เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวนิยายฉบับคนชอบดองChadang
รีวิว เริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 4


  • รีวิว  เริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 4

    ผู้แต่ง WU ZHE

    ผู้แปล โหมวโหม่ว

    ผู้วาด Mocon

    สำนักพิมพ์ Lavender Publishing

    เรื่องย่อ

    --- ขอยกไปความเดิมค่ะ ---


    รีวิวเล่มสามนี้มีสปอยล์มากนะคะ

    ดูแนวแบบสปอยล์ไม่มาก >> รีวิว เริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 1

    >>รีวิว เริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 2

    >> รีวิว เริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 3



    ความเดิมเริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 3

             เจี่ยงเฉิง เริ่มรู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ในเมืองเก่าแห่งนี้ โดยมีตัวตนของกู้เฟยอยู่เคียงข้างอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เสียงหัวเราะของเพื่อนรอบตัวเองก็เริ่มดึงเขาสู่ตัวตนเดิม จนกระทั่งสายเรียกเข้าของอดีตคนที่คิดว่าเป็น ‘แม่’ โทรมาเล่าเรื่องพ่อที่แท้จริงของเขาโทรไปยืมเงินอีกฝ่ายโดยอ้างว่าเป็นค่าเลี้ยงดู ‘เขา’ ให้ฟัง อารมณ์ที่ดีของเจี่ยงเฉิงพลันแตกสลายไปในพริบตา กู้เฟยกลับเข้าใจเขาเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายจึงพาเจี่ยงเฉิงไปที่ลับของแก๊งเขา และอยู่พูดคุยกับเจี่ยงเฉิงทั้งคืน…ใครจะคิดว่าพวกเขาจะข้ามเส้น ‘เพื่อนร่วมโต๊ะ’ กันที่นี่…ยามเช้ามาเยือนอิทธิพลแอลกอฮอล์บาง ๆ ที่เสริมความวู่วามเลือนหาย แม้เจี่ยงเฉิงจะอยากระเหิดไปในอากาศ แต่กู้เฟยเข้าใจเขาพอที่จะทำตัวปกติ ทว่าในความปกติ ความรู้สึกใกล้ชิดก็ก่อตัวขึ้นเกินกว่าเพื่อนร่วมโต๊ะต่างปิดบังกันและกันไม่ได้ ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปยังคงไม่ชัดเจน แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเขากับหลี่เป่ากั๋วกระจ่างแล้วว่าไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เจี่ยงเฉิงก้าวออกมาจากห้อง ๆ นั้น พร้อมยื่นคำขาดว่าต่อจากนี้ เขาเป็นเด็กกำพร้า ในจังหวะชีวิตที่สับสนวุ่นวาย กู้เฟยยังคงเป็นคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ความรู้สึกอุ่นใจนี้ทำให้ความไม่ชัดเจนในความรู้สึกที่มีพผลักดันให้เจี่ยงเฉิงอยากลองก้าวออกไปยังโลกของอีกฝ่ายมากขึ้น …แท้จริงแล้วตัวตนอันธพาลน้อยที่ไม่มีใครกล้ายุ่งแห่งนี้เป็นอย่างไรกัน?



    ความรู้สึกหลังอ่าน (มีสปอยล์มากกกกกกกกค่ะ)

            เริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 4 มีหลายจุดที่ถ้าเล่าน่าจะเป็นสปอยล์มาก ๆ เพราะเนื้อเรื่องดำเนินมาเกินครึ่งแล้วค่ะ ขนาดเล่มไต่ระดับความหนาจากเล่มสองมากอีกขึ้น ดังนั้นใครติดตามเรื่องนี้ แล้วยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ หรือใครที่ต้องการลุ้นไปกับเนื้อเรื่อง แต่อยากรู้แค่แนว ขอแนะนำว่าอ่านรีวิวสุดที่เล่ม 2 ก็พอค่ะ ส่วนของเล่ม 3 เป็นต้นไปนี้ คือเรามาหวีดล้วน ๆ แล้วค่ะ จะโดนส่วนที่ต้องลุ้นกันได้น้า ใครหลงมาเลื่อนขึ้นไปที่ลิงก์บนเร็วค่า

