวกเขาก็มีเรื่องราวให้ได้เข้าใจกันและกันเพิ่ม ทั้งเรื่องในอดีตที่เหมือนจะเคลียร์ไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ประธานเฟ่ยไม่ทราบเกี่ยวกับหัวหน้าลั่ว หรือมุมมองของหัวหน้าลั่วต่อเฟ่ยตู้ ที่ในเล่มนี้เขาได้มองอีกฝ่ายเต็มสายตาเสียที ยังมีอดีตน่าตกตะลึงและเราคาดว่าน่าจะเชื่อมปมใหญ่ของเฟ่ยตู้อีกด้วย บอกเลยว่าอยากอ่านต่อมากเลยล่ะค่ะ! เล่าเรื่องหลังจากนี้ ขอหวีดไปด้วยเลยนะคะ > <
ฉันรักเธอ ฉันเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง แต่ฉันรักเธอ (โลลิตา)
หลังคดี สีแดงและสีดำ พวกเขาได้รวมกันอีกครั้ง เนื่องในโอกาส เถาหราน ขึ้นบ้านใหม่ เราชอบความเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนของลั่วเหวินโจวมาก ๆ เลยค่ะ ตอนเปิดตัวว่าท่านหัวหน้ากำลังทำกับข้าวคือ อบอุ่นดูดีมากๆๆๆ คุณชายคารมคมคายสมัยวัยรุ่นคนนั้น เป็นแดดดี้แสนดีในวันนี้มากเลยยย ส่วนทางเฟ่ยตู้ที่มาร่วมฉลองบ้านใหม่โดยการซื้อเครื่องชงกาแฟมาให้เถาหราน ก็แผ่ออร่าความไม่อยากใช้แรงของเขาออกมาเมื่อพบว่าลิฟต์เสีย และตนต้องเดินแบกของถึงสิบสองชั้น สุดท้าย เถาหรานกับคุณลั่วผู้อ้างว่าจะมาซื้อน้ำตาล ไม่ได้เป็นห่วงอะไรใครก็ต้องลงมารับ แน่นอนว่าหน้าที่ใช้แรงงานไม่พ้นลั่วเหวินโจวค่ะ 5555555 เป็นฉากเปิดเรื่องที่ดูสนุกเรียบง่าย และให้เห็นความสัมพันธ์ที่เริ่มเปลี่ยนไประหว่างหัวหน้าลั่วและประธานเฟ่ย สิ่งที่ชัดเจนจนเถาหรานจับได้ คือ สองคนนี้ไม่ค่อยต่อล้อต่อเถียงกันทุก ๆ สิบนาทีอีกแล้ว และเป็นลั่วเหวินโจวที่ดูจะอ่อนโยนดูแลประธานเฟ่ยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน คดีก็ถูกเริ่มเงียบ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศครื้นเครงนี่เองค่ะ
ทุกครั้งที่มองกลับไปในวัยหนุ่มสาว …
ถ้าจำกันได้ ในบทส่งท้ายของเล่มหนึ่ง ตอนที่ลั่วเหวินโจวปรับความเข้าใจกับเฟ่ยตู้ เขาได้เล่าคดีของอาจารย์ของเขากับเถาหรานให้เฟ่ยตู้ฟัง เพื่อบรรยายถึงแววตาคาดหวังของพ่อที่ลูกสาวหายไป และคาดหวังว่าอาจารย์ของเขาจะตามหาความจริงกลับมาได้…เล่มสองนี้ คือ คดีที่พี่ลั่วเล่าในเล่มแรกนั่นเองค่ะ คุณพ่อที่ถูกกล่าวถึงก็ได้ปรากฏตัวในคดีนี้เอง สำหรับตัวดคีหลักของเล่มเราขอให้ทุกคนได้ลุ้นติดตามม และขอเมาท์สิ่งที่เชื่อมกับคดีใหญ่ ซึ่งเราเดาว่าน่าจะเป็นองค์กร หรือแก๊งที่เชื่อมกับคดีเล่มหนึ่งค่ะ เล่มนี้เราจะเริ่มได้รู้แล้วว่า พ่อของเฟ่ยตู้ดูแล้วน่าจะเริ่มไม่ธรรมดา และเราคิดว่าน่าจะไม่ปกติแล้วล่ะค่ะ เหตุผลที่เฟ่ยตู้ไม่สามารถเลี้ยงลั่วอีกัวได้ มันหนักหน่วงมากค่ะ พออ่านเฉลย เห็นได้ว่าเขาไม่ไว้ใจตัวเอง ขณะเดียวกัน ถ้าเชื่อมกับคำพูดในตอนท้ายเล่มหนึ่ง ในสุสาน คดีอาจารย์ลั่วเหวินโจวที่ถูกแทงเมื่อสามปีก่อน พ่อของเฟ่ยตู้ที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน เฟ่ยตู้ที่เข้ากุมอำนาจบริษัทอย่างรวดเร็ว และ…ที่ดินติดทะเลที่ถูกระงับโครงการในท้ายเล่มนี้
ตอนแรกอ่านแล้วเหมือนเป็นคดีที่โดดออกมาจากเล่มแรก แต่จริง ๆ แล้วจุดเชื่อมโยงที่หย่อนไว้เยอะมาก ๆ เลยนะคะ