          เปิดปีใหม่ด้วย เริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 4 บอกตามตรงว่าทั้งตกใจ ตื่นเต้นและดีใจมากค่ะ ไม่คิดว่าจะได้จับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของปี (ซึ่งช่วงต้นปีแสนวุ่นวายของเราคงมา ๆ หาย ๆ ค่ะ ถ้าแวบมาคงเป็นเล่มต่อประมาณนี้ หรือเล่มเดียวจบ ;---;) ซึ่งเล่ม 4 นี้สมกับเป็นการยกระดับจากกลางเรื่องที่เป็นช่วงพีคจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพื่อนกลายเป็นคนรักของทั้งสองคน และเข้าสู่การทำความรู้จักกันและกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น จากเล่มสาม ที่เราทิ้งท้ายลุ้น ๆ ไว้ว่าปมที่น่าติดตามต่อไป คือเรื่องครอบครัวเจี่ยงเฉิงและเรื่องความฝันของกู้เฟย ในเล่มสี่นี้ ถูกดึงมาเล่าทั้งคู่เลยค่ะ โดยนักอ่านจะได้อ่านมุมมองความรู้สึกกู้เฟยมากยิ่งขึ้น จะได้เห็นความแคร์ ความกังวลจากความรู้สึกรักมาก ความถนอมเอาอกเอาใจของเขาเต็มไปหมด แน่นอนว่าปมเรื่องความฝันก็ถูกดึงมาให้ลุ้นกันเล่มนี้ ส่วนอีกเรื่องที่เหมือนปิด แต่ก็เหมือนยังทิ้งตะกอนเอาไว้อย่างครอบครัวเจี่ยงเฉิงเอง ก็มีให้กำหมัดกันจนหน้าสุดท้ายของเล่มค่ะ มาค่ะ เล่ม 4 มีอะไร รออยู่บ้างงง แต่ก่อนอื่นเลย



    คำเตือน สำหรับเล่มนี้ มีการกล่าวถึงการฆ่าตัวตายอย่างละเอียด โปรดระมัดระวังและพิจารณาก่อนอ่านนะคะ



    เธอแค่โอบกอดกันไว้ ฉันอยากก้าวข้ามผ่านวันและเวลา

              เนื้อเรื่องเล่มนี้สลับระหว่างหวาน อบอุ่น ขม และหน่วง ตลอดทั้งเล่มเลยค่ะ หลังทั้งคู่ก้าวเข้าสู่ความสัมพันธ์ของ ‘คุณแฟน’ ของกันและกัน กู้เฟยก็วนมาหาเจี่ยงเฉิงบ่อยช่วงวันหยุดจนโดนราชินีตัวน้อยตามกลับบ้านแล้ว ชีวิตที่ปราศจากผู้ปกป้องคอยดูแลของเจี่ยงเฉิงดำเนินไปอย่างสงบ ท่ามกลางความคิดระแวดระวังอยู่บ้างว่าพ่อแท้ ๆ เขาเป็นอย่างไรในตอนนี้ จนกระทั่งเขาพบอีกฝ่ายโดยบังเอิญที่โรงพยาบาล และรู้ว่าหลี่เป่ากั๋วเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย สำหรับเรานี่เป็นความรู้สึกซับซ้อนของเด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปดคนหนึ่งที่โดนทิ้งมาอยู่ในที่ที่ใคร ๆ ก็บอกคือ บ้านแท้จริงของเขา แต่บ้านที่ว่าก็เต็มไปด้วยความรุนแรงและการด่าทอ เลวร้ายไม่ต่างจากความเย็นชาที่ได้จากบ้านอีกหลังที่เขาใช้ชีวิตมาตลอดเลย แต่เมื่อเจี่ยงเฉิงทราบว่าคนที่มีสายเลือดเดียวกันคนนั้นป่วย ใจเขาย่อมมีส่วนอยากให้อีกฝ่ายรักษาตัว ทว่ากู้เฟยที่เติบโตที่นี่มาตลอดก็เข้าใจสถานการณ์ฝั่งหลี่เป่ากั๋วดี และแน่นอนว่าเขาก็เข้าใจความรู้สึกแฟนของเขาดีด้วยเช่นกัน จึงพยายามเตือนตรง ๆ แต่ก็ละมุนละม่อมถึงวิธีการรับมือกับเรื่องนี้ …โดยพวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องจะดำเนินไปในจุดเลวร้ายยิ่งกว่านั้น



    มีเธออยู่บนไหล่ซ้ายหันมายิ้มให้กันบนไหล่ขวา ฉันอยากวิ่งโลดแล่นอิสระ….ในสายตาของเธอ

               เจี่ยงเฉิง ผ่านเรื่องของครอบครัวไปได้ โดยมีกู้เฟยคอยสนับสนุนอยู่เคียงข้าง และเพื่อนร่วมห้องทีมบาส ที่ถึงไม่รู้เรื่องแต่ก็ยังยกพลกันออกมาสนับสนุน เรียกว่าอบอุ่นมากเลยค่ะ ยังมีพันจื้อ เพื่อนแท้ของเจี่ยงเฉิงที่น่ารักมาก ๆ ไม่ว่าจะข้อสอบ หรือกำลังใจ ก็พร้อมส่งมาให้คุณปู่ของเขาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะหวังว่าคุณปู่สุดซี้ท่านนี้จะก้าวออกจากเมืองเก่าแห่งนี้ ไปยังมหาวิทยาลัยที่พวกเขาเจอกันได้สะดวกสบายขึ้น และเพราะวิธีคิดของพันจื้อนี่เอง เรื่องข้อความที่ทิ้งปมไว้ในเล่มสาม ซึ่งเกี่ยวโยงกับความฝันและการออกจากที่นี่ของกู้เฟยถูกกวนตะกอนขึ้นมาให้ขบคิดอีกรอบค่ะ ทางฝั่งกู้เฟย เรียกว่าคิดความเป็นไปได้ทุกอย่างไปหมดแล้ว สำหรับเขาไม่ว่าจุดจบไหน เจี่ยงเฉิงต้องไปจากเมืองนี้ ไปในที่ที่ดีกว่านี้…แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่เป็นแบบนั้น ย่อมไม่มีทางมีเขาร่วมด้วย…เพราะเขาออกไปจากที่นี่ไม่ได้ กู้เฟยคิดเผื่อทุกอย่าง เขาถึงระวังทุกคำพูด เพื่อไม่ทิ้งร่องรอยอะไรที่จะทำให้เจี่ยงเฉิงเสียใจภายหลัง ขณะเดียวกันก็แทบจะโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้อย่างดี เพราะรู้ว่าเจี่ยงเฉิงอ่อนไหวมาก อีกฝ่ายกลัวการสูญเสียจนกู้เฟยกลัวพูดอะไรไปแล้วเจี่ยงเฉิงจะฝังใจ โดยทางเจี่ยงเฉิงเองกลับคิดตรงกันข้าม ทุกการกระทำเขาเชื่อมั่นแล้ว และเมื่อวางเป้าหมายแล้วเขาจะไปให้ถึง ต่อให้วันนี้ในอนาคตจะเป็นอดีตที่เจ็บปวด เขาจะสลักมันลึกลงไปทั้งบนตัวเขาและคนรัก ว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเคยมีกันและกัน



    ฉันอยาก…นั่งมองเผลอเพียงอึดใจก็ถึงยามแก่เฒ่า

    “ฉันจะรักนายจนกว่านายจะไม่ต้องการฉัน”

    “รักกันไปตลอด…เป็นไปไม่ได้เหรอ”

             ด้วยเพลง การกระทำ กระบวนการคิด และคำพูดของทั้งสองคน เรารู้สึกจริง ๆ ว่าพวกเขารักมาก มาก แต่วิธีการคิดของทั้งสองคนกลับไม่เหมือนกัน กู้เฟยมองโลกแบบเริ่มต้นจากขั้นตอน ทำให้เขามองความเป็นไปได้ในทุกแบบ ซึ่งจะมีผลลัพธ์หลายแบบเกิดขึ้น เพื่อให้เขาจำลองและเตรียมใจ เขาเป็นคนคิดมาก มีภาระ จึงต้องรอบคอบละเอียดอ่อน กับความรักที่มอบให้เจี่ยงเฉิงจึงเป็นการทุ่มเททุก ๆ ปัจจุบันขณะ แม้ว่าอนาคตสุดท้ายที่เขาคิด ภาพของอีกฝ่ายจะไม่มีเขาอยู่ตรงนั้น

             ขณะที่ทางเจี่ยงเฉิงกลับคิดถึงผลลัพธ์ ซึ่งจะมีเพียงหนึ่งเดียว และเขาจะพยายามมองหาวิธีทางไปถึงมันในทุก ๆ ปัจจุบันที่ดำเนินอยู่ ไม่ว่าแต่ละขั้นตอนวิธีจะลำบากยังไง เขาไม่สนใจ เขาจะข้ามผ่านมันในเวลา ๆ นั้น ๆ ไปได้เอง…นั่นทำให้ภาพที่เจี่ยงเฉิงเห็นในอนาคต จึงมีกู้เฟยอยู่เพียงผลลัพธ์เดียว และเขาจะพยายามก้าวเข้าไปคว้าอีกฝ่ายออกเดิมไปด้วยกัน และพยายามจะเข้าใจทุก ๆ ความคิดที่อีกฝ่ายมีและชอบเก็บเงียบเอาไว้