…ก็คล้ายกับเกล็ดหิมะขาวกลางพายุหิมะยามรุ่งอรุณ ถูกลมพัดปลิวหนีจากฉันไป (โลลิตา)
ชาลาในอนธการ เล่มนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนบอกได้เลยว่าพากันก้าวข้ามเส้นมาแดน จีบ เรียบร้อยแล้วค่ะ แค่ก ในเล่มแรก เรารู้สึกว่าจะเป็นมุมมองเฟ่ยตู้ที่มองลั่วเหวินโจวเต็ม ๆ ตา ว่าตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา คนคนนี้เปลี่ยนไปแล้วขนาดไหน และฉากหน้าที่มักหงุดหงิดและกัดกันบ่อย ๆ เบื้องหลังนั้นหัวหน้าลั่วคนนี้กลับดูแลเขามาโดยตลอดเจ็ดปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราว หรือสิ่งของที่ดึงเขาสู่แสงสว่างอันอบอุ่น ล้วนมาจากชายคนนี้ที่ส่งผ่านเถาหรานเสมอมา ขณะเดียวกัน ในเล่มสองตอนต้น ลั่วเหวินโจวเองก็ได้มองเฟ่ยตู้เต็มตาเสียทีแล้วค่ะ รอยต่อระหว่างเด็กแสบ กับเด็กในความดูแลที่คอยตามห่วง กับประธานเยือกเย็นมากความสามารถ ได้หลอมรวมเป็นคนเดียวกันในสายตาเขาเรียบร้อยแล้ววว จริง ๆ สองคนตอนแรกไม่ใช่ว่าจีบกันเหรอกค่ะ แกล้งกันมากกว่า แต่ตอนหลังไม่ใช่แล้ววว ทางประธานเฟ่ยน่ะค่ะ ไม่ใช่แล้ววว คืออ่านละเขินมาก ดูไม่ได้ทำอะไรมากแท้ ๆ ก็แค่จัดเสื้อผ้าไหมคะ ไม่ก็แค่โน้มตัวหยิบของ คนอ่านรู้ พ่อลั่วรู้ว่ามีคนจงใจแกล้งหยอก แต่ก็อดใจเต้นตามไม่ได้!
ทว่าท้ายเล่มมมมม การเล่าแบบให้รำลึกถึงฉากช่วงแรกของเล่มแรก การจอดรถหรูมาโอ้อวด เพื่อรับคนหน้าสถานีตำรวจจนจะโดนใบสั่งของเฟ่ยตู้ การแต่งตัว ไม่สวมแว่นและเลือกน้ำหอมแบบที่หัวหน้าลั่วชอบ นี่มัน นี่มันนนนนน ชัดเจนมาก! แดดดี้ลั่วของผมกำลังโดนล่อลวงงงง ประธานเฟ่ยคนแพรวพราววว ย๊ากกกกก เขินมากค่า กระเบื้องดินเผาเคลือบอันล่ำค่า
ชาลาในอนธการ เล่ม 2 ถ้าเทียบกับเล่มแรกค่อนข้างบู๊น้อยกว่า แต่ความกดดันทางจิตใจเกี่ยวกับผู้เสียหายในเรื่องค่อนข้างอึมครึมมากกว่าค่ะ อ่าน TW แล้วหากไม่ไหวไม่โอเค ดูแลใจตัวเองกันไว้ก่อนนะคะ เราค่อนข้างอ่อนไหวเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ก็ทำใจก็เปิดเรื่องสักพักเลยค่ะ //ความคิดเห็นส่วนตัวเราหลอนกับหน้าเปิดตอนในทุกบทเลยค่ะ ;---; ลุยอ่านตอนกลางคืนด้วย// ใด ๆ ในเรื่องของตัวละครทุกตัวมีบทบาทที่ดีมาก ๆ และชวนลุ้นในการสืบคดีมากค่ะ แถมเราชอบความสนิทกันและหยอกล้อกันของแต่ละคนมาก โดยเฉพาะสองตัวเอกที่ชอบหยอกล้อกันด้วยคำว่า ที่รัก แพ้ทางคำนี้มากค่ะ! รอติดตามเล่มสามต่อเลยว่า หัวหน้าลั่วรู้ตัวแล้วหรือยังว่าโดนจีบไม่ได้โดนแกล้งงง // แต่นี่ว่ารู้ค่ะ เรื่องที่หัวหน้าลั่วอยากคุยกับเฟ่ยตู้แต่หลับไปก่อนนี่ เราว่าคงเรื่องนี้ไหมนะคะ
กระซิบส่งท้าย: จริง ๆ เราไม่รู้โพเรื่องนี้เลยล่ะค่ะ 5555 อ่านไปแล้วก็รู้สึกว่าจะลงเรือฝั่งไหนก็ดูอร่อยยย กำลังลุ้นเอาเองว่าจะลงเรือถูกฝั่งไหมนะ นึกถึงการ์เดี้ยนที่ลงพลาด แล้วก็หัวเราะ เรื่องนี้จะเป็นยังไงน้อออ (ส่วนลิ่วเหยาที่ซื้อเพราะนิสัยคนงาม ย่อมไม่ต้องลุ้นค่ะ รักมากคนนี้ ฆ่าหมาป่าก็ด้วยยย ลูกชายย ฆ่าหมาป่าก็ด้วยยย ลูกชายย แน่นอนว่านักรบพเนจรสุดขอบฟ้าก็ด้วยค่ะ แพรวพราวว)
By Chadang
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in