            เล่ม 4 ความรักของพวกเขา คือ การเรียนรู้กันและกัน เพื่อต่อยอดจากสถานะแฟน เข้าสู่คู่ทุกข์คู่ยากและจะกลายเป็นคู่ชีวิต ด้วยวิธีคิดที่แตกต่างกัน ทั้งเล่ม เราจึงจะเห็นสถานการณ์ที่พวกเขาต้องคุยกันบ่อย ๆ ไม่มีปัญหาไหนระหว่างคนใกล้คิดที่เก็บไว้แล้วจะไม่ปะทุ สองคนนี้ใช้ความหุนหัน ตรงไปตรงมา ของวัยรุ่นได้ถูกจุดตรงที่รู้สึกยังไงถึงจังหวะที่เหมาะสมก็จะพูดออกมา และก็มีความเป็นผู้ใหญ่พอที่จะเคารพและให้พื้นที่กันและกัน …เราชอบคู่นี้มากค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ต่างคนต่างหลงและรักกันในทุกจุด ส่วนตัวไม่คิดว่าจะเรียกว่าคลั่งรัก …แต่รักกันปานจะกลืนกินแล้วล่ะค่ะ 5555555 ใส่ซอสกันพร้อมทานน แค่ก ๆ



            เริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เป็นนิยายที่บรรยายกาศดีมากกก การบรรยายการสกินชิฟ สายตาที่มองกัน หรือความรู้สึกต่ออีกฝ่ายที่สลับกันเล่า คือ ดีไม่ไหวแล้วค่ะ ละความตามใจกันของแต่ละคนคืออออ อย่างเจี่ยงเฉิงจะมีแบบคอยมองตามไม่ห่างสายตา ทำอะไรให้ทีทุ่มเทวางแผนอย่างดีไม่มีใครเกิน ส่วนกู้เฟยจะเป็นไทป์ขอแค่บอกมาว่าอยากได้อะไรจะทำให้ทุกอย่าง ตามใจเก่งงงมากก โดยเฉพาะเวลารู้ทันว่าจะเป็นเรื่องที่อาจจะโดนโกรธก็คือ อ้อนไว้ก่อนนนน เยี่ยมค่ะ! ใด ๆ ส่วนตัวเราโอเคกับการสลับรุกรับ และคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องที่คู่รักเขาตกลงกันว่าจะมีความสุขแบบไหน ความจริงไม่แน่ใจว่าควรจะเขียนถึงไหมค่ะ แต่เหมือนมีคนซีเรียสเรื่องนี้ เลยคิดว่ามาพูดไว้จะดีกว่า …คู่นี้ เขามีการคุยกันถึงความต้องการและความชอบของอีกฝ่าย พวกเขาเลยตกลงกันว่า สามารถทำอย่างเท่าเทียมกันได้ ทั้งคู่เลยสลับกันรุกรับค่ะ อันนี้เราควรเรียกว่าเป็นแนวทางอ่านรสชาติของความรักของแต่ละคน แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องนี้มีอิทธิพลจนกลบเนื้อหาหลักของนิยายค่ะ เรื่องราวของพวกเขาดีมากกกกกกก จริง ๆ ค่ะ (ซึ่งส่วนตัวอ่านแล้วสลับคู่นี้คือดีงามค่ะ คนหนึ่งน่าจะเรียกว่าเร่าร้อน อีกคนเรียกว่าค่อย ๆ กิน ค่อย ๆ ชิมให้คลั่งตายกันไปข้างหนึ่งค่ะ //ไฟลุกกกก)

           อย่างไรก็ตามเล่มนี้น่าจะถือว่ารวม Talk แล้วค่ะ อยากให้ได้สัมผัสเล่ม 4 กันว่าพวกเขาจับมือก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้อย่างไร เราไม่ถึงกับเสียน้ำตาในเล่มนี้ แต่มีอกตื้อ ๆ แบบเป็นไปกับทุกการเคลียร์ปมในทั้งเล่มค่ะ Y-Y


            ไม่มี Talk แต่ขอมีหวีดฉากประทับใจค่ะ > < อาจจะไม่ครบตามที่ถ่ายภาพเก็บไว้ทั้ง 98 หน้า แต่ก็ขอคัดมาบอกเล่าด้วยหัวใจที่หวาน ๆ หน่วง ๆ และอบอุ่นมากค่ะ >> Blog <<


    By Chadang

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in